หึ...
หญิงสาวเหยียดยิ้มที่มุมปาก ดวงตาคมสวยฉายแววแปลกในความรู้สึกของวิชญะ วูบหนึ่งเขารู้สึกมันสิ่งที่อยู่ในดวงตาของเธอคือความเยาะหยัน เหยียดหยาม และรังเกียจ
ซึ่งมันเป็นหลายครั้งเหมือนกันที่เขาจับความรู้สึกนั้นจากเธอได้
แต่พอดูอีกครั้ง...เขากลับไม่เห็นแววตาเช่นนั้นในดวงตาของเธอ นอกจากความหวามหวาน
มันทำให้วิชญะคิดมาตลอดว่าเขาคงคิดมากไปเอง
“คงจะไม่ได้หรอกนะคะ...เดี๋ยวคุณพ่อที่อยู่บนสวรรค์จะน้อยใจนะคะน้องบัว เรียกคุณลุงอย่างเดิมดีกว่านะคะ”
พิรฏาบอกกับลูกสาวเสียงหวาน แม่หนูหน้าม่อยแล้วกอดคอวิชญะแน่นแต่ก็รับคำของคุณแม่สาวสวยเป็นอย่างดี
“ค้า...”
“ดีค่ะลูก ยังไงลุงใหญ่ก็คือลุงใหญ่นะคะ คุณลุงเป็นพ่อของน้องบัวไม่ได้หรอกค่ะ” หญิงสาวเอ่ยสำทับ ด้วยความสะใจลึกๆ
วิชญะจะต้องเจ็บเหมือนอย่างที่เธอเจ็บ
เมื่อไหร่ที่ความจริงทั้งหมดเปิดเผย...เขาจะต้องตายทั้งเป็นอย่างที่บีมของเธอเป็น
แค่ที่เธอยอมให้เขาเข้าใกล้น้องบัวก็ถือว่าเธอปราณีมากแล้ว อย่าได้คิดฝันเลยว่าเขาจะได้เรียกน้องบัวว่าลูกเป็นอันขาด! น้องบัวเป็นกรรมสิทธิ์ของเธอและแบม จะไม่มีใครหน้าไหนมาแย่งแกไปได้...เธอจะทรมานเขาในทุกวิถีทาง...ในเมื่อนี่คือสิ่งที่เธอสัญญากับตนเองในวันที่รู้เรื่องเหล่านี้
ยอดปรารถนาเพียงอย่างเดียวของเธอคือการทำลายผู้ชายคนนี้...และเธอก็กำลังจะทำสำเร็จ!
พิรฏาคิดอย่างสะใจ...แล้วแย้มรอยยิ้มสวยออกมา
แต่วิชญะที่ไม่รู้ในความคิดของหญิงสาวกำลังมุ่นหน้า คิ้วเข้มแทบจะชนกันอยู่แล้วกับสิ่งที่หญิงสาวสอนกับน้องบัว แต่เพราะรู้ว่าน้องบัวไม่ใช่ลูกของเขา แม้เขาจะนึกรักแม่หนูราวกับเป็นลูกของตนเองก็ตามแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อหญิงสาวไม่อนุญาตให้แม่หนูเรียกเขาว่าพ่อ...เขาก็คงจะแย้งอะไรไม่ได้
พิรฏาเห็นความไม่พอใจในแววตาของเขาจึงเอื้อมมือเรียวแตะแก้มสาก แล้วแสร้งปลอบโยนเสียงหวานกับอีกฝ่ายว่า
“ที่โบว์ไม่ให้น้องบัวเรียกคุณใหญ่ว่าพ่อ เพราะโบว์สำหรับโบว์คุณใหญ่คือคุณใหญ่ พ่อของน้องบัวก็คือพ่อของน้องบัว โบว์ไม่อยากให้แกเอาคุณมาแทนที่เขา เหมือนที่โบว์ไม่เอาคุณมาแทนที่พ่อน้องบัวในใจโบว์ไงคะ” หญิงสาวพูดวกวนชวนงงกับอีกฝ่าย แต่ก็รีบเสริมขึ้นมาเสียงหวานว่า “...เพราะโบว์รักที่คุณเป็นคุณ...” เพียงแต่โบว์เกลียดคุณมากกว่าเท่านั้นเอง...
หญิงสาวต่อประโยคนั้นในใจ แน่นอนว่าวิชญะไม่อาจรู้เพราะเขายิ้มปลื้มกับถ้อยคำหวานของเธอ ร่างสูงยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอย่างทุลักทุเลเพราะมีแม่หนูน้อยอยู่ในอ้อมแขน และเมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่พวกเขาจะต้องออกเดินทางไปยังโรงเรียนของแม่หนูแล้ว เนื่องจากช้ากว่านี้พวกเขาคงจะไปถึงสาย แล้วเมื่อตระหนักถึงความจริงข้อนี้วิชญะจึงเอ่ยชวนหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแจ่มใสว่า
“ไปกันได้แล้วครับโบว์ ไปช้ากว่านี้น้องบัวจะสายเอาน้า”
พูดจบมืออีกข้างก็กุมมือบอบบางของหญิงสาวกระชับแล้วก้าวเดินไปยังรั้วบ้านที่เปิดค้างไว้อยู่แล้ว ส่งสองแม่ลูกขึ้นไปนั่งบนรถยนต์คันหรูเรียบร้อย สารถีหนุ่มก็เดินกึ่งวิ่งไปประจำที่นั่งคนขับ พารถยนต์คันงามเคลื่อนออกไปทันที
พิริยามองภาพที่รถยนต์คันหรูคันนั้นแล่นจากหน้าบ้านของตนไปด้วยสายตาชิงชังจับขั้วหัวใจ
เธอเกลียดผู้ชายคนนั้น..เกลียดๆๆๆ แล้วก็เกลียดจนจับขั้วหัวใจ!
