ตอนที่ 4 ประกาศสงคราม
“วันพรุ่งนี้คุณพ่อว่างไหมคับ”
เด็กชายวิธวินท์ถามขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นมื้อค่ำไปเกือบๆสองชั่วโมงแล้ว แต่พ่อหนูน้อยก็ยังไม่ยอมไปนอนและยังคงอยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นบิดา
“วันพรุ่งเหรอครับ?”
วิชญะทวนคำของผู้เป็นลูกชาย บนใบหน้าเริ่มมีเค้าลางของความลำบากใจ ซึ่งเมษิณีสังเกตเห็นได้
“คับ” น้องวิธทวนคำแล้วพยักหน้าหงึกทั้งที่ตาเริ่มปรือ
“พรุ่งนี้มีอะไรเหรอครับวิธ”
วิชญะถามลูกชายที่อยู่ในอ้อมแขนแล้วแกล้งเขย่าเจ้าตัวเล็กเบาๆ
“คืออย่างงี้นะคับ” น้องวิธผละจากอกคุณพ่อแล้วพูดต่อไปว่า “พรุ่งนี้มีงานโรงเรียนคับ คุณคูบอกว่าให้พาคุณพ่อกับคุณแม่ไป วิธจะบอกคุณพ่อตั้งหลายทีแล้วแต่คุณพ่อไม่กลับบ้านเสียที”
วิชญะรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะวันพรุ่งนี้นั้น...เขามีนัดเสียแล้ว
“วิธครับ คือ...” ชายหนุ่มรู้สึกพูดไม่ออกเมื่อต้องบอกกับลูกชายที่มองเขาอย่างมีความหวังว่าเขา...ไปไม่ได้
และดูเหมือนเมษิณีกับวิชยุตม์จะเข้าใจอาการอึกอักนั้นได้เป็นอย่างดี ทำให้เมษิณีรีบช่วยกู้สถานการณ์กระอักกระอ่วนของวิชญะนั้นโดยเร็ว แม้จะสะใจลึกๆที่เห็นชายหนุ่มถึงกับพูดไม่ออกก็ตาม
“น้องวิธครับ พรุ่งนี้คุณพ่อไม่ว่าง มีคุณแม่ไปกับน้องวิธสองคน ไม่เป็นไรนะครับ”
หญิงสาวดึงลูกชายตัวน้อยให้มานั่งซ้อนตัก มือบอบบางลูบไล้ผมสีดำสนิทแนบไปกับศีรษะทุยของผู้เป็นบุตรชายในขณะที่พูด
“ค้าบ...”
น้องวิธรับคำเสียงอ่อย ใบหน้าเล็กๆม่อยลงด้วยความผิดหวัง ทำให้วิชยุตม์รีบเอ่ยแทรกขึ้นทันทีว่า
“แต่พรุ่งนี้อาเล็กว่างนะครับ อาเล็กขอไปกับน้องวิธด้วยคนได้ไหมเอ่ย...”
ชายหนุ่มเอ่ยราวกับจะหลอกล่อเด็กชาย ซึ่งน้องวิธรีบพยักหน้าเร็วๆทันที
“ได้สิครับ ทำไมน้องวิธจะไม่อยากให้อาเล็กไป”
เด็กชายพูดจบก็เผยยิ้มกว้าง ก่อนจะอ้าปากหาวแล้วรีบเอามือเล็กๆปิดปากตัวเองทันควันเมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่ไม่ชอบให้ตนทำแบบนั้น
“ง่วงแล้วก็ไปนอนสิลูก พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้านะ” เมษิณีพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกชายนั้นตาปรือแทบจะปิดอยู่แล้วแต่ก็ยังดื้อไม่ยอมหลับยอมนอนเสียที
“วิธอยากอยู่กับคุณพ่อนานๆนี่ครับ”
คำตอบง่ายๆจากพ่อหนูน้อยทำให้ผู้ใหญ่ถึงกับเงียบ แล้ววิชญะก็รีบแก้สถานการณ์โดยการช้อนตัวลูกชายขึ้นมาแล้วพูดว่า
“แต่พ่อว่าวิธไปนอนก่อนดีกว่านะลูก พ่อยังอยู่กับลูกไม่ได้ไปไหนนี่ครับ”
พูดจบก็อุ้มลูกชายเดินตรงไปยังห้องนอนท่ามกลางสายตาของอีกสองคนที่เหลือ
ทั้งคู่ไม่รู้หรอกว่าวิชญะโล่งใจแค่ไหนที่ลูกชายไม่โกรธที่เขาไปกับลูกพรุ่งนี้ไม่ได้
...หวังว่าวิธจะไม่โกรธพ่อนะครับลูก พ่อจำเป็นจริงๆ...
