2

1894 คำ
นิกษาเหลือบตามองนาฬิกาบนผนังที่อยู่เหนือเตียงนอนเล็กๆ ของเธอแล้วก็ถอนหายใจยาวออกมาเมื่อพบว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าเข้าไปแล้ว ก่อนจะตวัดตามองกระจกตรงหน้าแล้วก็ได้เห็นภาพใบหน้าเรียวรูปไข่เกลี้ยงเกลาของตนเอง ยิ่งไม่แต่งหน้าอย่างนี้เธอยิ่งดูเด็กจนไม่เหมือนคนอายุยี่สิบห้า ซึ่งบางครั้งมันก็กลายเป็นอุปสรรคของการทำงานของเธอเช่นเดียวกัน เพราะความหน้าเด็กและเค้าหน้าของความเป็นเอเชียก็ทำให้บางครั้งเธอถูกกีดกันทางเชื้อชาติอย่างช่วยไม่ได้ นิกษาถอนหายใจยาวอีกครั้ง เอื้อมมือไปหยิบเอากระปุกครีมบำรุงผิวขึ้นมาทาก่อนนอนทั้งๆ ที่รู้สึกง่วงและเพลียจนอยากจะหลับ ตั้งแต่อายุยี่สิบเธอก็ไม่เคยได้นอนเต็มอิ่มเลยสักวันเดียวเพราะต้องตระเวนทำงานตั้งแต่เช้ายันดึก เวลานอนติดกันของเธอได้สูงสุดก็แค่ห้าชั่วโมงเท่านั้น นับตั้งแต่บิดาเกิดอุบัติเหตุและต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการรักษา ทำให้เธอที่เป็นนักศึกษาในสาขาวรรณคดีอังกฤษชั้นปีที่สามต้องขอพักการเรียนนับตั้งแต่ตอนนั้นและออกมาหางานทำ หาเงินพร้อมดูแลอีกฝ่าย เนื่องจากพีทไม่เพียงเป็นอัมพาตเท่านั้น อีกฝ่ายยังมีอาการของโรคหัวใจกับโรคไตอีกด้วย ทำให้ค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งของการไปพบแพทย์ของบิดานั้นสูงมาก สวัสดิการอะไรก็เอาไม่อยู่ นิกษาไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของครอบครัวแอนเดอร์สัน พีทและโจแอน แอนเดอร์สันรับเธอที่เป็นเด็กกำพร้าเชื้อสายไทยมาเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่เธออายุสิบขวบ พวกเขาไปเจอเธอที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและถูกชะตากับเธออย่างมากและรับเลี้ยงเธอตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สองสามีภรรยาเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่นเธอเป็นอย่างดี แต่นั่นไม่ได้รวมถึงสมาชิกของครอบครัวอีกคนหนึ่งอย่างนาตาชา ที่ไม่ได้ยินดีที่จะรับเธอเป็นน้องสาวอย่างแท้จริง แม้ว่าตอนช่วงปีแรกนาตาชาจะดีกับเธอมากก็ตาม แต่เพราะเธอรักแด๊ดกับมัม เธอถึงได้อดทนกับนาตาชามาเสมอ และไม่ว่าอย่างไรก็มองอีกฝ่ายเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน กระทั่งเธออายุสิบแปด ก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัยโจแอนก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ และสองปีหลังจากนั้นพีทก็ประสบอุบัติเหตุในระหว่างกลับจากที่ทำงานจนกลายเป็นอัมพาต ส่วนนาตาชาซึ่งย้ายออกไปจากบ้านก็ไม่เคยกลับมาดูแลอะไรพีท