ถ้าให้พูดถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกแพร์มาโรงเรียนสายก็คงต้องย้อนไปถึงเมื่อคืนที่อยู่ๆ พี่สาวทั้งสองคนของเธอก็กลับมานอนบ้านพร้อมกัน ด้วยความคิดถึงกันมากเพราะไม่ได้เจอกันนานทำให้ลูกแพร์อยู่คุยกับพี่สาวทั้งสองจนดึกดื่น
พี่สาวคนโตของลูกแพร์ชื่อว่า ‘ลูกหม่อน’ เป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและฉลาด ตอนนี้กำลังเรียนแพทย์ปีสุดท้ายอยู่ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐ ส่วนพี่สาวคนรองของเธอชื่อว่า ‘ลูกหว้า’ เรื่องความสวยและความฉลาดก็ไม่ได้ด้อยกว่าพี่สาวคนโต ตอนแรกก็ตั้งใจที่จะเรียนหมอเหมือนกับพี่สาว ก่อนจะเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้ายเบนเข็มทิศชีวิตมาเรียนสายบริหาร ซึ่งตอนนี้ก็กำลังเรียนการตลาดอยู่ชั้นปีที่สาม ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน
ทว่านอกจากเรียนการตลาดแล้วพี่ลูกหว้าก็ยังทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง เป็นแบรนด์เสื้อยืดที่เพิ่มพร็อพและลูกเล่นให้มีเอกลักษณ์และดูทันสมัย เหมาะสำหรับวัยรุ่นและวัยทำงาน เปิดตัวล็อตแรกก็ขายดีจนติดตลาด ผลตอบรับดีเกินเป้าที่ตั้งเอาไว้มาก ทำได้ไม่ถึงสามเดือนก็สามารถคืนเงินทุนที่ขอยืมพ่อกับแม่ได้ทั้งหมด
ดูจากตรงนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าใครจะเป็นผู้สืบทอดกิจการร้าน ‘ก๋วยเตี๋ยวเป็ดรสเด็ดลุงแซม’ ของครอบครัวที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่ามีทั้งแบบนั่งกินที่ร้านและแบบสำเร็จรูปที่มีแพคเกจจิ้งให้เลือกทั้งแบบซองและแบบถ้วยเพียงแค่เติมน้ำร้อนก็สามารถทานได้เลย สำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกเข้ามาซื้อเองที่ร้านก็สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ ซึ่งทางร้านมีแอดมินคอยรับออเดอร์ตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงสี่ทุ่ม
เพราะไม่ได้เจอกันนานเรื่องที่คุยก็เลยมีมาก ให้นั่งคุยกันทั้งคืนก็ไม่รู้ว่าจะจบไหม
ซึ่งตอนแรกก็นั่งคุยกันครบองค์สามสาวพี่น้อง ก่อนว่าที่คุณหมอคนสวยอย่างพี่ลูกหม่อนจะขอตัวไปนอนก่อนคนอื่น เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อกลับไปโรงพยาบาลที่ตัวเองเป็น Extern อยู่
ทว่าพอเหลือเธอกับพี่ลูกหว้าแค่สองคนการพูดคุยกันธรรมดาก็เปลี่ยนเป็นการทำกิจกรรมทางธุรกิจร่วมกันทันที ซึ่งกิจกรรมที่ว่าก็คือการถ่ายรูปเสื้อผ้าลงเพจร้านโดยมีเธอเป็นนางแบบ เสื้อห้าตัวทว่าเธอกับพี่ลูกหว้าใช้เวลาถ่ายรูปกันเกือบชั่วโมง รู้ตัวอีกทีก็เลยเที่ยงคืนมาเกือบยี่สิบนาทีจึงได้แยกย้ายกันไปนอน
สำหรับพี่ลูกหว้าก็คงเป็นเวลานอนปกติ เพราะอยู่มหาวิทยาลัยก็นอนเวลานี้อยู่แล้ว ยิ่งวันไหนที่ออกไปเที่ยวผับหรือนั่งชิลล์กับเพื่อนก็คือนอนตีหนึ่งตีสอง ทว่าสำหรับลูกแพร์ก็คือดึกรู้สึกตัวตื่นก็ตอนที่นาฬิกา ‘แม่’ มาปลุก
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกแพร์ถูกมารดาบ่นมาตลอดทางที่นั่งรถมาโรงเรียน
"เชี่ยภีมทำไมเมื่อเช้ามึงได้เก็บขยะวะ"
เสียงของพอร์ชที่ดังมาจากโต๊ะด้านหลังทำให้ลูกแพร์ที่กำลังหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาวางบนโต๊ะนิ่งฟัง
เพราะเธอเองก็เป็นหนึ่งคนที่ถูกลงโทษให้เก็บขยะ
"กูสายไง"
"สายแล้วทำไมมึงไม่ไปเข้าด้านหลังวะ ปกติสายมึงก็ปีนข้ามกำแพงเข้าตลอด?" พอร์ชมองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ
"นำชัยอยู่ปีนได้ไง" ภีมหมายถึงครูฝ่ายปกครองที่ทำให้ตัวเองต้องเดินย้อนกลับไปที่ประตูหน้าโรงเรียน
"แม่ง! เดี๋ยวนี้นำชัยแอดวานซ์ถึงขั้นไปยืนเฝ้าทางโจรเลยเหรอวะ โหดสัส" พอร์ชทำหน้าสยอง ก่อนจะหันไปมองคีนที่เดินหน้านิ่งกลับมาที่โต๊ะหลังจากที่หายออกไปรับโทรศัพท์ ท่าทางของคีนทำให้พอร์ชต้องเตะเท้าเพื่อสะกิดภีมที่กำลังเล่นเกมส์ให้เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อน
ภีมเงยหน้าขึ้นมองพอร์ช ก่อนจะหันไปมองคีน รู้ได้ทันทีว่าเมื่อกี้ที่คีนออกไปรับโทรศัพท์ก็คงไม่พ้นเป็นคนที่บ้านมันโทรมา
“ไอ้ภีมอาทิตย์นี้กูไปนอนบ้านมึงนะ”
“อืม” ภีมพยักหน้าให้คีนก่อนจะหันไปพูดกับพอร์ช “มึงล่ะ? จะไปนอนบ้านกูรึเปล่า”
"พี่สาวมึงอยู่บ้าน?"
"อยู่" คำถามของพอร์ชทำให้มุมปากของภีมยกขึ้นยิ้ม
พอร์ชเบ้ปาก ถอนหายใจยาวออกมาอย่างคนเซ็งจัด
"มึงจะกลัวพี่เภทำไมขนาดนั้นวะ พี่เภเขาออกจะเอ็นดูมึง" คีนแซวยิ้มๆ เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดไม่ต่างจากคนป่วยหนักของพอร์ช ลืมไม่เลยว่าตัวเองเพิ่งได้ยินคำพูดแย่ๆมา
"ไอ้เวรคีนมึงเงียบปากไปเลย มึงไม่ใช่กูมึงไม่เข้าใจหรอกว่ามันสยดสยองแค่ไหน กูพูดเลยถ้าพี่สาวไอ้ภีมยังไม่มีผัวกูไม่มีทางไปบ้านมันเด็ดขาด"
"งั้นมึงก็คงไม่ได้ไปบ้านกู เพราะพี่กูบอกว่าจะไม่แต่งงาน" ภีมพูดยิ้มๆ
พอร์ชมองเพื่อนตาค้าง รู้สึกลำคอแห้งขึ้นมาทันที ทว่ายังไม่ทันพูดอะไรก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงพูดของเพื่อนในห้องที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะ
“ภีม”
เสียงเรียกนั้นทำให้ทั้งสามคนหันไปมอง และเห็นว่าคนเรียกไม่ได้มาตัวเปล่า ทว่าในมือถือกล่องของขวัญมาด้วย
“มีคนฝากมาให้น่ะ” คนถูกไหว้วานพูดพร้อมกับวางกล่องของขวัญลงบนโต๊ะ เมื่อทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จก็หันหลังเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองทันที
ภีมมองกล่องของขวัญด้วยสายตานิ่ง หยิบมือถือที่คว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเล่นเกมส์ต่อไม่ได้สนใจจะเปิดดูว่าข้างในกล่องมีอะไร เป็นพอร์ชที่ทนนิ่งไม่ไหวหยิบกล่องของขวัญนั้นขึ้นมาถือเตรียมเปิดดู
รู้แหละว่ามันเสียมารยาท แต่ความอยากรู้มันมีมากกว่า เพราะถ้าเขาไม่เปิดก็อย่าหวังว่าไอ้ภีมมันจะเปิด
“เหี้ยพอร์ช เลวมากนะมึง ไอ้ภีมมันยังไม่ได้จับด้วยซ้ำมึงจะเปิดของมันเพื่อ?”