เขาทำให้พี่สาวของเธอต้องทุกข์ระทม เมื่อไหร่หนอ...พี่โบว์จะเดินแผนขั้นต่อไปเสียที
แผนการที่ช้าไปกว่าสามปีเพราะเธอมันไม่เอาไหน...
เพราะเธอเด็กเกินไป...ทำให้เธอไม่สามารถทำในสิ่งที่พี่โบว์กำลังทำในตอนนี้ได้
แผนการของพวกเธอกำลังสำเร็จ...เธอหวังว่าพี่โบว์จะไม่พลาดเพราะยืดแผนนี้ออกมาถึงทุกวันนี้
พิริยาจะรอวันที่เธอจะหัวเราะสมน้ำหน้าผู้ชายคนนี้ได้สะใจและเต็มภาคภูมิเหมือนกับที่เขาเคยกระทำ!
๐๐๐
ภายในโรงเรียนอนุบาล
วันนี้คือวันพบผู้ปกครองประจำปีของโรงเรียน เด็กชายวิธวินท์เรียนอยู่ในชั้นอนุบาลสองของสถานศึกษาแห่งนี้ ในวันพบผู้ปกครองนี้ของเด็กชาย เขามีคุณแม่อย่างเมษิณีและคุณอาที่แสนจะใจดีอย่างวิชยุตม์มาด้วย แม้จะเศร้าที่คุณพ่อติดธุระแต่เด็กชายก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะเขาได้คุณอาเล็กมางานนี้แทนคุณพ่อแล้ว
งานโรงเรียนดำเนินผ่านไปตามกำหนดการต่างๆของโรงเรียน และเพราะงานในช่วงนี้มีเพียงครึ่งวันเท่านั้น ทำให้เวลาเที่ยงภายในบริเวณโรงเรียนต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ปกครองของบรรดานักเรียนที่มาร่วมงาน
เด็กชายวิธวินท์ที่มือหนึ่งจับมือของคนเป็นแม่ อีกมือจับมือของอาหนุ่มเอาไว้ โดยมีเด็กชายอยู่ตรงกลางระหว่างญาติผู้ใหญ่ทั้งคู่ของตนอยู่ มือเล็กๆของเด็กชายก็แหว่งไปมาในระหว่างที่เดินไปยังรถยนต์คันหรูสีดำมันปลาบของผู้เป็นอาที่จะพาเด็กชายกับแม่ไปส่งที่บ้าน
พ่อหนูน้อยเหลียวซ้ายแลขวาแล้วเมื่อสะดุดตากับร่างสูงที่แม้จะยืนหันหลังให้อยู่ไม่ไกล แต่สมองเล็กๆของเด็กชายก็จำได้แม่นว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร!
น้องวิธสลัดมือของแม่กับอาออกแล้ววิ่งตื๋อไปหาร่างสูงนั้นที่บัดนี้กำลังย่อตัวอุ้มแม่หนูน้อยขึ้นมา ข้างกายเขาคือสาวสวยที่ยืนพูดอะไรสักอย่างกับแม่หนูน้อยคนนั้นเช่นกัน
“คุณพ่อค๊าบ...”
น้องวิธตะโกนเรียกชายคนนั้นดังลั่น วิชญะที่ได้ยินเสียงคุ้นหูนั้นถึงกับหันขวับทันที แล้วภาพที่เห็นคือภาพของลูกชายตัวน้อยที่วิ่งเข้ามาจับขากางเกงของเขาไว้แน่นทันที
วิชญะเผยสีหน้าตกใจและกระอักกระอ่วนไว้ไม่มิด ชายหนุ่มละล้าละลังไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับสถานการณ์นี้ แล้วความรู้สึกที่ว่าตนเองกำลังถูกจับจ้องก็ทำให้เขาเงยหน้าขึ้น
สิ่งที่สายตาเห็นคือภาพของภรรยาและน้องชายที่มองตรงมายังเขา
คนแรกมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชาและเรียบเฉยยิ่ง หากมันก็ทำให้เขารู้สึกถึงความเย็นเฉียบของสันหลังได้เป็นอย่างดี ส่วนคนหลังนั้นมองเขาราวกับโกรธเคืองเป็นหนักหนาแล้วพร้อมที่จะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ
วิชญะเห็นวิชยุตม์ก้มใบหน้าลงพูดอะไรกับสักอย่างกับเมษิณี ฝ่ายหญิงพยักหน้ารับเบาๆแล้วหยุดยืนรอในขณะที่น้องชายของเขาก็เดินตรงดิ่งมาทางเขาทันที
แล้ววิชญะก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือบางของพิรฏาที่ยืนอยู่ข้างกายเขาแตะลงบนแผ่นอกที่เต้นระรัวของเขา ชายหนุ่มก้มตัววางเด็กหญิงพัณนิดาลง แม่หนูเดินไปหยุดยืนด้านหลังคุณแม่สาวสวยของตนเองตามแรงฉุดของคนเป็นแม่
สิ่งที่เกิดขึ้นแม้ไม่กี่นาทีแต่ก็สร้างความอึดอัดใจราวกับมีหินนับตันถูกโยนลงมาภายในใจของวิชญะอย่างรวดเร็วจนเขาตั้งตัวไม่ทัน กว่าจะรู้ตัวก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงรั้งที่กางเกงของผู้เป็นลูกชายและเสียงเรียกด้วยความดีใจนั้นของเด็กชายวิธวินท์
“คุณพ่อมาหาวิธเหรอคับ”