มิหนำซ้ำยังกลับมาขโมยข้าวของในบ้านไปขายอยู่เรื่อยๆ สร้างความเจ็บช้ำให้กับบิดาเป็นอย่างมาก ขณะที่นิกษาพอรู้ข่าวก็พักการเรียนจากมหาวิทยาลัยแล้วออกมาทำงานหาเงินพร้อมกับดูแลพีทอย่างที่ทำจนถึงทุกวันนี้ หลายครั้งแม้จะเหนื่อย ท้อ แต่เธอกลับไม่เคยคิดจะยอมแพ้และฮึดสู้อยู่เสมอ ในสมองทุกวันนี้คิดถึงแต่จะทำทุกอย่างเพื่อบิดาผู้ชราเท่านั้น ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแม้ว่าใครต่อใครจะบอกเธอว่าควรทอดภาระนี้ให้แก่นาตาชาเสียบ้าง แต่เธอทำอย่างนั้นไม่ได้...แค่คิดว่านาตาชาคงจะทอดทิ้งให้ท่านนอนอยู่กับเตียงโดยไม่สนใจไยดีอะไร เธอก็ไม่อาจทนได้แล้ว นิกษาเลยกัดฟันและยิ้มรับภาระนี้ด้วยความเต็มใจ เพราะถ้าไม่มีพีท...ก็ไม่มีเธอในวันนี้ ถ้าไม่ได้พีทคอยเลี้ยงดู อบรมดูแล เห็นเธอเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขา รักเธอเหมือนคนในครอบครัวเดียว กัน ก็คงไม่มีนิกษา ดิษกร แอนเดอร์สันในวันนี้ “เธอทำได้นิกกี้...พรุ่งนี้จะต้องดีขึ้นกว่าวันนี้แน่ๆ เธอทำได้” นิกษาเอ่ยกับกระจกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น แม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกเพลียจนแทบจะหลับได้ก็ตามที มันเป็นสิ่งที่เธอใช้พูดปลุกปลอบตัวเองอยู่ทุกวันเพื่อให้ตัวเองมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับงานในวันต่อๆ ไป แม้จะเหนื่อยมากแค่ไหนก็ตาม! ดาเรน ไวท์ จ้องมองประตูที่ถูกผลักเข้ามาอย่างรุนแรง พร้อมกับร่างของคนเป็นผู้ช่วยที่พรวดพราดเข้ามาพร้อมสีหน้าตื่นตระหนกแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความรู้สึกขวางหูขวางตานิดๆ ไม่ได้ “เป็นบ้าอะไรจอร์จ?” เขาเอ่ยปากถามคนที่มาหยุดยืนตรงหน้าแล้วทำท่าชี้ไม้ชี้มือไปยังประตูด้วยความแตกตื่นราวกับวิ่งหนีผีปีศาจมาอย่างไรอย่างนั้น “ทะ…ท่าน…ท่านประธานใหญ่” คนเป็นลูกน้องพยายามเค้นเสียงออกมา “ท่านมาที่นี่ ตอนนี้อยู่ในลิฟต์แล้วครับ” คำตอบนั้นทำให้ร่างสูงของดาเรนทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนในทันที ดวงหน้าหล่อเหลาถึงกับหลุกหลิก หลุดมาดเช่นเดียวกัน ปีศาจมาจริงๆ ด้วย! “ไปเรียก...” คนเป็นซีอีโอชี้นิ้วใส่ลูกน้องคนสนิท “ฝ่ายเอนจิเนียร์มาประชุมด่วน! ทุกคนเลย! วันนี้ประชุมยาว! ไปสิ!” “เจ้านาย...” จอร์แดนเรียกอีกฝ่ายเสียงยานคาง “ช่วงนี้พวกวิศวกรไม่มีใครอยู่ ออกไปคุมงานที่ไซต์กันหมด เหลืออยู่สองสามคนเอง” คำตอบนั้นทำให้ซีอีโอหนุ่มชะงักงัน “งั้นการตลาด บัญชี ธุรการ เอชอาร์ หรือจะซีเคียวริตี้ก็ได้ พวกไหนมันว่างก็เรียกมาให้หมด บอกประชุมด่วนเข้าใจไหม!” ตอนท้ายชายหนุ่มตวาดดังลั่น