“เปิดแทนมันไง หรือมึงไม่อยากรู้ว่าผู้หญิงฝากอะไรมาให้มัน?” คำด่าของคีนไม่สามารถหยุดความอยากรู้ของพอร์ชได้ แต่เชื่อเถอะว่าคนด่าก็อยากรู้ไม่ต่างจากเขา
“มึงรู้ได้ไงว่าคนให้เป็นผู้หญิง?”
“กล่องสีชมพูลายหัวใจขนาดนี้คงเป็นผู้ชายมั้งที่ฝากมาให้มัน” พูดจบก็หันไปมองคนที่ได้ของขวัญแต่ยังมุ่งมั่นกับเกมส์ในมือถือ “ไอ้ภีมกูเปิดนะเว้ย”
“อยากเปิดก็เปิด เปิดเสร็จเก็บด้วย ห้ามทิ้งเศษกระดาษไว้ที่โต๊ะกูเด็ดขาด”
ภีมพูดโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอ ทว่าคำพูดนั้นทำให้พอร์ชหันไปยักคิ้วเหนือกว่าให้คีน ก่อนจะหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาเปิดกล่องของขวัญต่อ
สิ่งที่อยู่ในกล่องไม่ได้ทำให้พอร์ชแปลกใจ มันเป็นของที่พวกเขาสามคนมักได้ประจำ ถ้าไม่ถูกส่งมาในรูปแบบของขวัญ ก็ถูกนำมาให้ต่อหน้า
“ไอดีไลน์กับช็อกโกแลต? แม่งโคตรไม่ทำการบ้านเลย อย่างไอ้ภีมถ้าอยากโดนก็ต้องใส่ถุงยางกับบุหรี่มาด้วย รับรองมันทักกลับแน่นอน แต่ต้องอย่างละสองนะเพราะกล่องเดียวมันไม่พอว่ะ”
“สัส!” ภีมหันไปมองเพื่อนตาดุ ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นยืน
“ไปไหนวะ?” คีนถาม
“ห้องน้ำ” พูดจบก็เดินออกไปทันทีโดยมีร่างสูงของคีนที่เดินตามออกไป ส่วนพอร์ชก็ไม่ได้โกรธที่ถูกด่า กับยิ้มชอบใจก่อนจะวิ่งตามเพื่อนทั้งสองออกไปติดๆ
“รอกูด้วย”
“ลูกแพร์...เมื่อกี้ได้ยินที่พวกนั้นพูดว่า ‘ถุงยาง’ ใช่มั้ย?” หยกที่นั่งหน้าแดง หันมาพูดกับลูกแพร์เสียงเบาทันทีที่ทั้งสามคนเดินออกจากห้อง “แบบนี้ก็แสดงว่าภีมก็เคย...ตับๆ ตับๆ แล้วสิ”
ลูกแพร์ถึงกับยิ้มขำเมื่อเห็นใบหน้าปูเลี่ยนของหยก ก่อนจะหันไปมองมีนที่พูดแทรกมาจากด้านหลัง
“ดูทรงแล้วก็ไม่น่าจะใช่แค่ภีมคนเดียวมั้ง น่าจะทั้งกลุ่มแหละที่เคยตับๆ ตับๆ อะ”
เพราะเรียนที่นี่มาตั้งแต่ม.หนึ่งทำให้มีนรู้ดีว่าเพื่อนร่วมห้องทั้งสามที่เพิ่งเดินออกไป ‘ฮอต’ แค่ไหนในหมู่นักเรียนหญิง
โดยเฉพาะภีมที่เป็นขวัญใจทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง
“โคตรไวไฟเลยอะ พวกเราเพิ่งอยู่ ม.สี่กันเองนะ”
คำพูดแสนซื่อของหยกทำให้เพื่อนทั้งสามมองหน้ากัน ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาอย่างเอ็นดู
โธ่...ยัยหนูน้อยหยกแก้ว ช่างน่าสงสารจริงๆ