หลังจากวันนั้น…การคบกันของคะนึงกับริวก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของคนสองคนอีกต่อไป…
เพียงแค่เธอเดินเข้าไปในโรงอาหารของคณะก็รู้สึกได้ถึงสายตานับสิบคู่ที่มองมายังเธอ บ้างก็ซุบซิบนินทา บ้างก็หัวเราะคิกคัก บ้างก็จ้องมองมาทางเธอด้วยสายตาที่ดูไม่เป็นมิตร
"คนนี้ใช่ไหม? ยัยแว่นที่เขาว่ากันว่าทำให้พี่ซานวิศวะเครื่องกลกับพี่ริววิศวะเคมีต่อยกันวันนั้นอะ..."
"ท่าทางเรียบร้อยอย่างนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายได้ หรือเป็นพวกชอบปั่นหัวผู้ชาย"
"ก็แค่แอ๊บใส ๆ ล่ะมั้ง ไม่งั้นสองคนนั้นจะต่อยกันแบบบ้าคลั่งขนาดนั้นทำไม...คงเป็นพวกชอบบริหารเสน่ห์"
เสียงซุบซิบนินทาดังก้องในโสตประสาทแทบจะทุกย่างก้าวที่คะนึงเดินผ่าน เธอได้แต่ก้มหน้ามองพื้น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลและบอกตัวเองว่าอย่าไปใส่ใจกับคนพวกนั้น แต่หัวใจของเธอก็ยังเจ็บแปลบทุกครั้งที่ได้ยินมัน
คะนึงหลับตาลงด้วยความท้อใจ มองตัวเองในกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำของคณะ ขอบตาของเธอยังคงบวมช้ำทั้งจากการร้องไห้มาอย่างหนักบวกกับการนอนไม่หลับมาทั้งคืน
ริมฝีปากจองคะนึงยังคงบวมแดงเล็กน้อย เพราะร่องรอยจูบของปีศาจที่สิงอยู่ในตัวซานเมื่อวาน ทำให้ริมฝีปากบางถึงกับบวมเจ่อ และคะนึงก็เผลอลูบและถูมันแทบจะทุกครั้งที่นึกถึง เพราะโกรธตัวเองที่เผลอไปลึกซึ้งกับจูบหยาบคายนั่น
ความร้อนฉ่าที่ฉาบบนปลายลิ้นของซานยังคงตามหลอกหลอนจนทำให้เธอนอนไม่หลับ และความแสบร้อนจากการที่เขาใช้ปากดูดปลายลิ้นเล็กของเธอก็ทำให้เธอเผลอขบเม้มริมฝีปากและเคาน์เตอร์มันแรง ๆ ทุกครั้งราวกับว่าสัมผัสนั้นมันยังติดตรึงไม่จางหายไปสักที
"บ้าจริง...แกมันบ้าไปแล้วคะนึง..."
เสียงสะอื้นแผ่วเบาที่เจ้าตัวพยายามกลืนลงคอ เล็ดลอดออกมาอย่างสุดจะห้าม เธอเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทำไมชีวิตเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย
(ร้านชาดาดาคาเฟ่)
การคบกันของเธอกับริว ทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจจากคนมหา'ลัยมากขึ้น และไม่ใช่เพียงแค่คนที่ไม่รู้จักเท่านั้นที่คอยจับจ้อง แม้แต่เพื่อนร่วมงานในร้านคาเฟ่ชากาแฟที่เธอทำงานพาร์ทไทม์ ก็มีผลกระทบตามมาเช่นกัน
"ยัยนั้นเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าทิ้งพี่ซานเพื่อมาคบกับพี่ริว ทั้ง ๆ ที่พี่ซานยอมเสียสละไม่ยอมยุ่งกับผู้หญิงคนไหนเลยนอกจากเธอ แล้วดูสิ่งที่ยัยนั้นทำ...พาผู้ชายอีกคนมากินข้าวโชว์ความหวานถึงคณะ...มันสมควรแล้วเหรอ"
คะนึงขบเม้มริมฝีปากเน้น เมื่อเธอเข้ามาทำงานและได้ยินคำตำหนิเธอของเพื่อนร่วมงานถึงเรื่องซานกับริว แต่คำพูดของพวกเธอกับไม่มีเค้าความเป็นจริงเลยสักนิด ในสายตาคนเหล่านี้ทำไมถึงคิดว่าคนที่ผิดคือเธอ ทั้งที่เธอคือผู้ถูกกระทำแท้ ๆ
แต่จะมัวมาเรียกร้องข้อเท็จจริงอะไร ชีวิตเป็นของเธอ ไม่จำเป็นต้องมานั่งอธิบายอะไรให้ใครฟัง เพื่อแลกความสงสารเห็นใจให้มันเสียเวลา
คะนึงแสร้งเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินเข้าไปทำงานตามปกติ แม้จะมีบางครั้งที่เธอแอบเห็นสายตาของเพื่อนร่วมงานที่เหลือบมองมาอย่างดูแคลน แต่คะนึงก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ
จนกระทั่ง...
