สายน้ำเย็นๆ ที่ไหลจากลำตัวส่วนบนลงสู่ปลายเท้าไม่ได้ทำให้ความรู้สึกขุ่นมัวเจือจางลงไปเลยแม้แต่น้อย แขนเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นโอบกอดตัวเองเอาไว้อย่างคนที่ไร้ที่พึ่ง แม้จะไม่มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาจากเรียวปากอิ่ม แต่ดวงตาคู่สวยที่ฉ่ำวาวด้วยหยาดน้ำสีใสและร่องรอยแดงก่ำในดวงตาบ่งบอกถึงความเสียใจที่ซุกซ่อนอยู่ไม่น้อยเลย ปั้นหยาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เพราะจู่ๆ เธอก็ลืมตาตื่นขึ้นมาเจอกับชายแปลกหน้าที่บอกให้เธอทำหน้าที่ของเธอให้จบๆ
และเธอก็ได้รู้ทีหลังว่าเขาหมายถึงหน้าที่บนเตียง
ปั้นหยาทราบดีว่าในตอนแรกนั้นหล่อนพยายามปฏิเสธและผลักไส หากแต่มันก็เกิดขึ้นเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น เพราะจู่ๆ ร่างกายของหล่อนก็ร้อนฉ่าไปทั้งตัว ปั้นหยารู้สึกราวกับว่าไม่เป็นตัวของตัวเองและตอบสนองกลับไปอย่างน่าละอาย
ปั้นหยาคว้าผ้าเช็ดตัวจากราวแขวนมาพันรอบร่างกายเย็นชืดและสวมทับด้วยชุดคลุมอาบน้ำสีขาวหม่นก่อนจะก้าวออกมาจากห้องน้ำ ตอนนี้หญิงสาวกลับมาที่ห้องพักของตัวเองซึ่งเป็นสวัสดิการของโรงแรมที่หล่อนเข้ามาทำงานได้ราวๆ ปีเศษ หญิงสาวมีรูมเมทเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างชัญญาที่เอาเงินก้อนสุดท้ายซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากประเทศไทยมาปารีสด้วยกัน แต่ตอนนี้ชัญญาไม่อยู่ห้อง ปั้นหยาเดาว่าอีกฝ่ายน่าจะเข้ากะเช้า สะโพกกลมกลึงหย่อนลงบนเตียงนอนก่อนจะดึงผ้าห่มผืนใหญ่ขึ้นมาคลุมทั้งร่างในท่าที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง
ปั้นหยานั่งอยู่ในท่าเดิมราวๆ ครึ่งชั่วโมง ราวกับเจ้าตัวต้องการใช้เวลาปล่อยให้ความคิดได้ตกตะกอน หล่อนคงทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากยอมรับ แต่ที่ติดใจก็คือจู่ๆ หล่อนไปอยู่บนเรือสำราญลำใหญ่นั่นได้อย่างไร
ยิ่งคิดหล่อนก็ยิ่งปวดศีรษะจนอยากจะอาเจียน
หรือว่าหล่อนควรจะปล่อยทุกอย่างให้มันผ่านไป เพราะไม่รู้ว่าจะไปตามหาความจริงได้จากตรงไหน ทุกอย่างดูมืดแปดด้านไปหมด ที่ชัดเจนมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือใบหน้าหล่อจัดของผู้ชายที่ได้ครอบครองหล่อนเป็นคนแรก
แต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ในเมื่อมันชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาต้องการแค่ความสุขบนเตียง
ยากเหลือเกินที่ปั้นหยาจะปล่อยผ่านทุกอย่างให้ผ่านไปเฉยๆ อย่างที่ในหัวคิด มันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น และปั้นหยาก็หวังว่ากาลเวลาที่ผ่านพ้นไปในแต่ละวันจะช่วยเยียวยาและทำให้ความรู้สึกย่ำแย่ของหล่อนค่อยๆ จางหายไป
และไม่หลงเหลือในที่สุด
ปั้นหยากลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงลำคอที่แห้งผาก หญิงสาวปลดกิ๊บหนีบผมตัวใหญ่ที่หนีบผมเอาไว้ออกแล้ววางไว้ที่หัวเตียงก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวลงนอน หล่อนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ พยายามข่มตาให้หลับลง ความอ่อนเพลียของร่างกายบวกกับความอ่อนล้าที่อัดแน่นในอก เพียงไม่กี่นาทีต่อมา ลมหายใจของหญิงสาวก็สม่ำเสมอ
“ผู้หญิงที่เคยอยู่ในห้องไปไหน”
“ออกไปเมื่อเช้าครับ”
“ไปไหน”
“ไปกับเรือเล็กครับ เธอขึ้นฝั่งไปแล้ว”
จากเดิมที่สีหน้าเรียบนิ่งอยู่แล้วราฟาเอลก็หน้าตึงเมื่อได้ยินบอดี้การ์ดหน้าห้องบอกแบบนั้น บอดี้การ์ดหน้าห้องสองคนต่างกุมมือและก้มหน้าลงอย่างไม่กล้าสบสายตาคนเป็นนาย จนกระทั่งร่างสูงกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งบอดี้การ์ดทั้งสองคนจึงได้เงยหน้าขึ้นมาและได้หายใจหายคออย่างสะดวก
ราฟาเอลทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาบุหนังอย่างดีภายในห้องพัก ดวงตาคมปลาบตวัดมองไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ที่ไร้เงาของคนที่เขาตะกองกอดเอาไว้ทั้งคืน หากแต่พอเช้ามาหญิงสาวก็อันตรธานหายไป คิ้วหนาที่พาดเหนือดวงตาเรียวรีสีอำพันขยับเข้าหากันบ่งบอกว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าทิ้งฉันเอาไว้บนเตียงแบบนี้”
ราฟาเอลเอ่ยเสียงห้วนจัดบ่งบอกถึงความขุ่นมัวที่อัดแน่นในอก ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำกับเขาแบบนี้ แล้วหล่อนเป็นใครถึงได้อวดดีแบบนี้
ก๊อก...ก๊อก…
เสียงเคาะประตูห้องทำให้ราฟาเอลหลุดออกจากความคิดของตัวเอง คนที่เพิ่งจะก้าวเข้ามาคือคริสต็อฟ คนสนิทของเขาที่เปรียบเสมือนเป็นทั้งมือขวาและมือซ้าย คริสต็อฟเก่งกาจทั้งเรื่องการใช้สติปัญญาและการใช้กำลัง ดังนั้นจึงเป็นคนที่ราฟาเอลให้ความไว้วางใจมากที่สุด
“ขออนุญาตครับ”
“มีอะไร”
“อีกครึ่งชั่วโมงได้เวลาเริ่มประชุมแล้วครับ”
“อืม ขอบใจมาก”
ราฟาเอลบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน เขาขยับเสื้อสูทให้เข้าที่และจัดการติดกระดุมให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักโดยมีคริสต็อฟเดินตามไปไม่ห่าง
ราฟาเอล เลอร์มาเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาพันธ์มาเฟียซึ่งมีสมาชิกทั้งหมดทั่วโลกสิบเอ็ดประเทศ โดยสมาพันธ์ก่อตั้งขึ้นเพื่อยกระดับการค้ายุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่เคยอยู่ในตลาดมืดให้เป็นไปอย่างถูกกฏหมาย และเป็นตัวกลางในการต่อรองราคาให้เป็นไปอย่างยุติธรรมในการค้าขายกับรัฐบาลของแต่ละประเทศ โดยจะมีการประชุมสรุปรายได้ทุกไตรมาสและพูดคุยถึงปัญหาและสิ่งที่ต้องการปรับปรุงพัฒนา โดยเจ้าภาพที่ทำการจัดประชุมในแต่ละครั้งจะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป
และครั้งนี้ราฟาเอลก็คือเจ้าภาพ
นอกจากธุรกิจการค้ายุทโธปกรณ์แล้ว ราฟาเอลยังมีธุรกิจโรงแรม ภายใต้ชื่อเลอร์มา ยูเนียนที่มีมากกว่ายี่สิบสาขาทั่วโลก ซึ่งสืบทอดมาหลายรุ่น จนล่าสุดตกมาอยู่ในมือของราฟาเอล ผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลเลอร์มา มาเฟียหนุ่มในวัยสามสิบเอ็ดปี
ราฟาเอลเหมาเรือสำราญเป็นเวลาสามวันสามคืนในการจัดประชุมและเลี้ยงต้อนรับสมาชิกสมาพันธ์ โดยพวกเขาจะประชุมกันแค่ครึ่งวันเท่านั้น ส่วนเวลาที่เหลือคือช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานและความสุขสบายที่มีบนเรือลำนี้ไม่ต่างจากความบันเทิงต่างๆ ที่มีบนภาคพื้นดิน
“ไอ้พวกนั้นมาถึงกันหมดแล้วใช่ไหม”
ระหว่างที่เดินไปตามโถงทางเดินเพื่อไปยังห้องประชุม ราฟาเอลเหลียวหน้าไปถามคริสต็อฟที่เดินเยื้องอยู่ทางขวาถึงกลุ่มเพื่อนมาเฟียของเขา ซึ่งรวมราฟาเอลด้วยพวกเขามีกันทั้งหมดสี่คน อันได้แก่ฟิโอดอร์ อัครา คอมบารอฟ มาเฟียลูกครึ่งไทยรัสเซีย จ้าวไป่เฟิงมาเฟียฮ่องกง และดิมิทิส มันตาลอสมาเฟียกรีก
“พวกของคุณเฟเดียมาถึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ คุณดิมให้ผมตามนายไปดื่มด้วย แต่นายติดธุระอยู่ ผมเลยไม่ได้บอก”
“อืม ไม่เป็นไร”
ราฟาเอลเข้าใจคำพูดของคริสต็อฟดี เป็นเขาเองที่สั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามารบกวนจนกว่าเขาจะเรียกหรือออกมาพบเอง