จีบครั้งที่ 7

2096 คำ
ยิ่งดึกบรรยากาศในร้านก็ยิ่งคึกคักบวกกับจังหวะเพลงที่ถูกมิกซ์ให้มันขึ้น เพื่อนร่วมโต๊ะหลายคนเริ่มลุกขึ้นเต้นไปตามจังหวะเพลง กับแกล้มบนโต๊ะหายไปเหลือทิ้งไว้เพียงขวดเหล้าและแก้วที่บรรจุน้ำสีอำพันเอาไว้ จะแตกต่างก็มีเพียงแก้วของนับตะวันที่เป็นน้ำสีฟ้าสวย แต่ทว่าก็ยังผสมแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อยอยู่ดี “โทนี่ตะวันอยากดื่มบ้าง” “หืม?” ดวงหน้าสวยเอียงเข้าหาใบหน้าหล่อเหลาของโทนี่ ก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงที่ดีเจเปิด สองมือยังคงประคองแก้วของตนเอาไว้ แต่ทว่าดวงตากลับเหลือบมองแก้วของคนอื่นอยู่บ่อยครั้ง “ตะวันไหวเหรอ มันแรงนะ เดี๋ยวเหมยตี” เหมยบอกเขาแล้วว่านับตะวันคออ่อน “อยากดื่ม” “ไม่ดื้อสิ เมาขึ้นมาพี่ตฤณจะดุนะ” “ชิ” คนน่ารักยู่ปากเมื่อโทนี่ยกพี่ชายของเขาขึ้นมาขู่ เขาไม่กลัวหรอก แต่แค่เชื่อเพื่อนเฉยๆ ... นับตะวันตัวน้อยหยัดกายนั่งหลังตรง ก่อนจะกวาดสายตามองเพื่อนที่ลุกขึ้นเต้น กายบางโยกไปมาเบาๆ ก่อนจะฉวยโอกาสที่โทนี่เผลอรีบคว้าแก้วเหล้าตรงหน้าที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครขึ้นกระดกอึกใหญ่ “แหวะ! ขม” รสชาติไม่ใช่แบบที่คนตัวเล็กชอบเลย เขาชอบอะไรที่มันหวานๆ ไอ้เจ้านี่ไม่อร่อยเลยสักนิด แต่ทำไมแก๊งพี่ชายเขาถึงชื่นชอบนักนะ บางวันนับตะวันก็เห็นปะป๊ากับพี่ตฤณนั่งดื่มกันสองคน แม้ว่ารสชาติของสิ่งที่อยู่ในมือจะไม่ถูกปาก แต่เด็กดื้อก็ยังอยากรู้อยากลอง แค่เปลี่ยนจากการที่ดื่มอึกใหญ่เป็นค่อยๆ จิบเบาๆ เพราะในร้านมีเพียงแสงไฟสลัวทำให้ไม่มีใครสังเกตว่าลูกแมวตัวน้อยกำลังนั่งจิบเหล้าอยู่ ดื่มไปเรื่อยๆ รสชาติก็ไม่ค่อยขมมากนะ นับตะวันคิดในใจ “เก่งมากนับตะวัน” พูดชมตัวเองทั้งใบหน้าขาวเนียนที่เริ่มขึ้นสีแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เส้นผมสีน้ำตาลพลิ้วไหวยามที่ผู้เป็นเจ้าของขยับโยกศีรษะตามจังหวะเพลง ดวงตากลมโตเคลือบไปด้วยน้ำสีใสดูหยาดเยิ้มและดูน่ามองกว่าปกติ ริมฝีปากสวยคลี่รอยยิ้มหวานออกมาจนเห็นฟันซี่สวย ดวงตาหยีลงจนโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว แองเจิลคิสปรากฏสู่สายตาของคนที่ลอบมองนับตะวันตั้งแต่เดินเข้ามาในร้าน ทั้งสวยทั้งน่ารัก จนหลายคนอยากเดินเข้ามาทำความรู้จัก ถ้าไม่ติดว่าเพื่อนคอยกันท่าให้ตลอดเวลานะ แต่นับตะวันไร้เดียงสากับเรื่องพวกนี้ เจ้าลูกแมวไม่รู้หรอกว่ามีคนอยากเข้าหามากแค่ไหน คนตัวเล็กโฟกัสแค่เพื่อนพี่ชายคนนั้นคนเดียว ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหน เหมยที่เต้นเสร็จและเดินกลับมาที่โต๊ะถึงกับตบหน้าผากตัวเองแรงๆ เมื่อเห็นสภาพเพื่อนตัวน้อย “ยัยเหมียวเล็ก!” “หือ” “หน็อย แอบดื่มเหล้าเหรอ” “แก้วครายไม่ยู้” “เมาแล้วแน่เลย” “ยังไหวๆ ยังหวายย” คนที่ยืนยันว่ายังไหวยิ้มกว้างก่อนจะอ้าแขนออกกว้างแล้วกอดเพื่อนสาวจนเต็มแรง เท่านั้นยังไม่พอ นับตะวันยังน้วยใส่เหมยจนแทบล้ม ดีที่โทนี่มาเห็นแล้วช่วยพยุงไว้ “เราขอโทษนะที่ไม่ดูแลนับตะวันให้ดี” “โอ๊ย ไม่เป็นไรๆ นับตะวันมันดื้อ เอาไงดีล่ะ” “โทรหาพี่ตฤณไหม? หรือให้เราไปส่งก็ได้” “โทรบอกพี่ตฤณดีกว่าๆ รายนั้นขี้หวงน้องเดี๋ยวเป็นเรื่องถ้าโทนี่ไปส่ง” “เอางั้นเหรอ” “เอางี้แหละ เดี๋ยวเราออกไปโทรบอกพี่ตฤณ ฝากนายดูยัยเหมียวเล็กแป๊บนะ” “ครับ” ท่อนแขนแข็งแรงจับประคองนับตะวันให้มานั่งที่เก้าอี้ดีๆ ดวงตาหวานเชื่อมน่ามองเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้นับตะวันยิ่งดูน่ารักในสายตาของโทนี่ ร่างสูงเหลือบมองฝั่งตรงข้ามก็เจอเข้ากับชายหนุ่มหลายคนที่จ้องมองมาทางนี้ สายตาแบบนี้คงไม่ได้สนใจเขาหรอก แต่สนใจคนน่ารักอย่างนับตะวันต่างหาก หากว่ามีโอกาสพวกมันคงไม่รอช้าที่จะมุ่งตรงมาทางนี้ “โทนี่ ตะวันดื่มอีกได้ม้าย” “ไม่ได้ครับ” “ฮื่อ ยังไม่ถึงแก้วเลยอ่า” ริมฝีปากจิ้มลิ้มงึมงำกับตัวเองเบาๆ แก้วไวน์ในมือถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมกับบุหรี่ในมือ ก่อนที่ดวงตากริบจะเหลือบมองโทรศัพท์เครื่องหรูที่หน้าจอปรากฏสายเรียกเข้าจากตฤณภพ พอร์ชคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายด้วยท่าทางที่ไม่รีบร้อนนัก อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้ตฤณมันโทรมาทำไมดึกดื่นป่านนี้ นาฬิกาดิจิทัลบนผนังห้องแสดงบอกเวลาเที่ยงคืนตรง “มีอะไร” [ไอ้พอร์ชชชช] “แหกปากเพื่อ” [มึงงง ไปรับยัยหนูหน่อย] “…” [คือตอนนี้กูขับรถออกมานอกเมืองล่ะ นานะต้องไปทำธุระด่วนให้แม่] “…” [ไอ้เหี้ยย อย่าเงียบสิวะ ไปรับนับตะวันหน่อย] “หมายความว่าไง? เที่ยงคืนแล้วน้องยังไม่กลับบ้านเหรอ มึงไปทิ้งน้องไว้ที่ไหน” [คืองี้ วันนี้น้องกูขอไปร้านเหล้--] “แล้วมึงก็ปล่อยให้ไปเนี่ยนะ” เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น มือหนาบีบโทรศัพท์จนสั่นเมื่อรู้ว่าไอ้เพื่อนตัวดีปล่อยให้น้องชายไปร้านเหล้า ทั้งๆ ที่มันก็รู้ว่านับตะวันคออ่อน แล้วอีกอย่างคือน้องไม่เคยไปสถานที่แบบนั้นด้วย ไว้ใจคนอื่นมากขนาดนั้นเลยเหรอวะไอ้เหี้ย! [เพื่อนน้องที่ไว้ใจได้ก็ไปไง อีกอย่างไอ้พวกปี 2 กูก็รู้จักหลายคน] “แล้วคนอื่นในร้านอีกเป็นร้อย?” [กูจะร้องไห้แล้วนะแง๊ ไปรับน้องให้กูหน่อย ถ้ามึงไม่ไปกูจะโทรหาไอ้ไทเลอร์แล้วนะ] “เดี๋ยวกูไปเอง แล้วคืนนี้กูจะให้น้องมานอนคอนโดกู” [ขอบคุณจ้าพ่อจ๋า