"เธอชงชายังไงทำไมมันรสชาติแย่ขนาดนี้ฮะ! แบบนี้ใครมันจะไปกินลง"
เสียงด่าทอในเชิงตำหนิดังขึ้นมาจากกลุ่มผู้หญิงที่แต่งตัวจัดเต็ม ทั้งเสื้อครอปและกระโปรงสั้นสีฉูดฉาด
ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที พวกเธอกวักมือเรียกคะนึงมารับออร์เดอร์ตามปกติ จนกระทั่งคะนึงนำออร์เดอร์ออกมาเสิร์ฟจนครบ ก็ยังคงไม่มีปัญหาอะไร แต่พอคะนึงเดินเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ พวกเธอก็เรียกคะนึงออกมาด่าและตำหนิราวกับว่ารสชาติของชานมที่คะนึงทำมันแย่มากจนไม่อาจให้อภัย
"เอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะลูกค้า เดี๋ยวจะชงมาให้ใหม่นะคะ..."
คะนึงแอบถอนหายใจออกมาเสียงดัง ทำไมวันนี้เธอถึงได้เจอแต่เรื่องแย่ ๆ แบบนี้ก็ไม่รู้ แต่แม้จะท้อแค่ไหนเธอก็ต้องอดทน โดยเฉพาะเรื่องงานและช่วงปิดภาคเรียนนี้คะนึงก็ยิ่งต้องเร่งทำงาน เพราะเธอจะได้ขึ้นปีสองแล้ว ค่าใช้จ่ายค่าเทอมค่าหน่วยกิต เธอจะต้องเตรียมให้พร้อมโดยที่เธอจะไม่ยอมให้พ่อต้องลำบากเพราะค่าใช้จ่ายเหล่านั้นอีก
คะนึงชงชาออกมาให้ลูกค้ากลุ่มนั้นใหม่อีกครั้ง โดยเธอจำใจต้องโดนหักเงินรายวันเพื่อชดเชยค่าออร์เดอร์เมื่อครู่ตามระเบียบของร้าน เพราะลูกค้าแจ้งมาว่ามันคือความผิดพลาดของเธอ
ทันทีที่คะนึงวางแก้วชานมลงเสิร์ฟ พวกเธอเหล่านั้นต่างก็ปัดแก้วตกอย่างจงใจ
เพล้ง!
"ซุ่มซ่ามจังเลยนะ...ยัยแว่น!"
