อดีต
เคยไหม...ที่ใจเต้นกับใครสักคนจนรู้สึกว่าหัวใจแทบจะหลุดออกมา
เคยไหม...ที่ต้องคอยมองหาเขาอยู่ตลอด
เคยไหม...เคยมีรักแรกกันใช่ไหมล่ะ
นับตะวัน หัสวอนันต์ กำลังจมดิ่งไปกับความคิดในหัว ขณะเดียวกันในมือก็ยังคงถือบางอย่างเอาไว้อยู่หน้าล็อกเกอร์ของ ใครคนนั้น
ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่นับตะวันก็ไม่รู้ อาจจะเพราะความใจดีที่อีกฝ่ายมอบให้ หรือการที่อีกฝ่ายดูแลเขายิ่งกว่าพี่ชายแท้ๆ ...
อาการตกหลุมรักเริ่มขึ้นเมื่อไหร่... ทว่ากว่าจะรู้ตัวก็ในตอนที่ดวงตาคู่สวยคอยสอดส่องหาคนคนนั้นอยู่แทบตลอดเวลา
พี่พอร์ช
นับตะวันเม้มริมฝีปากแน่น ปลายเท้ายังคงหยุดนิ่งอยู่หน้าล็อกเกอร์ราวกับขาได้กลายเป็นก้อนหิน จะก้าวต่อไปก็ทำไม่ได้ จะถอยหลังก็ยิ่งทำไม่ได้ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ แต่ทว่าในครั้งนี้นับตะวันตัวน้อยกลับชั่งใจอยู่หน้าล็อกเกอร์นานกว่าทุกครั้ง จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้ตัดสินใจสอดการ์ดแผ่นเล็กผ่านช่องของล็อกเกอร์เข้าไปข้างใน
ดวงหน้าสวยแดงก่ำเมื่อทำภารกิจสำเร็จไปได้อีกวัน เขาไม่สนใจว่าพี่พอร์ชจะรู้หรือเปล่าว่าบุคคลปริศนาที่แอบเอาการ์ดมาสอดใส่ล็อกเกอร์คือใคร แต่ก็ภาวนาไม่ให้คนพี่รู้
กลัวมองหน้ากันไม่ติด
พี่พอร์ชเป็นเพื่อนสนิทพี่ตฤณและเป็นคนที่คอยหิ้วนับตะวันไปส่งบ้านทุกครั้งที่ไอ้เจ้าพี่ชายมันลืมเขาไว้ที่โรงเรียน พี่ชายใจดีที่มีใบหน้าหล่อเหลาจนเพื่อนในโรงเรียนหลายคนยังแอบชอบ อยู่ด้วยแล้วนับตะวันรู้สึกปลอดภัย ไหนจะตัวหอมๆ ของพี่พอร์ชอีก
งื้ออ นับตะวันชอบพี่พอร์ชที่สุด!
“ไปแข่งบาสพรุ่งนี้ก็สู้ๆ น้า”
การ์ดน้อยสื่อรักจะทำหน้าที่เป็นกามเทพให้นับตะวันเอง!!
ดวงตาคมติดดุจ้องเขม็งไปยังร่างบอบบางที่นอนอย่างสบายใจอยู่บนเตียงหลังกว้างของตน แก้มกลมข้างหนึ่งบี้ไปกับหมอนเมื่อผู้เป็นเจ้าของขยับเปลี่ยนท่านอนจนได้ท่าที่สบายใจ มุมปากยกยิ้มราวกับกำลังท่องโลกแห่งฝันดี
เออ คนหนึ่งนอนฝันดีได้อย่างสบายใจ ทิ้งไว้เพียงอีกคนที่นั่งลูบหน้าลูบตาเพื่อให้ลืมเหตุการณ์บนรถหน้าร้านเหล้า
แสบนักนะนับตะวัน!
‘จูบหนูหน่อย พี่ขาจูบหนูหน่อย’
‘ตะวันพี่ไม่เล่น’
‘ฮื่อ ใครจาเล่น ตะวันก็ม่ายเล่น’
‘…’
‘งั้นหนูจุ๊บๆ เอง!’