กว่าจะเสร็จธุระกูก็คงกลับเช้า ฝากยัยหนูด้วย] “เออ” มือหนารีบกดตัดสายตฤณภพทิ้ง ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อหยิบเสื้อยืดสักตัวมาใส่เพราะตอนนี้เขาเปลือยท่อนบนอยู่ กระเป๋าตังค์กับกุญแจรถถูกคว้าอย่างรวดเร็วเมื่อผู้เป็นเจ้าของร้อนใจ พอร์ชรีบวิ่งไปที่ลานจอดรถในขณะเดียวกันมือก็กดโทรหานับตะวันไม่หยุด ซึ่งแน่นอนว่าปลายสายไม่แม้แต่จะกดรับสาย สถานที่ที่นับตะวันไปถูกส่งเข้ามาทางข้อความจากตฤณภพ รถสปอร์ตสีดำขับออกจากคอนโดหรูด้วยความเร็วเมื่อผู้ขับต้องการไปให้ถึงปลายทางอย่างเร็วที่สุด มือหนากำพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดปรากฏขึ้นมาเด่นชัดยามหมุนพวงมาลัยเลี้ยวไปยังถนนสายหลัก ลมหายใจถูกพ่นออกมาหนักๆ พร้อมกับมือที่เสยเส้นผมที่ปรกใบหน้าออกไปให้พ้นทาง ใช้เวลาเพียงไม่นานรถสปอร์ตคันหรูก็มาจอดเทียบหน้าร้านเหล้าตามที่ตฤณภพส่งโลเคชั่นมาให้ พอร์ชรีบลงจากรถก่อนจะสาวเท้าเข้าไปด้านใน เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อเห็นจำนวนคนที่เต้นเบียดเสียดกันบวกกับเสียงเพลงที่ดีเจเปิดจนดังกระหึ่มร้าน อีกด้านหนึ่งนับตะวันตัวน้อยที่ถูกฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มอมเมาสติสัมปชัญญะก็กำลังลุกขึ้นเต้นด้วยท่าทางซวนเซ มือคู่น้อยปัดป้องไม่ให้โทนี่จับร่างกายของตน เด็กน้อยเต้นไปมาเบาๆ พร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง “ทำไมพี่ตฤณยังไม่มา” โทนี่หันมาถามเหมย ในขณะที่ต้องคอยสลับมองเพื่อนตัวน้อยที่เต้นโยกไปมาอยู่ข้างหน้า กลัวว่าถ้าเผลอไปแป๊บเดียวแล้วนับตะวันจะเดินไปซนที่อื่น “แต่พี่ตฤณบอกแล้วว่าเดี๋ยวมารับ นี่ยัยเหมียวเล็กเดี๋ยวล้ม!” เหมยรีบขยับกายหวังว่าจะเข้าไปประคองนับตะวันที่ทำท่าซวนเซคล้ายกับจะล้ม แต่ทว่าก็ไม่ทันใครอีกคนที่คว้าเอวบางกระชับเข้าหาตัวจนดูราวกับนับตะวันจมลงไปในอก อาจจะเพราะส่วนสูงและขนาดตัวที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด “พะ...พี่พอร์ช หวัดดีค่ะ” “อืม” พอร์ชพยักหน้ารับเหมยเล็กน้อยก่อนจะเบนสายตากลับมามองคนในอ้อมกอด แม้ว่าภายในร้านจะมีเพียงแสงสลัวๆ ทว่าพอร์ชกลับเห็นแก้มขาวที่ตอนนี้แดงก่ำอย่างชัดเจน ดวงตาคู่สวยคลอไปด้วยน้ำสีใสจนดูหวานเชื่อม “ดื้อ” “อึ่ก” คนเมาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หวังดีที่กอดตัวเองอยู่คือใคร เพราะถ้ารู้นับตะวันคงไม่กล้ากอดเอวสอบไว้แน่นแล้วถูไถใบหน้ากับแผ่นอกของคนพี่แบบนี้หรอก ดวงตาคมเข้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนน้องเมาจนน้วยแบบนี้ ถ้าหากว่าไปทำแบบนี้กับคนอื่นจะทำยังไง แม้ว่าอยากจะดุนับตะวันมากแค่ไหน