วันต่อมา
เด็กหญิงพัณนิดาวิ่งตื๋อออกมาหน้าบ้านหลังเล็กของตนเองเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์คุ้นหูแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน แล้วรีบเปิดประตูบ้านใหญ่กว่าเจ้าตัวให้กับวิชญะที่ยืนยิ้มรับด้วยความอิ่มเอม
“น้องบัวนึกว่าลุงใหญ่จะไม่มาซะแล้ว” แม่หนูน้อยพูดเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของวิชญะเรียบร้อยแล้ว
“ต้องมาสิครับ ลุงใหญ่สัญญากับน้องบัวไว้แล้วนี่นา”
ชายหนุ่มพูดพลางหอมแก้มยุ้ยๆของแม่หนูน้อย แล้วสาวเท้าตรงเข้าบ้านหลังเล็กๆ มันเป็นทาวโฮมขนาดสามห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น และหนึ่งห้องครัวที่เขาซื้อให้กับพิรฏาเมื่อเดือนก่อน
ของแค่นี้ไม่สะเทือนขนหน้าแข้งเขาเลยสักนิด...กับการทำให้เธอได้รู้ว่าเขารักเธอจริงๆ ไม่ได้หวังแค่หลอกเธอเพราะเธอเป็นแม่ม่ายลูกติด
วิชญะคิดว่าตนเองหัวสมัยใหม่และใจกว้างพอที่จะไม่ถือสาผู้หญิงที่ผิดพลาดกับชีวิตคู่มาก่อน คุณค่าของพวกเธอวัดกันที่ทางด้านจิตใจไม่ใช่ทางกาย
“น้องบัวรักลุงใหญ่จังเลยค่ะ นี่เป็นปีแรกเลยนะคะที่น้องบัวจะมีลุงใหญ่กับแม่โบว์ไปด้วยกัน ประจำน้องบัวมีแต่แม่โบว์คนเดียว ทีนี่เพื่อนๆก็จะล้อน้องบัวว่าไม่มีพ่อไม่ได้อีกแล้ว” เด็กหญิงยิ้มกว้าง ดวงตาแวววาวดั่งลูกแก้วกลมใสวาววับ “เมื่อไหร่ลุงใหญ่จะมาเป็นพ่อน้องบัวสักทีค้า...”
“ต้องถามแม่โบว์ดูสิครับว่าอยากรับเลี้ยงลุงหรือยัง?”
ชายหนุ่มพูดพลางยิ้มกว้าง แล้วส่งรอยยิ้มนั้นไปให้พิรฏาที่ยืนมองภาพนั้นนิ่งด้วยสายตาราวกับเจ็บปวดวูบหนึ่ง ก่อนมันจะหายไปอย่างรวดเร็ว
“แหม...สองลุงหลานทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ?”
พิรฏาเอ่ยเสียงหวาน แล้วสาวเท้าตรงไปหาคนทั้งคู่ ตอนนี้ร่างบางอยู่ในชุดเดรสสีดำแนบลำตัว อวดหุ่นสวยราวกับเธอไม่เคยมีลูกมาก่อน วันนี้หญิงสาวปล่อยผมยาวสลวยดำขลับราวกับไหมชั้นดีของตนเองลง ใบหน้าสวยคมสะกดสายตาผู้คนถูกแต่งแต้มสวยงาม ด้วยวันนี้หญิงสาวจะต้องไปเป็นผู้ปกครองของลูกสาวตัวน้อยในยามเช้า แล้วภาคบ่ายถึงจะเข้าสำนักงานพร้อมกับวิชญะที่ไปสัญญิงสัญญากับแม่หนูพัณนิดาว่าจะไปงานโรงเรียนกับแม่หนูเช่นกัน
“แม่โบว์ค้า...เมื่อไหร่ลุงใหญ่จะมาเป็นพ่อน้องบัวเสียทีค้า”
น้องบัวถามในขณะที่แขนโอบรอบศีรษะของชายหนุ่มไว้แน่น แล้วจึงเอนศีรษะเล็กๆของตนซบกับไหล่หนาของวิชญะด้วยท่าทีออดอ้อน ทำเอาชายหนุ่มรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกกับท่าทีฉอเลาะของแม่หนูบัวตัวน้อย
พิรฏาถึงกับสะอึกกับคำถามของลูกสาว พ่อ...อย่างนั้นเหรอ
หญิงสาวมองใบหน้าของวิชญะ วูบหนึ่งใจเธอมีแต่ความชิงชังและขยะแขยง แต่ก็จำต้องเก็บกดมันให้อยู่ในซอกหลืบของจิตใจ
ผู้ชายคนนี้ไม่รู้หรอกว่าเธอทั้งรังเกียจ และขยะแขยงเขาแค่ไหน?!
ไม่สิ! ไม่เพียงแค่เธอ...แต่เป็นสองพี่น้องแห่งวงษานุวัฒน์ต่างหากที่เกลียดเขา!
วิชญะมันก็แค่ผู้ชายเจ้าชู้มักมาก ไม่รู้จักพอ