มือคู่น้อยยกขึ้นคล้องรอบลำคอหนาแล้วกดให้พอร์ชโน้มใบหน้าลงมาใกล้มากยิ่งขึ้น ลมหายใจร้อนผ่าวคือสิ่งที่คนทั้งคู่ได้รับ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากนับตะวันทำให้พอร์ชเผลอมองริมฝีปากบางสวยที่อยู่ห่างกันเพียงแค่ลมหายใจกลั้น คนน้องช้อนใบหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสริมฝีปากหยักด้วยอวัยวะเดียวกันแผ่วเบา
ดวงตาทั้งสองคู่สบประสานกันเมื่อนับตะวันผละใบหน้าออก บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบสงบจนได้ยินเพียงแค่เสียงหัวใจของคนทั้งคู่
ใบหน้าหล่อเหลาของพอร์ชเอียงเล็กน้อยเพื่อให้ได้องศา ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปหาคนตัวเล็ก เพียงแค่นิดเดียว อีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น ที่นับตะวันทำมันไม่เรียกว่าจูบหรอก
จูบมันคือแบบนี้ต่างหาก...
ทว่าก่อนที่พอร์ชจะมอบสัมผัสหวานล้ำให้กับคนน้อง จากศีรษะที่ตั้งตรงของนับตะวันก็กลับกลายเป็นฟุบลงยังแผ่นอกกว้าง
นับตะวันหลับไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงพอร์ชที่ขบกรามแน่น
เสียงถอนหายใจหนักๆ ดังขึ้นเมื่อคนตัวสูงนึกไปถึงเหตุการณ์บนรถที่ผ่านไปเพียงไม่นาน ถ้านับตะวันไม่ชิงหลับไปก่อนก็ไม่รู้ว่าต่อจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาไม่ใช่คนที่มีความอดทนขนาดนั้น เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ ยกเว้นไอ้เด็กน่ารักที่นอนสบายใจอยู่บนเตียงเขานี่ล่ะ
เส้นผมที่ปรกใบหน้าถูกเสยขึ้นอย่างลวกๆ อีกครั้ง และอีกครั้ง พอร์ชดูจัดการอารมณ์ตัวเองไม่ได้ซึ่งแตกต่างไปจากทุกครั้ง และต้นเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...
ชายหนุ่มตัดสินใจหยัดลุกขึ้น หวังว่าการไปอาบน้ำเย็นๆ จะช่วยให้ใจสงบ อืม เขาหวังแบบนั้น
“ดื้อ”
มือหนาขยับผ้าห่มขึ้นคลุมกายบางให้ดีๆ เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ได้เวลาไปจัดการตัวเองสักที ไม่รู้ว่าคืนนี้เขาควรจะนอนบนเตียงที่เดิม หรือควรหอบหมอนไปนอนโซฟาดีนะ
“อื้ม”
เปลือกตาสีไข่มุกค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า ปลายจมูกรั้นสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนบางอย่างซึ่งทำให้คนตัวเล็กชะงักนิ่งงันอย่างกะทันหัน ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือแผ่นอกกำยำภายใต้เสื้อยืดสีดำเนื้อผ้านุ่ม เหมือนเหตุการณ์เดจาวูขึ้นอีกครั้งจนนับตะวันที่ยังมีอาการงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นกะพริบตาปริบๆ
ดวงตาสีน้ำตาลค่อยๆ ไล่มองเรื่อยๆ จนปะทะเข้ากับลูกกระเดือกสวย เนี่ย! เหตุการณ์มันคุ้นๆ ไหม
“หรือว่า…”
เห็นเพียงแค่ปลายคางนับตะวันตัวน้อยก็รู้แล้วว่าร่างกายสูงใหญ่ที่เขานอนซุกกายอยู่นี่คือใคร แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกันนะ ความคิดในหัวเริ่มแบ่งเป็นสองฝั่ง อีกฝั่งบอกกับนับตะวันว่านี่คือความจริงไม่ใช่ฝัน แต่อีกฝั่งยืนเท้าเอวใส่นับตะวันแล้วชี้หน้าบอกว่า นี่คือความฝัน อยากทำอะไรทำไปเลย!