แต่แววตาของคนพี่ก็ยังแฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างที่นับตะวันไม่ได้เห็น “พี่จะพาตะวันกลับ แล้วเหมยกลับยังไงครับ” ร่างสูงเอ่ยถามหญิงสาวรุ่นน้อง “พี่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเหมยกลับกับเพื่อน” “ครับ” พอร์ชหลุบตามองเด็กน้อยที่ซุกอกแล้วกอดเขาไว้แน่น ก่อนจะโอบกระชับเอวบางเข้าหาตัว จากนั้นจึงค่อยๆ โอบประคองร่างเล็กบอบบางให้ออกจากร้าน นับตะวันแทบจะเดินไม่ตรง แต่ยังดีที่ได้คนพี่ประคองเอาไว้เพราะไม่งั้นคงมีคนได้ลงไปนอนกองที่พื้น “อื้อ” เมื่อมาถึงรถ พอร์ชจึงรีบเปิดประตูแล้วดันน้องให้เข้าไปนั่งยังตำแหน่งข้างคนขับ มือหนายกขึ้นกันไม่ให้ศีรษะของนับตะวันชนขอบประตูรถด้านบน เมื่อจัดการจับน้องให้นั่งและคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว จึงรีบปิดประตูแล้วสาวเท้าอ้อมไปอีกฝั่งยังตำแหน่งของตน บรรยากาศภายในรถเงียบสงบเมื่อไร้ซึ่งบทสนทนา เจ้าลูกแมวน้อยปลดเข็มขัดนิรภัยออกตอนไหนก็ไม่รู้ ขนาดเมาก็ยังซน... “ซน” ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ เมื่อคนพี่โน้มเข้าไปใกล้เพื่อจะคาดเข็มขัดนิรภัยให้คนน้องอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าของพอร์ชอย่างไม่ละสายตา ปลายจมูกรั้นปัดป่ายเฉียดแก้มของคนที่อายุมากกว่าโดยไม่รู้ตัว ยิ่งพอร์ชขยับ ระยะห่างของทั้งสองคนก็ยิ่งถูกลดทอนลงเรื่อยๆ ... ดวงตากลมโตที่ในตอนนี้หวานเชื่อมจดจ้องใบหน้าของอีกคนอยู่แบบนั้น ราวกับภาพทุกอย่างเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ได้ยินจังหวะของเสียงหัวใจชัดเจนขึ้น ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดผิวเนื้อก็ยิ่งดูราวกับกำลังกระตุ้นอะไรบางอย่างในร่างกายของนับตะวัน จากเด็กน้อยขี้อาย สู่เด็กใจกล้า... ที่กำลังใช้มือเรียวบางของตนลูบแก้มของพอร์ชราวกับต้องมนต์ “ใครอ่า หน้าคุ้นจัง” “…” “ตัวหอมด้วย” “…” ใบหน้าที่หันมามองเด็กน้อยชะงักนิ่งงันเมื่อเห็นว่าระยะห่างของใบหน้ามันช่างน้อยนิด เราใกล้กันจนปลายจมูกสัมผัสกันแผ่วเบา ไหนจะใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกลูบไล้สัมผัสจากคนมือซน แพขนตางอนยาวขยับเคลื่อนไหวเบาๆ ตามจังหวะที่นับตะวันกะพริบตา ดวงตาสองคู่สบประสานกัน ก่อนที่คนเด็กกว่าจะไล่สายตาลงมาเรื่อยๆ แล้วหยุดอยู่ที่ริมฝีปากหยัก มือหนาบีบเบาะรถไว้แน่นเมื่อนับตะวันแตะปลายลิ้นลงยังริมฝีปากของตน “นับตะวัน” เสียงทุ้มคำรามในลำคอ แต่ทว่าก็ไม่ได้ขยับหนี เขากำลังตกใจกับการกระทำของคนน้อง “จูบหนูหน่อย พี่ขาจูบหนูหน่อย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม