7
รักไม่ได้เพราะ...?
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ ฝนแก้วประจักษ์ชัดกับคำกล่าวนี้ เธอไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับการแก้แค้น ออกจะเสียดายช่วงเวลานี้เสียด้วยซ้ำ ส่วนมารดาของเธอนั้นปล่อยวางความห่วงใยอย่างผิดปกติ ทั้งที่ล่วงเข้าวันที่หกแล้วที่ฝนแก้วไม่กลับบ้าน แต่ที่เงียบยิ่งกว่ามารดาก็คือบิดาที่คุยกันสั้นๆ ผ่านข้อความอวยพรวันเกิด แล้วจากนั้นก็ไม่มีการติดต่ออะไรเลย เธอโทร.หาแต่พ่อก็ไม่รับสาย
ฝนแก้วรู้จากรสรินแค่ว่าเขางานยุ่ง มีเรื่องเครียดที่ต้องจัดการ ซึ่งความเครียดนั้นไม่รู้ว่าเป็นประเด็นเดียวกับมารดาหรือเปล่า ปกติรสรินต้องทั้งเฉ่งทั้งตื๊อให้ลูกสาวกลับบ้าน แต่นี่มีเพียงโทร.ตามเช็กแค่ไม่กี่ครั้ง อีกทั้งน้ำเสียงจากปลายสายก็ฟังดูหงอยซึม และตอบปัดลูกสาวว่าไม่เป็นอะไร
ฝนแก้วไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น รับรู้ว่าที่บ้านกำลังไม่เหมือนเดิม ทั้งพ่อและแม่ต่างมีเรื่องให้แบกรับแต่เธอกลับไม่อยู่ตรงนั้น ซ้ำร้ายยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“พี่วีร์ฝนอยากกลับบ้านแล้ว” ฝนแก้วป้องปากตะโกนกับกล้องวงจรปิด ปรวีร์เพิ่งติดตั้งหลังจากที่จับหญิงสาวมาไว้ที่นี่ โดยรายงานผลแบบเรียลไทม์ส่งตรงถึงโทรศัพท์ของเขา
ฝนแก้วยอมรับอย่างหน้าไม่อายว่ายังอยากใช้ช่วงเวลาดีๆ กับปรวีร์ที่นี่ แต่เวลานี้จิตใจไม่สงบนิ่งเอาแต่พะวักพะวงถึงครอบครัว หงุดหงิดงุ่นง่านจนปาหมอนอิงใส่เลนส์กล้องบนเพดาน จากนั้นก็หยิบอีกใบมาปาใส่ซ้ำๆ
ประตูลิฟต์เปิดอ้ากว้าง ร่างบางชะงักหมอนในมือที่เกือบได้ส่งแรงเหวี่ยงอีกลูก ปรวีร์ได้ยินได้เห็นที่ทาสตัวน้อยโวยวายผ่านการรายงานผลบนหน้าจอมือถือตั้งแต่ตอนอยู่ในลิฟต์แล้ว
“หยุดทำลายข้าวของได้แล้ว” ปรวีร์รวบเอวบางมาชิด เชยคางเรียวให้ได้องศาก่อนก้มประกบริมฝีปาก
ทั้งชีวิตที่ผ่านมาปรวีร์ไม่เคยอินกับการจูบ แต่ความรู้สึกนั้นเปลี่ยนไปตั้งแต่ได้สัมผัสริมฝีปากฝนแก้ว ก่อนออกไปทำงานและหลังเลิกงานเขาต้องได้จูบเธอเป็นอันดับแรก
“ไหนเมื่อคืนบอกว่าขออยู่ต่ออีกสิบวันไง ไม่ทันไรก็เปลี่ยนใจแล้วเหรอ”
“ก็ฝนเป็นห่วงที่บ้านนี่คะ คุณแม่ก็เงียบผิดปกติ คุณพ่อก็ไม่ต่างกัน”
ปกติอวัชนั้นเรียกได้ว่าเป็น Family man ตัวจริง ดูแลเทคแคร์ลูกสาวคนเดียวอย่างดี เธอกลับบ้านผิดเวลานิดหน่อยก็โทร.ตาม หากเป็นวันที่เขาว่างก็มักขันอาสาไปรับไปส่ง ยิ่งข้อความในไลน์ยิ่งขยันส่ง ทั้งคลิปวิดีโอมีสาระหรือตลกขบขัน หรือไม่ก็ส่งสติ๊กเกอร์มาทักทาย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันแปลกประหลาด ทั้งที่วันก่อนเป็นวันเกิดของเธอ แต่อวัชกลับมีเพียงคำอวยพรที่ยาวราวสองบรรทัด ไม่เอ่ยถึงของขวัญสักชิ้น พ่อของเธอทำตัวแปลกมากจนน่าเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”
ปรวีร์ยื่นสูทให้หญิงสาวตามความเคยชิน นับตั้งแต่ฝนแก้วใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เธอก็ทำตัวประหนึ่งแม่บ้านในคราบเมีย (ไม่ได้) แต่ง ปรวีร์ถึงกับสั่งระงับแม่บ้านประจำไม่ให้เข้ามาทำความสะอาดชั่วคราว ฝนแก้วลงมือทำงานบ้านงานเรือนหมดทุกอย่างโดยที่ปรวีร์ไม่เคยออกปากชี้ เห็นความคล่องแคล่วของเธอผ่านกล้องวงจรปิดก็ได้แต่สงสัยว่าหญิงสาวที่ฐานะดีตั้งแต่เกิด พ่อแม่ประคบประหงมพอสมควร แต่ทำไมถึงหยิบจับทำความสะอาดได้หมดทุกอย่างราวกับปฏิบัติเป็นกิจวัตร
ซึ่งฝนแก้วเฉลยให้ฟังในตอนหลังว่ารสรินอบรมบ่มนิสัยรักงานบ้าน ให้เธอช่วยเหลือตัวเองเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่อายุสิบสอง รสรินไม่ชอบสปอยล์ลูกมากนัก การช่วยเหลือตัวเองเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ควรเป็นสิ่งที่กระทำเองได้ ครอบครัวของฝนแก้วเรียกว่าร่ำรวยอยู่พอตัว มีแม่บ้านหนึ่งคน คนสวนและคนขับรถ กระนั้นรสรินก็ไม่วายปลูกฝังให้ลูกสาวหยิบจับทำอะไรเอง โดยเริ่มตั้งแต่ตื่นขึ้นมาแล้วเก็บที่หลับที่นอน
ส่วนที่รสรินไม่ได้สอนคือการทำอาหาร ด้วยความที่ผู้เป็นแม่ทำไม่เป็นและไม่มีใจรักเลยไม่เอ่ยถึงเรื่องอาหาร ตรงข้ามกับบุตรสาวที่สนใจด้วยตัวเอง เรียกว่าหลงใหลเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่อายุสิบขวบ ชอบดูรายการทำอาหารในทีวี เสิร์ชหากรรมวิธีการปรุงที่หลากหลายจากสื่ออื่นๆ และด้วยแพชชั่นที่เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย ฝนแก้วในวัยสิบสามปีจึงเขียนใบสมัครลงประกวดรายการจูเนียร์คิชเช่น และผลของความหลงใหลบวกความสามารถก็นำพาถ้วยแชมป์มาสู่เธออย่างภาคภูมิใจ
ปรวีร์ไม่เคยรู้ประวัตินี้ของเธอเลย ก็อาจจะมีผ่านเข้าหูบ้างจากที่มารดาสรรหาเรื่องราวของฝนแก้วมาเล่า เพียงแต่เขาปล่อยผ่านทะลุลอยไป เพิ่งมาสนใจรู้ก็ตอนที่เธอเล่าเมื่อหลายวันก่อน ฝนแก้วมักเตรียมอาหารให้เขาทั้งตอนเช้าก่อนไปทำงานและหลังเลิกงาน ซึ่งตลอดสัปดาห์มานี้ปรวีร์ถึงขั้นกลับมาทานข้าวเที่ยงฝีมือเธอทุกวัน เป็นสิ่งเดียวที่เขายอมรับว่าติดใจอย่างไม่วางฟอร์ม
เวลาเพียงหกวันแต่ทำปรวีร์เริ่มหลงทาง เขากำลังทำอะไรอยู่? มันใช่การแก้แค้นจริงเหรอ...แก้แค้นภาษาอะไรวะ เหยื่อถึงมีความสุขแบบนี้ ที่น่ากลัวกว่านั้นคือเขาก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอ
“รู้ได้ยังไงคะ พี่วีร์ไม่ได้อยู่ในครอบครัวฝนซะหน่อย” เสียงเฉาถามขึ้น ก้มหน้าก้มตาไม่มองสบเขา
“แล้วจะเครียดไปทำไมในเมื่อพรุ่งนี้ก็ได้กลับแล้ว ครบเจ็ดวันแล้วนี่ ตกลงจะอยู่ต่อไหม” ปรวีร์รอคอยคำตอบอย่างคาดหวัง ก่อนถอนหายใจฉุนและเดินไปหาน้ำดื่มในตู้เย็นเมื่อหญิงสาวส่ายหน้าแช่มช้า
ก็ไหนบอกจะอยู่ต่ออีกสิบวันไงวะ
ใบหน้าหล่อยับย่นอย่างไม่สงวนมาดเพราะไม่อยู่ในการมองเห็นของหญิงสาว ปรวีร์วางแก้วน้ำดื่มบนเคาน์เตอร์หินอ่อนก่อนออกอาการสะดุ้งเมื่อเอวสอบถูกสวมกอดจากด้านหลัง
“ถ้าพี่วีร์ยังต้องการฝน ฝนจะมาหาพี่ที่นี่ทุกครั้งที่พี่ต้องการ” มันฟังดูเป็นการลดศักดิ์ศรีตัวเอง เต็มใจให้เขาเด็ดดอมอย่างไร้เงื่อนไข ความเป็นคนหวงตัวของฝนแก้วหายไปไหนเสียแล้ว เธอไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะเต็มใจอยู่ในสถานะลับไม่ต่างอะไรกับเมียเก็บ
“รู้ไหมว่าที่พูดมามันฟังดูเหมือนผู้หญิงขายตัว”
ถ้อยคำราบเรียบแต่แฝงไปด้วยไอเย็นชา ทำเรียวแขนที่โอบรอบเอวสอบเลื่อนหลุด ฝนแก้วผละออกพร้อมก้าวถอยห่าง
“ฝนยอมเป็นของพี่ ยอมให้กักขัง ทำตัวเป็นเด็กใจแตกก็เพราะรักพี่นะ”
“รักอะไร ง่ายไปไหม” ปรวีร์หมุนตัวกลับมาประจันหน้าอย่างไม่เข้าใจ “หรือรักเพราะว่าเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ?”
“ไม่ใช่! เลิกมองฝนเป็นเด็กอมมือไม่รู้เรื่องได้แล้ว ฝนไม่ได้เพิ่งรักพี่วันนี้นะ ใจฝนมีแต่พี่มาตลอด ไม่ต้องถามหรอกว่ากี่ปีเพราะฝนจำไม่ได้”
คำตอบไม่คาดคิดทำปรวีร์นิ่งอึ้งจนเงียบไปชั่วอึดใจ แต่รักษาอาการไว้อย่างดีเยี่ยมภายใต้มาดเย็นชาแสนถนัด
“แต่ฉันไม่เคยรักใคร เพราะฉะนั้นเลิกคิดซะ”