ณ งานเปิดตัวคอนโดมิเนียม
แล้ววันนี้แขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญก็มาชมโครงการ คอนโดมิเนียมสุดหรูใจกลางเมือง ของครอบครัว ‘อัศธารัตน์’ เจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของไทย
และก็เป็นการกล่าวขอบคุณทุกคน ของคุณทินกร ประธานบริษัทที่กำลังจะวางมือ ให้ลูกหลานและทายาทรุ่นต่อไปมาบริหารงานต่อ
"ผมขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่มาร่วมงานวันนี้นะครับ คอนโดมิเนียมสุดหรูแห่งนี้ อย่างที่ผมแจ้งไปโครงการนี้จะเป็นโครงการสุดท้ายแล้ว ที่ผมจะสร้างในนามประธานบริษัท มันคงถึงเวลาแล้วที่ผมต้องวางมือสักที ขอบคุณทุกท่านนะครับที่ยังอยู่ด้วยกันมาตลอดหลายปีเชิญชมโครงการกันให้เต็มที่เลยนะครับ"
เมื่อคุณทินกรพูดจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้น
"แล้วผมมีอีกเรื่องจะแจ้ง ทางโครงการของเราจะบริจาคเงิน 10% ของยอดขายให้กับมูลนิธิบ้านเด็กกำพร้าทั่วประเทศครับ"
และเสียงปรบมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มที่ชื่นมื่นของทุกคน ใครก็รู้ว่าครอบครัวนี้เป็นคนใจบุญ แล้วก็ชอบทำบุญกันเป็นที่สุด
"สร้างภาพ" ชยกรที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ก็พูดขึ้น ยิ่งมองคนเหล่านี้เขายิ่งรู้สึกขยาด ทำดีเพื่อเอาหน้า สร้างภาพเพื่อให้ตัวเองดูดี คนพวกนี้โคตรน่ารังเกียจสำหรับเขา
"ขอเชิญคุณ ดาว ดารา ขึ้นมากล่าวอะไรหน่อยนะคะ"
"ขอบคุณค่ะ ก่อนอื่นดาวต้องสวัสดีทุกท่านนะคะ ขอบคุณมากเลยนะคะที่มากันในวันนี้ เป็นเกียรติมากจริง ๆ ขอบคุณทุกยอดเงินทำบุญ บริจาคแก่เด็กยากไร้ ยังมีคนที่ไม่มีโอกาสอยู่อีกเยอะ ขอให้ทุกคนมีแต่ความสุขความเจริญไปด้วยกันนะคะ"
"คุณดาวนี่ชอบทำบุญกับเด็กมากเลยนะคะ"
"ใช่ค่ะ ดาวอยากทำบุญกับเด็กที่ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่มาก ดาวคิดว่าจะเกิดมาแบบไหนก็ตาม แต่ทุกคนควรได้รับโอกาสที่ดี และเท่าเทียมกับคนอื่นค่ะ"
"คุณดาวนี่สวยด้วยใจดีด้วยนะคะเนี่ย"
"ขอบคุณนะคะ" เมื่อเธอพูดจบ กล้องมากกว่า 30 ตัว ก็รัวชัตเตอร์พร้อมกัน ทั้งมีแต่คนชื่นชมในงานนี้ เพราะก็รู้ดีว่าครอบครัวนี้ ชอบทำประโยชน์ให้แก่สังคมมาก
"คุณดาวคะ มีของขวัญส่งมาให้ค่ะ" แล้วพนักงานก็เข็นกล่องของขวัญเข้ามา นั่นก็สร้างความเซอร์ไพรส์ให้ไม่น้อยเหมือนกัน
"กล่องใหญ่มาก จากใครเหรอคะ"
"ไม่มีเขียนแจ้งนะคะ"
"ค่ะ งั้นเปิดเลยก็ได้ค่ะ"
พูดจบพนักงานก็เดินเข้ามาเปิดของขวัญกล่องนั้นให้ทันที และทุกคนก็ต่างลุ้นเป็นตาเดียว พร้อมกับนักข่าวที่จับภาพไว้
"กรี๊ดดดดดดดดด" เมื่อกล่องนั้นถูกเปิดออก เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น ทุกคนในงานก็ต่างตกใจ พร้อมกับรีบถอยห่างออกไป ด้วยความรู้สึกกลัว
มีเพียงแต่ชยากร ที่เขายืนมองอยู่ตรงนั้น ไม่ได้หลบไปไหน พร้อมกับยิ้มมุมปากออกมาด้วยความสะใจ ยิ่งเห็นสีหน้าตกใจของผู้หญิงคนนั้น เขายิ่งรู้สึกว่าอยากทำให้มากกว่านี้
"ของพวกนี้มาจากไหน" นพดลก็พูดขึ้นเสียงดัง
"กรี้ดดดดดดดดด" ดาราก็กรีดร้องขึ้นเสียงดังกว่าเดิม ตอนนี้เธอสติแตกอีกครั้งกับสิ่งที่เห็น ก่อนจะล้มฟุบลง และผู้เป็นสามีอย่างหมอรุจ ก็รีบเข้ามาพยุงไว้
"ดาว ๆ ไม่เป็นอะไรนะลูก" รุจาก็รีบเข้ามาดูลูกสาว แม้ตัวเองก็แทบไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
สิ่งที่อยู่ในนั้นคือ ตุ๊กตาเด็กอาบเลือด สุดแสนจะน่ากลัว พร้อมกับเสื้อผ้าเก่า ๆ รวมถึงผ้าอ้อม กับถุงขยะ ที่รวมอยู่ด้วยกันในกล่องนั้น
"เอาออกไปเดี๋ยวนี้ เอาออกไปให้หมด!" หมอรุจก็พูดขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด เขาตกใจมากกับสิ่งที่ได้เห็น แล้วพวกนี้มันเป็นฝีมือใคร แล้วล่วงรู้ถึงเรื่องอะไรแบบนี้ได้ยังไง
"มะ...มีการ์ดเขียนมาให้ด้วยนะคะ" พนักงานคนที่นำมาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข้างในคืออะไร ก็นึกว่าของที่ใครเอามาเซอร์ไพรซ์ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นของพวกนี้
"เอามานี่ แล้วเก็บออกไปให้หมดเลยนะ เอาออกไป!"
"คะ ๆ ๆ" เหล่าพนักงานก็ต่างเก็บของพวกนั้นออกไป แต่ละคนก็หน้าซีดไม่ต่างกัน ไม่นึกเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น
"ขอโทษนะคะ มีใบปลิวอันนี้เต็มหน้าตึกเลยค่ะ"
"ใบปลิว" พูดจบทินกร ก็เอาใบปลิวแผ่นนั้นมาอ่าน เขาก็ต้องตกใจตาเบิกกว้าง พร้อมกับใจที่เต้นแรงมาก
เป็นข้อความที่เขียนว่า 'แม่ฆ่าผมทำไม' ทับอยู่บนหน้าของดารา ทำให้ทุกคนที่เห็นก็ยิ่งตกใจ และไม่เข้าใจสถานการณ์ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
"เก็บมันออกไป ไปเก็บให้หมด มันไม่ใช่ความจริงนะครับ ทั้งหมดมันคือเรื่องใส่ร้ายผมกับครอบครัว" หมอรุจก็รีบพูดขึ้น อย่างคนที่เริ่มสติแตกเหมือนกัน เรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลแล้ว จะมีคนอื่นรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ในเมื่อมันคือความลับ ที่รู้กันแค่ไม่กี่คน และไอ้เด็กคนนั้นมันก็ตายไปแล้ว
"ฮึก ๆ ๆ คุณแม่" ดาราร้องไห้สะอื้นไห้อีกครั้ง กับทุกอย่างที่เจอในวันนี้ โรคซึมเศร้าที่หายขาดไปหลายปี ตอนนี้เหมือนจะกลับมาอีกครั้ง ด้วยความคิดถึงลูกชายที่จากไป ถ้าเลือกได้เธอก็อยากตามลูกชายและอดีตคนรักของเธอไปตอนนี้เลย
"ไม่เป็นไรนะลูก ไม่คิดมากนะดาว มันแค่เรื่องบ้า ๆ เท่านั้นเอง"
"กรี้ดดดดดดด เอาออกไป เอาออกไปเดี๋ยวนี้!" ดาราก็กรีดร้องขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะสลบไป ทั้งพ่อและแม่ของเธอก็ต่างตกใจ พากันหามลูกสาวส่งโรงพยาบาล โดยไม่สนใจสายตานักข่าวหรือคนอื่นอีกแล้ว
เหลือเพียงแต่หมอรุจ ที่หน้าตาทางสังคมเขายึดให้เป็นที่หนึ่ง มีเพียงแต่เขาที่อยู่แถลงข่าว กับสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจกับครอบครัวเขาอยู่
ชยากรยืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยความสะใจ นี่เป็นเพียงการสั่งสอน เขาอยากให้ผู้หญิงคนนั้นได้สำนึกบ้าง การที่เด็กคนหนึ่งถูกทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี ต้องทุกข์ทรมานมากกว่าจะโตมาได้ การใช้ชีวิตในแต่ละวันช่างยากลำบาก ผู้หญิงคนนี้กลับเอาแต่ตัวเอง กับครอบครัวที่ตัวเองต้องการ แต่ทำให้ชีวิตเขาเกิดมา แบบไม่อยากรับผิดชอบ เขาจะเอาคืนอย่างสาสม
ณ บริษัท PLogistic
เมื่อเสร็จจากงานเปิดตัวคอนโดมิเนียม ที่ก่อเกิดความวุ่นวายจนสะใจเขามาก ก็ถึงเวลากลับมาทำงานต่อ และก็ปรับอารมณ์ให้เป็นอีกอย่าง ในทุกวันของเขาตอนนี้ เขาได้เพียงแต่แอบดูนักศึกษาฝึกงาน ที่อนาคตจะเป็นถึงท่านรองของบริษัทแห่งนี้ กำลังตั้งใจเรียนรู้งานอยู่
สิ่งเดียวในชีวิตที่ทำให้ยิ้มได้ ถึงแม้ไม่อาจจะครอบครอง แต่ก็รู้สึกมีความสุขเวลาที่ได้อยู่ใกล้ คุณหนูผู้เอาแต่ใจ แล้วก็ชอบวอแวเขาเป็นชีวิตจิตใจ มันสร้างสีสันให้คนไม่มีใครแบบเขามาก จนนึกคิดอยากทำทุกอย่าง เผื่อจะได้ครอบครองเธอบ้างในสักวัน ถึงแม้ความหวังของเขาจะเป็นศูนย์ก็ตาม
"คุณเฟยคะ มาดูอะไรตรงนี้อีกแล้วคะเนี่ย" กรผู้จัดการแผนกที่เดินมาเห็นพอดี ก็อดแซวไม่ได้
"ปะ... เปล่าครับ"
"กรเห็นนะคะ มาแอบดูน้องเจินอีกแล้วใช่ไหมคะ"
"ผม..." เขาก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน
"หล่อสวยเหมาะสมกันดีนะคะ"
"ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับคุณกร อย่าพูดแบบนั้นเลย"
"เป็นแบบนั้นแหละค่ะ คุณเฟยอย่าคิดมากเลย อุปสรรคมีไว้พุ่งชน น้องเจินชอบคุณเฟยซะอย่าง เชื่อกรนะคะ" หญิงสาวพูดอย่างให้ความเชื่อมั่น เพราะก็พอรู้เรื่องของทั้งสองบ้าง และมีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ แล้วก็สนับสนุนด้วย
"ขอบคุณนะครับคุณกร" เขาตอบรับพร้อมกับยิ้มให้ เขาเองก็อยากสู้กว่านี้ แต่ดูตัวเองและดูเธอแล้ว ถ้าเธอมาคบกับเขา ชีวิตของเธอก็คงลำบากลง ไม่ได้สุขสบายเหมือนที่เป็นอยู่ ถึงแม้เขาจะมีเงินมากแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะดูแลเธอให้สุขสบายเหมือนตอนนี้ได้
พอเข้ามาที่ห้องทำงาน เขาก็เปิดโทรศัพท์ดูข้อมูลข่าวสาร ที่ตัวเขาเองได้ทำไว้ในวันนี้ ข่าวทุกช่องลงเหมือนกันหมด พร้อมกับคำพิพากษ์วิจารณ์ เรื่องตุ๊กตาเด็กอาบเลือด และการฆ่าลูกของดารา จนชาวเน็ตหลายคน เริ่มขุดคุยเรื่องอดีต รวมถึงเรื่องแฟนเก่าของดาราหนุ่มอย่างบอย ที่เสียชีวิตไปแล้วด้วย
“คุณเป็นคนทำเองนะ คุณทำชีวิตผมพังก่อน คุณทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้!” สายตาที่แดงก่ำวิโรจน์ ส่งถึงรูปของผู้หญิงคนนั้นด้วยความเจ็บปวด