โอเค เชื่อฝั่งที่สองแล้วกันนะ
ปลายนิ้วซุกซนเริ่มทำตามใจชอบเพราะคิดว่าตัวเองอยู่ในห้วงแห่งความฝัน นับตะวันคงคิดถึงพี่พอร์ชมากเลยเก็บเอามาฝันสินะ
เรียวนิ้วเกลี่ยไล้แผ่นอกกำยำด้วยความซุกซน แอบขัดใจเล็กน้อยจนต้องทำเสียงจิ๊จ๊ะเมื่อเสื้อยืดที่คนพี่สวมใส่มันเกะกะจนอยากจับถอดออก นับตะวันอยากสัมผัสแผ่นอกเปลือยเปล่าของพี่พอร์ชแบบวันนั้นมากกว่า
“ฮึ่ย”
แอบลูบไล้แผ่นอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเรียงสวยจนพอใจ ก็เปลี่ยนเป้าหมายเป็นใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ยังคงนอนหลับสนิท ไม่รู้เลยว่ามีลูกแมววัยสองเดือนกำลังซุกซนกับร่างกายของตน
“หล่อจัง”
เสียงหวานเอ่ยออกมาเพ้อๆ อีกทั้งยังไล้สัมผัสกรอบหน้าของพอร์ชด้วยสัมผัสแผ่วเบา ตั้งแต่ปลายคาง จมูกโด่งเป็นสัน เรียวคิ้ว หน้าผากสวย แล้วกลับมายังริมฝีปากหยัก นับตะวันราวกับถูกต้องมนต์บางอย่างจนไม่สามารถละสัมผัสจาก
ริมฝีปากของคนพี่ได้เลย
ใบหน้าหวานขยับเพื่อให้ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับใบหน้าของคนพี่ ดวงตากลมที่ไร้ความง่วงงุนกวาดมองไปทั่วใบหน้าหล่อของคนตรงหน้า จดจำรายละเอียดทุกอย่างบนใบหน้าเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้จนระยะห่างถูกลดทอนลงเรื่อยๆ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อดูสุขภาพดีจุ๊บลงยังปลายคางของคนพี่แล้วแช่ค้างไว้ ก่อนจะเปลี่ยนไปจุ๊บที่ปลายจมูกโด่ง
ทว่าก่อนที่นับตะวันจะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น ดวงตาคมกริบที่หลับสนิทกลับลืมขึ้นอย่างกะทันหันจนนับตะวันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ไม่ๆ นี่เป็นความฝันของตะวันนะ พี่พอร์ชห้ามดุตะวัน” เอ่ยบอกคนพี่ที่ยังคงมีท่าทีนิ่งเฉย
“จุ๊บตรงไหนต่อดีน้า อ๊ะ!”
!!
มือบางยกขึ้นกุมหน้าผากอย่างรวดเร็วเมื่อถูกประทุษร้ายจากน้ำมือของฆาตกรสุดหล่อที่สุดในโลก
“ดีดหน้าผากตะวันทำไมเล่า มันเจ็บนะ!”
“…”
“หืม? ถ้าเป็นความฝันต้องไม่เจ็บสิ”
“…”
หรือว่านี่ไม่ใช่ความฝัน!
พอร์ชทอดสายตามองเด็กตัวเล็กที่ทำท่าทางเลิ่กลั่กอย่างน่าเอ็นดู แม้ว่าในทีแรกที่ตื่นขึ้นมาจะตกใจไม่น้อยที่ใบหน้าของน้องอยู่ใกล้กันจนสัมผัสลมหายใจได้อย่างชัดเจน แต่ความตกใจนั้นก็พลันหายไปเมื่อเห็นว่าดวงตาคู่สวยราวกับลูกกวางน้อยจดจ้องที่ริมฝีปากของตน
ซนเกินไปแล้วนับตะวัน
“จะทำอะไร” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทว่ากลับทำให้นับตะวันน้ำตาคลอ ไม่ใช่เพราะสำนึกผิด แต่เพราะกลัวจะถูกดีดหน้าผากอีกรอบต่างหาก
“ตะวันเจ็บนะพี่พอร์ช!” แหวออกไปเสียงดังลั่น มือก็ยังคงกุมหน้าผากอยู่อย่างนั้น
คนอายุมากกว่าค่อยๆ ขยับลุกขึ้นแล้วเอนพิงหัวเตียง ดวงตาคมกริบทอดมองเด็กน้อยที่นอนบ่นงุ้งงิ้งจับใจความไม่ได้ เห็นเพียงปากแหลมๆ ที่ยื่นออกมาเพราะถูกขัดใจ มันเขี้ยวจนต้องเอื้อมมือไปบีบปลายจมูกรั้น
“โอ๊ยๆ”
บีบไม่ได้แรงอะไรเลย แต่นับตะวันกลับร้องเสียงดังเหมือนกับเจ็บนักหนา
“จะทำอะไร”
เสียงทุ้มเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง ทำให้คนที่เริ่มรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปก้มหน้างุดจนคางแทบชิดอก ความร้อนลามเลียทั่วใบหน้าหวานจนขึ้นสีระเรื่อดูน่ามอง แล้วนับตะวันก็เพิ่งจะสังเกตว่าตอนนี้ตนได้สวมเสื้อยืดตัวโคร่งสีขาวซึ่งเป็นแบรนด์โปรดของคนพี่
อุ๊ย เหมือนใส่เสื้อแฟนงี้เหรอ
“โอ๊ยยย จมูกตะวันจะหลุดติดมือพี่พอร์ชแล้วๆ”
ยังไม่ทันที่จะได้นึกภาพในหัวให้เป็นตุเป็นตะ ก็ถูกมือหนายื่นมาบีบจมูกอีกครั้งจนนับตะวันต้องเบะปากใส่
“จะทำอะไรพี่”
“มะ...ไม่ได้จะทำอะไร พี่พอร์ชเพิ่งตื่นอาจจะตาเบลอก็ได้ ตะวันนอนเฉยๆ อยู่อย่างเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้”
ไอ้เด็กขี้อาย ที่หลบตาเขาทุกครั้งหายไปไหนแล้วนะ พอร์ชคิดในใจในขณะที่ทอดมองลูกแมวน้อยเถียงแก้ตัวไม่หยุด
“แล้วเมื่อคืนทำอะไรไว้จำได้ไหม”
???
เขาทำอะไรไว้เหรอ จำไม่เห็นได้
กลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลส่ายไปมาน้อยๆ เมื่อนับตะวันจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้เลย จำได้แค่ตอนที่แอบดื่มเหล้าในแก้วของใครสักคนซึ่งเป็นช่วงที่เพื่อนๆ ออกไปเต้นกันอย่างสนุกสนาน เขาจิบเหล้าในแก้วไปเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกว่าแอลกอฮอล์ที่ดื่มไปเริ่มไม่ขมเหมือนในครั้งแรก จากนั้นก็ภาพตัด...
“ตะวันไม่ได้ทำอะไรไม่ดีใช่ไหม?”
เป็นคำถามซึ่งไร้คำตอบจากร่างสูง ถ้าเป็นเหตุการณ์เมื่อคืนมันก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่มัน...
“เฮ้อ”
เสียงถอนหายใจดังขึ้น ก่อนที่นับตะวันจะค่อยๆ ชันกายลุกขึ้นนั่งแล้วหันหน้าไปเผชิญกับเพื่อนสนิทพี่ชาย
“แล้วทำไมตะวันมาอยู่นี่” เอียงคอน้อยๆ ด้วยความสงสัย เส้นผมบนศีรษะฟูฟ่องราวกับขนลูกแมว
“…”
“เมื่อคืนตะวันเมาไหม”
เมา
พอร์ชอยากตอบออกไปแบบนั้น แต่กลัวน้องจะถามต่อจนเขาคิดหาคำตอบให้คนตัวเล็กไม่ได้
“ไอ้ตฤณให้มานอนที่นี่ มันพานานะไปทำธุระ”
“ทิ้งน้องตลอด ต้องฟ้องปะป๊า”
“หิวหรือยัง”
“อยากกินพี่พอร์ช—”
!!
“ค—คือ หมายถึงๆ อยากอาบน้ำ ใช่ๆ ๆ ตะวันอยากอาบน้ำ”
ฮืออ บ้าไปแล้วนับตะวันๆ ๆ ทำไมไปหลุดปากพูดแบบนั้นล่ะ พี่พอร์ชจะมองว่าเป็นเด็กไม่ดีหรือเปล่าๆ
ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นสบกับดวงตาสีรัตติกาลของคนตรงหน้า เมื่อเห็นว่าคนพี่มองอยู่ก่อน จึงรีบหลุบตามองมือที่กำผ้าห่มไว้แน่น หน้าแดงหูแดงไปหมด ไม่ได้รับรู้เลยว่ามีบางคนลอบยิ้มด้วยความเอ็นดู
“แช่น้ำไหม เดี๋ยวพี่ไปผสมน้ำอุ่นให้”
“อื้อ”
พยักหน้าตอบรับไป นับตะวันตัวน้อยยังนั่งอยู่ในท่าเดิม ต่างจากคนพี่ที่ลุกออกไปแล้ว มือบางเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์ของตนที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะจิ้มๆ หน้าจอเพื่อส่งข้อความหาผู้เป็นพี่ชาย
‘ไม่ต้องรีบกลับ พาพี่นานะไปทำธุระสักสามวันก็ได้ (อีโมจิแมวยิ้ม)’