ไม่ว่ายุคไหน การเจรจาเรื่องการค้าก็ไม่เคยง่ายเลยสักนิด หากจะต้องมายืนเป็นที่หนึ่งให้ได้ นางคงต้องหาทางเปิดเหลาสุราของตนเอง
“ประเดี๋ยวก่อนแม่นาง เจ้านำสุรามาขายหรือ”
“เจ้าคะ ใช่ๆ เจ้าค่ะ ข้านำสุรามาขาย ท่านสนใจหรือไม่” เฟยเถาหันกลับมาอย่างยินดี
ตรงหน้านางเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ ดูอย่างไรก็ไม่ใช่พ่อค้า ใบหน้าที่ดุดัน แม้จะฝืนยิ้มแล้วก็ยังดูน่ากลัว เหมือนจะเป็นนักรบเสียมากกว่า
“นายท่านของข้าสนใจอยากเจรจากับเจ้า เจ้าจะ...”
“ยินดีเจ้าค่ะ” ไม่ต้องรอให้เขาพูดจบ เฟยเถาก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
บุรุษผู้นั้น เดินนำหน้าเฟยเถาเข้าไปในเหลาสุรา นางยังหันไปยิ้มหวานให้เสี่ยวเอ้อด้วยหนึ่งที ภายในห้องรับรองขนาดใหญ่ มีบุรุษในหน้างดงามราวกับสตรีนั่งอยู่อย่างสง่าผ่าเผย
“เอ่อ...คารวะนายท่านเจ้าค่ะ” นางเรียกตามบุรุษที่เชิญนางมา
“หึหึ ข้าหยางซิงเหยี่ยน เจ้าเรียกข้าคุณชายหยางเถิด” เขามองนางอย่างขบขัน
“เจ้าค่ะ คุณชายหยาง”
“นั่งก่อน เจ้ามีนามว่าอันใด”
“ข้าน้อย ฟางเฟยเถาเจ้าค่ะ คุณชายสนใจสุราของข้าน้อยใช่หรือไม่” เฟยเถาหยิบสุราออกมาว่างตรงหน้าของหยางซิงเหยี่ยน
“เจ้าบอกว่า...สุราเจ้าชั้นดี ให้ข้าลองสักจอกได้หรือไม่”
“ยินดีเจ้าค่ะ” เฟยเถายิ้มธุรกิจออกมา
นางรินสุราใส่จอก ก่อนจะเลื่อนไปตรงหน้าของหยางซิงเหยี่ยน บุรุษที่ยืนอยู่ด้านข้าง เดินเข้ามาเหมือนจะตรวจสอบก่อน แต่ถูกเขายกมือห้ามเอาไว้
“กลิ่นหอมยิ่งนัก” มือของเขายังไม่ทันยกสุกราขึ้นมาดม ก็ได้กลิ่นสุราที่หอมเย้ายวนเสียแล้ว
ยามที่จอกสุราถูกยกขึ้นจรดริมฝีปาก เฟยเถาก็ตั้งตารออย่างจดจ่อว่าผลจะเป็นเช่นใด
“อื้มมมม” เขามองใบหน้าของเฟยเถาอย่างค้นหา “เจ้าจะขายเท่าใด”
“ข้าน้อยไม่มีราคาในใจเจ้าค่ะ สุราของข้าทำออกมาได้เพียงสิบไหต่อเดือน” นางแสร้งทำหน้าปวดใจ แม้ในมิติจะมีสุราอยู่มากมาย แต่หากต้องการเรียกราคาก็ควรจะหาเรื่องต่อรองเสียหน่อย
“น่าเสียดาย สุราเจ้าชั้นดีเช่นที่เจ้าว่าจริงๆ แต่ทำออกมาได้น้อยนัก”
“เป็นสูตรลับที่บรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ให้เจ้าค่ะ ต่อให้อยากทำออกมามากเพียงใด ก็ได้สุราชั้นดีเพียงสิบไหต่อเดือนเท่านั้น”
“หนึ่งร้อยตำลึงทองต่อไหเล็กที่เจ้าเอามา เจ้าว่า...เจ้าจะส่งให้ข้าได้เท่าใด”
“หนึ่งไหใหญ่ใส่ได้ห้าไหเล็ก ห้าสิบไหเล็กต่อเดือนเจ้าค่ะ”
หยางซิงเหยี่ยนเลิกคิ้วขึ้น ราคาที่เขาให้ก็ไม่น้อยเลย แต่สีหน้าของนางก็ดูเหมือนจะไม่ตกใจ ราวกับรู้ราคาของสุราตรงหน้าดี เพียงแต่เขาต้องการมากกว่าห้าสิบไหเล็ก
“หากข้าต้องการมากกว่านี้ เจ้า...”
“ข้าน้อยจะพยายามเจ้าค่ะ เพียงแต่...”
“หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทอง”
“หนึ่งร้อยไหเล็กต่อเดือนเจ้าค่ะ” นางยิ้มหวานอย่างพอใจ
“หึหึ อาซือ เอาสัญญามา เจ้าให้ข้าไปรับของที่ใด แล้วจะส่งให้ข้าได้วันใด”
“อีกสิบวันข้าน้อยจะเดินทางเข้าเมือง คุณชายหยางจะ ให้ส่งที่เหลาสุรานี้เลยหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ใช่ ข้าจะส่งคนไปรับที่เรือนของเจ้า”
“เอ่อ...ข้าน้อยไม่อยากให้คนในหมู่บ้านรู้”
“อืม...ข้ามีจวนไม่ได้ใช้งานอยู่หลัง เจ้าไปส่งที่จวนหลังนั้นก็แล้วกัน ข้าจะให้อาซือบอกที่อยู่กับเจ้า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
นางเพิ่งจะเรียนรู้ตัวอักษรจีนโบราณมาได้เพียงแค่วันเดียว จึงทำได้เพียงจับใจความสำคัญได้เท่านั้น
“เอ่อ...ในสัญญา ข้าน้อยต้องส่งของให้ท่านเพียงผู้เดียว สามปีเลยหรือเจ้าคะ”
“ใช่ มีปัญหาที่ใดหรือไม่
“แล้วหากข้าน้อยย้ายที่อยู่เล่าเจ้าคะ” นางคิดจะย้ายออกจากหมู่บ้านไปอยู่ที่อื่น เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ใด
“เพียงแค่บอกข้าว่าเจ้าย้ายไปที่ใด ที่เหลือข้าจัดการเอง”
“เจ้าค่ะ” ทำการค้ากับคนรวยมันดีเช่นนี้เอง
เฟยเถาหยิบแท่งถ่านที่นางนำมาด้วย ออกมาเขียนชื่อของนางลงไปในสัญญา
“เจ้าไม่ใช้พู่กันหรือ”
“ข้าน้อยลองหัดเขียนพู่กันแล้วเจ้าค่ะ แต่ไม่คล่องเหมือนแท่งถ่าน” นางเกาแก้มอย่างเขินอาย
หยางซิงเหยี่ยนไม่เอ่ยอันใด เขามองพิจารณานางอยู่เงียบๆ เฟยเถานางกำลังตั้งใจอ่านสัญญาซื้อขายในมือจึงไม่ได้ทันสังเกตเห็นสายตาของเขา
สัญญาถูกเขียนออกมาสองฉบับ อยู่ที่หยางซิงเหยี่ยนและที่เฟยเถาคนละฉบับ เมื่อนางได้รับตั๋วเงินค่ามัดจำ ห้าพันตำลึงทองแล้ว ก็ขอตัวกลับออกจากเหลาสุราไปอย่างพอใจ เฟยเถาทิ้งสุราหนึ่งไหเอาไว้ให้หยางซิงเหยี่ยนอีกด้วย
“อาซือ เจ้าลองดื่มดู”
“ขอรับ”
อาซือยกขึ้นดื่มตามคำสั่ง แต่แล้วดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ
“องค์ชาย...คุณชายหยาง นะ นี่มัน”
“นางช่างน่าสนใจนัก พบนางสองหน มีแต่เรื่องทำให้ข้าประหลาดใจ นางยังมิได้ออกเรือนหรือ”
“ขอรับ แต่ว่า...ข้าน้อยบังเอิญได้ยินนางสนทนากับจางจวี่เหริน เขาบอกว่านาง...เป็นภรรยาของเขาขอรับ”
“หื้ม...แล้วเหตุใดยังไม่ยอมออกเรือน”
“ข้าน้อยจะไปสืบให้ท่านขอรับ”
“ไม่ต้อง แต่เรื่องของนางอย่าให้ผู้ใดรู้ มิเช่นนั้น ข้าจะไม่ได้สุราจากนางอีกเลย” เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
องค์ชายสาม ฉีซิงเหยี่ยน คือบุรุษที่พบนางโต้เถียงกับสาวใช้ของจินเซียนในร้านขายผ้า เขาออกมาสืบเรื่องลักลอบขายเหลือ ตามราชโองการของเสด็จพ่อ แต่ไม่คิดว่าจะพบของดีอยู่ที่เมืองหูหนานเข้า
เฟยเถานางเดินกลับมาที่ว่าการก่อน เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ด้านหน้า จึงรู้ว่าเจียวเหอยังไม่ได้ออกมา นางจึงไปรอเขาที่ร้านเครื่องเคลือบ
“เถ้าแก่ ไหเล็กเมื่อครู่ที่ข้าซื้อไป ท่านมีถึงร้อยใบหรือไม่”
“มะ มีๆ”
“ลดให้ข้าหน่อยได้หรือไม่” นางเห็นว่าไหใบเล็กงดงามไม่น้อยจึงซื้อโดยไม่ได้ถามราคา ราคาใบละสิบตำลึงเงิน หากซื้อเป็นร้อยใบโดยไม่ต่อราคาเลย นางคงปวดใจ
“ข้าคิดแปดตำลึงเงิน มากกว่านี้ลดให้ไม่ได้แล้ว”
“ได้เจ้าค่ะ” เฟยเถานำตั๋วเงินออกมาจ่ายทันที
นางให้ลูกจ้างร้านเครื่องเคลือบไปส่งให้นาง ตรอกซอยที่นางไปหลบเทสุรา เฟยเถายืนรอไม่นาน คนงานก็ขนไหทั้งร้อยใบมาส่งให้นาง
“แม่นาง ให้ข้าขนใส่ที่ใด” เขามองหารถม้าหรือเกวียนวัวไม่พบ
“เจ้าวางเอาไว้เลย เดี๋ยวข้าให้คนมาขน”
คนงานรีบขนไหลงมากองให้เฟยเถาตามคำสั่งทันที พอเกวียนวัวของร้านเครื่องเคลือบเคลื่อนออกจากตรอกซอยไป เฟยเถาก็เก็บทั้งหมดเข้าไปภายในมิติ
นางคิดจะไปหาซื้อผัก เนื้อสัตว์กลับไปที่หมู่บ้านต่อ แต่เมื่อหมุนตัวจะเดินออกจากตรอกซอย เฟยเถาก็เกือบจะกรีดร้องออกมา ยังดีที่นางยกมือปิดเอาไว้ได้ทัน
“ข้าว่า...เจ้าคงมีเรื่องต้องคุยกับข้าเสียหน่อยแล้ว” เจียวเหอจ้องมองเฟยเถาด้วยสายตากดดัน
“กลับไปคุยที่หมู่บ้านได้หรือไม่” นางเอ่ยถามด้วยเสียงที่สั่นเทา
“ได้”
“แต่ข้าขอซื้อของก่อน”
“ได้”
มิใช่เพียงเจียวเหอเท่านั้นที่เห็นเหตุการณ์นี้ อาซือที่ลอบติดตามเฟยเถามาตามคำสั่งของฉีซิงเหยี่ยนก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เขารีบเร้นกายหายกลับไปรายงานเรื่องที่พบทันที
ตลอดทางที่เฟยเถาเดินไปซื้อของ แผ่นหลังของนางดูเหมือนจะมีมีดแหลมที่ค่อยทิ่มตลอด พอหันกลับไปก็เห็นสายตาของเจียวเหอที่มองมาทางนางไม่กะพริบ
“อาเหอ เจ้าเลิกมองข้าเช่นนี้ได้แล้ว ข้าอึดอัด” นางหันมาบอกเขาอย่างหมดความอดทน
“รีบไปซื้อของ”
นางได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะซื้อผักสด เนื้อสัตว์ ที่นางยังไม่มีในมิติ และยังซื้อเมล็ดผักที่ไม่มีวางขายไปปลูก เพื่อไว้ทำอาหารและเป็นอาหารของไป๋ไป๋ด้วย