คะนึงที่ยืนมองพฤติกรรมของคนเหล่านั้นก็เริ่มจะเข้าใจ ดูเหมือนว่าพวกหล่อนจะจงใจหาเรื่องเธอ แต่คะนึงก็พยายามอดทนและก้มหน้าทำงานต่อไปแม้วันนี้ทั้งวันเธอจะไม่ได้ค่าแรงเพราะต้องชดเชยค่าชานมที่พวกเธอปัดทิ้งจนแก้วแตก แต่คะนึงก็ไม่ตอบโต้หรือกรีดร้องเลยสักแอะ เธอได้แต่กัดฟันอย่างอดทน ภาวนาให้วันนี้ผ่านพ้นไปสักที
วันต่อมา...พวกสาว ๆ กลุ่มเดิมก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้พวกเธอแกล้งสั่งออร์เดอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมทั้งพูดจาถากถางเธอเสียงดังก้องในร้านจนคะนึงรู้สึกอับอาย เพราะคำพูดเลวร้ายเหล่านั้น ต่างเกี่ยวข้องกับเรื่องของซานและริว จนคะนึงเหนื่อยหน่ายหัวใจ เธอไม่คิดว่าผู้หญิงด้วยกันจะดูถูกกันได้ถึงเพียงนี้
"ไม่น่าเชื่อ...ว่าติ๋ม ๆ อย่างยัยแว่นเนี่ย...ที่ทำให้พี่ซานต้องบ้าเลือดจนไปหาเรื่องพี่ริววันนั้น ฟังแล้วมันตลกอะ"
"เขาอาจจะไม่ได้แย่งกัน...แต่อาจจะเกี่ยงกันรับเป็นแฟนก็ได้นะเว้ย ฮ่าๆ"
"ใช่ ๆ หรือไม่ก็แค่สร้างสถานการณ์ แล้วก็หายต๋อมทั้งคู่อะนะ ฮ่าๆ"
เสียงหัวเราะดังระงมไปทั่ว คะนึงได้แต่กัดฟัน อดทนทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุด แต่ก็อย่างว่า...ทุกอย่างมันเริ่มเกินจะทนแล้วจริง ๆ
เมื่อพวกเธอแกล้งทำชาเขียวที่เพิ่งเสิร์ฟหกลงบนพื้นจนเละเทะไปหมด และทำทีเป็นสะดุดขาโต๊ะ แล้วบอกไม่ได้ตั้งใจ
"โอ๊ย! ขอโทษนะ มันหกหมดเลย ฉันไม่ได้ตั้งใจอะ เธอช่วยเก็บกวาดให้ด้วยได้ไหม คงไม่ต้องให้พวกฉันสอนใช้ไม้ถูพื้นหลอกใช่ไหม...เพราะเธอคงชำนาญดีอยู่แล้ว"
หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะ คะนึงกลั้นน้ำตาเอาไว้ให้ถึงที่สุดและรีบเก็บกวาดอย่างเงียบ ๆ โดยไม่คิดจะตอบโต้เลยสักครั้ง
แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เจ้าของร้านไม่อาจทนเห็นภาพแบบนี้ได้อีกต่อไป ในเย็นวันนั้น...คะนึงจึงถูกเรียกให้เข้าไปคุยกับเจ้าของร้านเป็นการส่วนตัว
"พักงานเหรอคะ?" คะนึงถึงกับน้ำตาร่วง อึ้งจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อรุ่นพี่ที่มีตำแหน่งเป็นเจ้านาย แจ้งพักงานเธอกะทันหันแถมไม่มีกำหนดอีกต่างหาก
"คะนึง…พี่ไม่อยากทำแบบนี้เลยนะ แต่...ช่วงนี้ร้านพี่โดนก่อกวนบ่อยมาก พี่เองก็ไม่อยากให้เกิดปัญหากับลูกค้าคนอื่น ๆ" เจ้าของร้านพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ เพราะที่ผ่านมาคะนึงเองก็เป็นคนที่ขยันมากคนหนึ่ง หากไม่มีเรื่องที่ผิดใจลูกค้า เจ้านายอย่างเขาคงไม่ยอมให้เธอออกจากงานง่ายๆ
"พี่ขอให้หนูพักงานไปก่อนนะ ถ้าเรื่องทุกอย่างมันดีขึ้น ค่อยกลับมาทำใหม่ แต่ไม่ต้องห่วงนะ พี่จะจ่ายค่าชดเชยให้ ขอโทษจริง ๆ"
คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ คะนึงมองหน้าเจ้าของร้านที่เคยเอ็นดูเธอมาตลอดด้วยแววตาที่สั่นไหว
"หมายความว่าพี่ชาดา...ไล่หนูออกเหรอคะ?"
คนเป็นนายจ้างถึงกับถอนหายใจ...
"พี่เสียใจจริง ๆ นะคะนึง พี่เองก็ลำบากใจ แต่ต้องคิดถึงร้านด้วย...หนูเข้าใจพี่ใช่ไหม?"
คะนึงได้แต่ก้มหน้าและพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ เธอเข้าใจเหตุผลทุกอย่างดี แต่การที่เธอเสียงานนี้ไปในช่วงเวลาที่กำลังต้องใช้เงินและใกล้สอบขึ้นปีสอง มันคือการสูญเสียที่หนักหนาสาหัสสำหรับเธอมาก
ร่างเล็กเดินออกจากร้านไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง นี่คือสิ่งที่เธอต้องแลกมากับการที่เธอ...ตกลงคบกับริวอย่างงั้นเหรอ?