พยายามลนลานหางานเพิ่มให้ตัวเองโดยเร็วที่สุดเพื่อหลบการเผชิญหน้ากับผู้ที่มาเยือน ทว่ากลับสายไปเสียแล้ว เมื่อคนที่เขาพยายามหลบหน้ามาตลอดสองเดือนก็เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเพราะความชรา แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งอำนาจอยู่เหมือนเดิม “แกไม่ต้องคิดจะหลบหน้าฉันหรอกแดน...” ‘ปีเตอร์ ไวท์’ ส่งเสียงมาก่อนตัว ทำให้คนฟังทั้งสองในห้องทำงานใหญ่โตหรูหราบนตึกสำนักงานใหญ่ของไวท์ เรียลเอสเตทถึงกับชะงัก “คะ…คุณปู่” ดาเรนก้าวไปเผชิญหน้ากับชายชราผู้กุมอำนาจสูงสุดของตระกูลอยู่ในปัจจุบัน เข้าไปประคองอีกฝ่ายให้เดินตรงไปยังโซฟาหนังตัวนุ่มซึ่งตั้งอยู่มุมห้อง ขณะที่โบกมือให้จอร์แดนรีบออกไปจากห้องเพื่อเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้กับชายชรา “ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะครับ” ตอนท้ายซีอีโอหนุ่มวัยสามสิบสองปีเอ่ยถามผู้เป็นปู่พร้อมรอยยิ้มจืดเจื่อนหวังกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง ทว่าดวงตาคมกริบที่ปรายตามองมาเหมือนกับจะรู้ทันของชายชราที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ยังเล็กก็ทำให้ดาเรนได้แต่ยิ้มค้าง รู้สึกเก้อกระดากราวกับเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบห้าที่กำลังหนีออกไปนอกบ้านแล้วถูกจับได้เสียก่อน “ฉันมาตามหลานชายของตัวเองกลับบ้านน่ะสิ” คำตอบตรงๆ นั้นทำให้ดาเรนลอบกลืนน้ำลาย “ช่วงนี้ผมงานหนักมากเลย คุณปู่ก็รู้ว่าตอนนี้เราได้โปรเจกต์ใหม่ๆ เยอะมาก ยิ่งเฉพาะที่เอเชียที่กำลังจะเติบโต...” “ช่างหัวงานมันสิ!” ปีเตอร์ไม่คิดจะโยกโย้ให้ไอ้หลานชายเจ้าเล่ห์หาทางหนีตนเองได้อีกต่อไปแล้ว “ฉันมีธุระกับแกนั่นแหละไอ้แดน! คราวนี้ถ้าแกหลบหน้าฉันอีก ฉันจะขายหุ้นของไวท์ เรียลเอสเตททิ้งแล้วเอาเงินบริจาคให้มูลนิธิช่วยเหลือหมาจรจัด!” ประโยคดุดันพุ่งเป้าเข้าประเด็นของปีเตอร์ทำให้ดาเรนถึงกับหน้าเจื่อน “ใจเย็นๆ ก่อนสิปู่ เรื่องนี้เราค่อยๆ พูดกันได้นะครับ” “ใจเย็นกับผีน่ะสิ!” ปีเตอร์ตะคอกใส่หลานชายคนเดียวเสียงดังลั่น “แกอายุสามสิบสองแล้วนะไอ้หลานเวร! สามสิบสอง! ตอนที่ฉันอายุเท่านี้พ่อแกก็อายุตั้งห้าขวบเข้าไปแล้ว หรืออย่างพ่อแกอายุสามสิบสอง แกก็สามขวบเข้าไปแล้ว! แต่แกกลับ...กลับไม่มีทายาทตระกูลไวท์อีกอย่างนั้นเหรอ!” “ไม่ดีหรือไงที่ผมรู้จักป้องกันตัว ไม่คิดมีลูกนอกสมรสหรือมีลูกตอนที่ยังไม่พร้อมน่ะ...” ดาเรนบ่นงึมงำโต้เถียง “แกว่าอะไรนะ!” คนเป็นปู่หันไปตะคอกถามเพราะเมื่อครู่ได้ยินไม่ค่อยชัด “เปล่าครับ” ดาเรนตอบทันควัน จะให้ปู่ปีศาจรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าพูดอะไรไปเมื่อกี้นี้ “เมื่อไหร่แกจะแต่งงานน่ะแดน” ตอนท้ายน้ำเสียงชายชรานั้นอ่อนลง ดวงตาสีเขียวซีดมองเขาก็ดูอ่อนขึ้น “เกิดแกเป็นอะไรไป อย่างน้อยฉัน...ไม่สิ ตระกูลไวท์จะได้มีทายาท” เขารู้ดีว่าชายชราคงจะหมายถึงตัวเองนั่นแหละที่จะมีลูกหลานหรือมีเพื่อน ก็โทษคุณปู่ไม่ได้หรอกนะที่จะกลัว ใครใช้ให้บิดากับมารดาของเขาอายุสั้นกันล่ะ พอเขาสิบขวบสองคนนั้นก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้เขาเป็นเด็กกำพร้าและอยู่ในความดูแลของผู้เป็นปู่นับตั้งแต่ตอนนั้น ปีเตอร์ไม่ใช่คุณปู่ที่อ่อนโยนใจดีนัก มิหนำซ้ำยังได้ชื่อว่าเป็นจิ้งจอกในวงการอสังหาริมทรัพย์อีกต่างหาก แต่เขาก็ดูแลหลานชายคนเดียวอย่างดาเรนมาเป็นอย่างดี ความรักที่มีให้ไม่เคยปิดบังแม้จะไม่ได้แสดงออกมากมายอะไรทำให้ดาเรนไม่ได้รู้สึกขาดแคลนความรักหรือความอบอุ่นจากคนในครอบครัว แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งนั้นก็ไม่ได้ทดแทนความรู้สึกที่ปู่ก็รู้ดีว่ายังติดต้างอยู่ในใจของเขาได้ ถึงจะเห็นใจทว่าปีเตอร์ก็ยังเข้มงวดกับเขาสมกับที่เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลไวท์ และเส้นทางการเคี่ยวกรำเพื่อเป็นซีอีโอของไวท์ เรียลเอสเตทไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และยิ่งเจอผู้คนมากหน้าหลายตา จากเด็กชายที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ดาเรนก็มีความเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกเพิ่มขึ้นมาจนกลายเป็นจิ้งจอกคนที่สองของตระกูลไวท์ในปัจจุบันอีกด้วย! “ผมยังไม่เจอคนที่อยากแต่งงานด้วยนี่ครับ” ดาเรนตอบคนเป็นปู่ตามตรง “ผมก็บอกคุณปู่แล้วว่าถ้าเจอคนที่ทำให้รักได้ ต่อให้อีกสามวันต้องแต่งงานผมก็จะยอมแต่ง แต่นี่มันไม่มีนี่นา” “แล้วแม่ผู้หญิงที่แกควงทุกๆ สามเดือนนั่นล่ะ” ใครเอาข่าวซุบซิบให้ปู่อ่านวะ! “ก็…” เขายักไหล่ “ไม่นึกอยากแต่งงานด้วยไงครับ ถึงได้ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อยๆ เพราะทนคบไปก็ยิ่งเสียเวลาเปล่าๆ” “แกมันไม่พยายามเพื่อตระกูลต่างหากแดน!” คำตอบนั้นทำให้คนเป็นปู่ตะคอกใส่อย่างจะรู้ทัน ดาเรนรีบส่ายหน้าหวือทันที “ไม่พยายามอะไรกัน! ไม่อย่างนั้นคนที่มีนิสัยรักสงบอย่างผมจะไปคบผู้หญิงเยอะๆ จนถูกเรียกว่าคาสโนว่าทั้งที่ไม่ใช่ได้ยังไงกัน!” ซีอีโอหนุ่มเอ่ยแก้ตัวด้วยสีหน้าราวกับรับไม่ได้ “คุณปู่ไม่เห็นความพยายามของผมหรือยังไงกัน!” ก็ไม่เห็นน่ะสิ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม