หลังจากเดินออกมาจากร้านคาเฟ่ที่เธอทำงานพาร์ตไทม์มาเป็นเวลานาน คะนึงรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดอย่างแรง น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เธอเดินไปตามทางเดินของถนนใหญ่ที่ทอดยาวไปยังหอพักอย่างเงียบงัน ผู้คนรอบข้างเดินผ่านไปมา บ้างก็หันมามองเธออย่างสงสัย แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ในหัวมีแต่คำถามซ้ำ ๆ ว่า ทำไมทุกอย่างมันถึงต้องเป็นแบบนี้
การที่เธอมีปัญหากับซานและตอบตกลงเป็นแฟนกับริวทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไป…มีแต่ผลกระทบมากมายเกินกว่าจะรับมือไหว การถูกกลั่นแกล้งในที่ทำงาน ความอึดอัดจากสายตาผู้คนแทบจะทั้งมหา'ลัย คำพูดถากถาง และสุดท้ายคือการที่เธอจะต้องเสียงานที่เธอรักไป ทุกอย่างมันเลวร้ายสำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอจริง ๆ
เมื่อมาถึงห้องพัก คะนึงก็เปิดประตูเข้าไปด้วยมือที่สั่นเทา ในขณะที่นิชากำลังนั่งเล่นมือถืออยู่บนเตียง เมื่อเห็นสภาพของเพื่อนก็ถึงกับตกใจ
"คะนึง! เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม?"
นิชาลุกพรวดจากที่นอนและรีบเดินเข้ามาประคองเพื่อนสาวให้เข้ามานั่งที่เตียง คะนึงทิ้งตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง ก่อนจะโผเข้ากอดนิชาแน่น น้ำตาที่กักเก็บไว้ถูกปล่อยให้ไหลรินออกมาอีกครั้งราวกับเขื่อนที่พังทลาย
"นิชา...พี่ชาดาให้ฉันออกจากงานแล้ว..."
เสียงของคะนึงสั่นเครือ นิชาฟังแล้วถึงกับชะงัก
“ฮะ! หมายความว่าไง? ทำไมอยู่ ๆ ถึงให้ออก?”
คะนึงค่อย ๆ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังนิชาฟัง ตั้งแต่การถูกคนเหล่านั้นกลั่นแกล้งที่ร้าน พูดถากถางและก่อกวนไม่เว้นแต่ละวัน จนในที่สุด...เจ้าของร้านก็ขอให้เธอพักงานอย่างไม่มีกำหนดเพื่อรักษาความสงบสุขของร้านไว้ นิชานั่งฟังด้วยสีหน้าตกใจและโกรธแค้นคนพวกนั้นมาก
"ยัยพวกนั้นทำเกินไปแล้วนะ ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีคนใจร้ายขนาดนี้"
นิชากำหมัดแน่น คะนึงได้แต่ฝืนยิ้มให้กับชะตากรรมที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
"ช่างเถอะนิชา...ฉันแค่...ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี อีกไม่กี่เดือนก็จะสอบขึ้นปีสองแล้ว ฉันต้องใช้เงินเยอะมาก ไหนจะค่าเรียน ค่าหนังสือ แล้วตอนนี้ก็ไม่มีงานทำแล้ว" เสียงของคะนึงแผ่วเบาราวกับคนที่กำลังหมดเรี่ยวแรง
นิชามองเพื่อนรักด้วยความเห็นใจ คะนึงเป็นคนดีแต่ทำไมถึงมีแต่เรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นกับเธอ
"คะนึง ฟังนะ... ฉันรู้ว่าแกเป็นคนเก่งและเข้มแข็งมาก แกผ่านมาได้ตั้งหลายเรื่อง เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ถึงจะโดนไล่ออกจากงานนี้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะหางานใหม่ไม่ได้นี่"
คะนึงเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนด้วยแววตาที่สิ้นหวัง...
"มันจะทันเหรอนิชา...ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี..."
นิชาส่งยิ้มให้เพื่อน เพื่อสร้างความมั่นใจให้คะนึง เธอจึงปลุกใจให้คะนึงลุกขึ้นสู้ เหมือนที่คะนึงเคยปลุกไฟในตัวของเธอมาตลอด
"เอางี้ไหม? เดี๋ยวพรุ่งนี้เราลองไปเดินหางานแถวห้างใกล้ ๆ มหาวิทยาลัยกัน มีตั้งหลายร้านที่ติดป้ายรับสมัครพนักงานพาร์ตไทม์ ฉันเชื่อว่าต้องมีสักที่ที่เหมาะกับแกแน่นอน"
ประกายความหวังเล็ก ๆ เริ่มส่องสว่างในดวงตาของคะนึง เธอพยักหน้าช้า ๆ เพื่อตอบรับการช่วยเหลือของนิชาเพื่อนรัก
"อืม...ลองดูก็ได้"
นิชาโอบไหล่เพื่อนรักและพูดอย่างมั่นใจ
"ฉันจะอยู่ข้าง ๆ แกเสมอนะคะนึง ไม่ว่าแกจะเจออะไร ฉันจะไม่ปล่อยให้แกสู้คนเดียวเด็ดขาด"
คำพูดนั้นเหมือนเป็นแรงผลักดันให้คะนึงรู้สึกฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง ถึงแม้จะถูกกลั่นแกล้ง ถูกไล่ออกจากงาน แต่เธอก็ยังมีเพื่อนแท้อย่างนิชาอยู่ข้าง ๆ เสมอและเธอจะไม่มีวันลืมนิชาเพื่อนรักของเธอเลย...
ท่ามกลางเสียงจอแจของผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา คะนึงและนิชาเดินเคียงข้างกันไปตามตรอกซอกซอยที่มีร้านค้าตั้งเรียงราย ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ไปจนถึงร้านสะดวกซื้อ ทั้งสองเดินเข้าไปสอบถามถึงการรับสมัครงานแทบจะทุกร้านที่พบป้ายรับสมัคร แต่กลับได้รับคำตอบเป็นเสียงเดียวกัน
"ขอโทษนะคะ ตอนนี้รับเต็มอัตราแล้วค่ะ"
"ยังไม่รับพนักงานเพิ่มค่ะ"
"ตำแหน่งเต็มหมดแล้วค่ะ"
เสียงปฏิเสธดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความหวังที่เริ่มต้นด้วยประกายเล็ก ๆ ค่อย ๆ มอดดับไปทีละนิด
นิชาหันมามองหน้าเพื่อนที่เดินข้าง ๆ ด้วยสีหน้าหม่นหมองและเหนื่อยล้าเต็มที
"เฮ้อ...ไอ้เรามันก็พวกไม่เคยทำงานด้วยสิ ถนัดแต่เกาะพ่อแม่กิน...แหะ ๆ ไม่คิดเลยนะว่างานจะหายากขนาดนี้ "
คะนึงถึงกับหน้าเจื่อน ราวกับรู้ชะตากรรมดีอยู่แล้ว
"ฉันถึงไม่อยากคาดหวัง...เพราะกลัวจะผิดหวัง"
นิชาตบบ่าคะนึงเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ
"ไม่เป็นไรน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เราออกมาเดินหากันใหม่ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะไม่ได้งาน มันต้องมีสักที่สิน่า"
"แต่วันนี้เราก็เดินถามกันทั่วเมืองแล้วนะนิชา แต่ก็ไม่ได้สักที่ ตอนนี้ฉันท้อมากเลย...ฉันเหนื่อยอะแก" คะนึงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ฉันรู้..." นิชาพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะพาคะนึงเดินไปนั่งพักที่สวนสาธารณะข้าง ๆ ใต้ร่มไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น
คะนึงทิ้งตัวลงนั่งที่ม้านั่ง ยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างหมดเรี่ยวแรง
"ทำไมทุกอย่างมันต้องเป็นแบบนี้..."
เสียงของเธอสั่นเครือจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
นิชาลูบหลังเพื่อนเบา ๆ เธอสงสารและเข้าใจคะนึงดีทุกอย่าง
"ไม่เป็นไรนะคะนึง...ทุกอย่างมันต้องมีทางออกสิ เดี๋ยวเราก็หางานใหม่ได้"
"แต่ฉันเหนื่อยเหลือเกินนิชา ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว..." เสียงสะอื้นของคะนึงดังขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่สะสมไว้
นิชาได้แต่กอดเพื่อนแน่น พยายามส่งกำลังใจให้เธอผ่านอ้อมกอดนั้น
ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ใต้ร่มไม้กันอย่างเงียบ ๆ พลันได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่ย่ำไปกับพื้นดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
พอทั้งสองหันไปมองก็เห็นร่างสูงของริวกำลังวิ่งตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าและแววตาตื่นตระหนก
"คะนึง!" เสียงเรียกของเขาดังก้องจนคนรอบข้างหันมามอง ริววิ่งเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของคะนึง หายใจหอบถี่ราวกับวิ่งมาตลอดทาง
"พี่ริว..." คะนึงเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ
"ทำไมไม่รับสาย ไม่ตอบแชทพี่เลย พี่ส่งข้อความไปตั้งหลายครั้ง..."
คะนึงมองหน้าริวด้วยความงุนงง เพราะเธอแทบจะไม่ได้จับโทรศัพท์เลย
"ข้อความ...?"
คะนึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ริวโทรหาเธอตั้ง 58 สาย และมีข้อความที่ไม่ได้อ่านอีกตั้งเกือบ 10 ข้อความ
"พี่ส่งไปตั้งเยอะ แต่หนูไม่อ่านเลยสักอัน พี่รู้ทุกอย่างแล้วนะ เรื่องที่หนูโดนแกล้งและโดนไล่ออกจากงาน พี่ร้อนใจมากเลยรู้ไหม? พอส่งข้อความไปหนูก็ไม่อ่าน...พี่ตามหาหนูทั้งวันเลย แล้วทำไมหนูไม่บอกพี่...เราเป็นแฟนกันแล้วไม่ใช่เหรอ?"
น้ำเสียงของริวสั่นเครือ แววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเขาทำให้หัวใจของคะนึงสั่นไหว
คะนึงถึงกลับโผเข้าไปกอดริวทันที และริวก็โอบกอดร่างบางเอาไว้และกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นด้วยความรู้สึกโหยหา ราวกับกลัวว่าคนในอ้อมกอดจะหายไป
นิชาแอบมองทั้งสองด้วยรอยยิ้มและค่อย ๆ ขยับถอยห่างออกมาอย่างรู้ตัว
คะนึงเริ่มน้ำตาคลออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความเสียใจ แต่เป็นเพราะความรู้สึกที่อบอุ่นที่ได้รับการใส่ใจจากคนตรงหน้า
"ขอโทษนะ ที่ทำให้หนูต้องลำบาก..."
ริวเอ่ยคำขอโทษด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พลางกดจูบลงกลางศีรษะของเธอด้วยสัมผัสที่นุ่มนวลและอ่อนโยน
"ต่อไปพี่จะไม่ปล่อยให้หนูต้องลำบากแบบนี้อีก..."
ริวให้คำมั่นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะกระชับอ้อมแขนเพื่อกอดร่างบางให้แน่นเข้าไปอีก ความอบอุ่นจากอ้อมแขนของริวแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างของคะนึง
หัวใจที่เคยบอบช้ำและอ่อนล้าเหมือนได้รับการปลอบประโลม เสียงสะอื้นของเธอค่อย ๆ เบาลง และเธอก็ยอมซบหน้าลงกับอกกว้างของเขาอย่างเต็มใจ
ฝ่ามือหนาลูบไล้ศีรษะของเธอเบา ๆ พลางกระซิบข้างหูเธอ
"ไม่ต้องกลัวนะ...พี่จะอยู่ข้าง ๆ หนูไม่ไปไหน"
คะนึงกอดเขาแน่นขึ้น พลางสะอื้นเบา ๆ เธอรู้สึกได้ว่าอ้อมกอดของเขาช่างอบอุ่นและปลอดภัย จนเธอไม่อยากผละออกห่างจากอ้อมกอดของเขาเลย
แต่อีกมุมหนึ่ง ที่อยู่ไกลออกไป...มีร่างสูงของใครคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ภายในสวนสาธารณะแห่งนี้
ร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว สายตาคมกริบจับจ้องมองไปยังภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ภาพที่ร่างบางของเธอคนนั้นกำลังสั่นสะท้านในอ้อมแขนของชายคนอื่นที่ไม่ใช่ตน
ซานมองดูเธอซบใบหน้าลงกับแผงอกของริว น้ำตาของเธอไหลรินออกมาเป็นสาย แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของซานเจ็บปวดยิ่งกว่าก็คือ...เธอไม่ได้ผลักเขาออก ไม่ได้ดิ้นรนเพื่อถอยห่างจากตัวเขาแบบที่เคยทำกับซาน แต่กลับโอบกอดเขาตอบอย่างเต็มใจ
เหมือนบางอย่างในใจของซานกำลังแตกสลายลงทีละนิด หัวใจของเขาชาวาบไปทั้งใจ ความรู้สึกของเขาในตอนนี้เจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีดลึกลงไปถึงข้างใน
มือหนาที่ถือขวดน้ำและผ้าเย็นที่ตั้งใจจะเอามาให้เธอค่อย ๆ กำแน่นขึ้นจนสั่นไหว ดวงตาคมเบิกกว้าง จ้องมองภาพนั้นราวกับจะฝังมันลงในหัวใจ
ซานรู้เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับคะนึงและสิ่งที่เธอเผชิญมา เขาได้ยินข่าวของเธอจากการเม้าท์มอยของเพื่อน ๆ ว่าเธอถูกกลั่นแกล้งจนต้องออกจากงาน สาเหตุเพราะเธอมีปัญหากับเขา เหล่าสาวกที่คลั่งไคล้เขาจึงตามกลั่นแกล้งด้วยความหมั่นไส้เธอ
เพราะแบบนี้เขาถึงได้ตามหาเธอทั้งวันด้วยความร้อนรนและห่วงใย อยากจะมาปลอบโยนเธอด้วยตัวเอง และอยากจะเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างเธอ...แต่ตอนนี้...เขากลับมาช้าไปหนึ่งก้าว
"กร๊อบ!"
ขวดน้ำในมือถูกบีบแน่นจนน้ำเย็นจัดทะลักออกจากฝาขวด ความเย็นเฉียบไหลลงมาตามนิ้วเรียวและหยดลงพื้นจนเปียกโชก แต่ซานกลับไม่รู้สึกถึงความเย็นของมันเลยสักนิด สิ่งที่เขารู้สึกมีเพียงอย่างเดียวคือความเจ็บปวดที่แล่นพล่านไปทั่วทั้งหัวใจ
เขาเหลือบลงไปมองขวดน้ำที่บุบยับและผ้าเย็นในมือ พลันรู้สึกถึงความสิ้นหวัง เขาอยากจะก้าวเข้าไปดึงตัวของคะนึงออกมาจากอ้อมกอดของผู้ชายคนนั้น แล้วโอบกอดเธอด้วยอ้อมแขนทรงพลังของเขาแทน...แต่ก็ทำได้แค่คิด
เสียงสะอื้นของคะนึงเล็ดลอดออกมาเบา ๆ แม้จะอยู่ไกลแต่ก็ชัดเจนพอจะทำให้หัวใจของเขาแหลกสลายตามไปด้วย
ซานยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้น้ำเย็นไหลชโลมผ่านมือที่กำแน่น และได้แต่เฝ้ามองภาพนั้นอย่างเจ็บปวดเจียนขาดใจ...