ผู้จัดการร้านเดินกลับมาพร้อมกับบัตรแบล็คการ์ดและถุงรองเท้าในมือ มือเรียวเอื้อมไปหมายจะเอาถุงรองเท้ามาถือ แต่เฟยที่รู้หน้าที่และไวกว่ากลับแย่งมันไปถือซะเอง
“ พี่เฟย ปิ่นถือเองค่ะ ” ปิ่นเอ่ยขึ้น เธอเกรงใจที่จะต้องให้เขาที่มีอายุเยอะกว่ามาถือรองเท้าให้เธอ ของแค่นี้เธอถือเองได้
“ ไม่เป็นไรครับให้เป็นหน้าที่พี่เถอะ ” เฟยเอ่ยยิ้มๆออกไป
“ ให้ปิ่นถือนะคะ ” เป็นอีกครั้งที่ความเกรงใจพาให้ปากเรียวเล็กเอ่ยขอออกไป เขาไม่มีหน้าที่ต้องมาถืออะไรให้เธอทั้งนั้น
สายลมได้แต่ฟังทั้งสองคุยกันเงียบๆก่อนจะสาวเท้าเดินออกจากร้านรองเท้าไปทันที
ระหว่างเดินกระบอกตาคมเห็นเข้ากับร้านกระเป๋าแบรนด์ดังสองขาแกร่งสาวเท้าเดินเข้าไปในร้านนั้นทันที ปิ่นที่เดินตามอยู่หยุดฝีเท้าตัวเองลงอีกครั้ง
“ เข้าไปครับน้องปิ่น ” เฟยที่เห็นอีกคนยืนนิ่งอยู่หน้าร้านก็เอ่ยชวนออกไป
“ คือ…คือปิ่นไม่เข้าไปดีกว่าค่ะ ขอไปเข้าห้องน้ำรอนะคะ ” ปากเรียวเอ่ยบอกเฟยยิ้มๆ พลางสาวเท้าเดินไปเข้าห้องน้ำทันที
สายลมที่รู้อยู่แล้วว่าอีกคนไม่ตามเขาเข้ามาแน่ ร่างหนายืนมือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงแบรนด์ดังที่ตัวเองสวมใส่อยู่ กระบอกตาคมกวาดมองกระเป๋าแบรนด์ดังในร้าน ก่อนจะไปสะดุดตาเข้ากับกระเป๋าถือใบเล็กๆที่เขาคิดว่าน่าจะเหมาะกับการถือไปงานในคืนวันพรุ่งนี้…
“ ขอดูใบนี้ครับ ” นิ้วเรียวของมาเฟียหนุ่มชี้ไปยังกระเป๋าใบเล็กๆราคาหลักแสนที่ดูจากสายตาก็น่าจะใส่ได้แค่เหรียญหรือลิปสติกสักแท่ง มันเหมาะสำหรับไว้ถือสวยๆไว้ประดับเวลาออกงานเพียงเท่านั้น
พนักงานร้านหยิบกระเป๋าใบที่ว่าส่งให้สายลมอย่างว่าง่าย มือหนารับมามันมาดูตรงนั้นที ตรงนี้ที
“ เอาใบนี้ครับ ” เมื่อพิจารณาแล้วว่าเหมาะกับปิ่นที่จะถือไปงานคืนพรุ่งนี้ปากหนาเอ่ยบอกพนักงานออกไปทันที ครั้งแรกของสายลมจริงๆกับการมาเลือกซื้อของให้ผู้หญิง
ในระหว่างที่สายลมกับเฟยกำลังยืนรอกระเป๋ากันอยู่ ร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่ายเธอไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำแต่อย่างใดเธอแค่อยากไปหาที่หลบที่คิดว่ารอดจากสายตาเย็นชาคู่นั้นของเขาต่างหาก
สองขาเรียวสาวเท้าเดินมารออยู่หน้าร้านกระเป๋า หญิงสาวจนๆแบบเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะมาอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ ร้านแบรนด์เนมที่เหมาะกับคนรวยสำหรับปิ่นการได้ไปเดินตลาดนัดซื้อกระเป๋าใบละ 199 สักใบมันก็ดีมากแล้ว
สายลมเมื่อชำระค่าสินค้าเสร็จก็สาวเท้าเดินออกมาจากร้านกระเป๋าทันทีกระบอกตาคมทอดมองไปยังร่างเล็กที่ยืนนิ่งอยู่ไม่เอ่ย ไม่พูดอะไรออกมา ก่อนจะสาวเท้าต่อไปยังลานจอดรถ
“ คุณลมจะกลับแล้วใช่ไหมคะ ” เท้าเล็กรีบสาวเท้าเดินตามเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยถามสายลมออกไป
“ ถ้าคุณจะกลับแล้วงั้นหนูขอกลับเลยนะคะ ” ปากเรียวเอ่ยบอกสายลมออกไปอีกครั้ง
“ เดี๋ยวไปส่ง ! ” ปากหนาเอ่ยบอกออกไป น้ำเสียงที่เปล่งออกมามันแข็งกร้าวราวกับไม่พอใจกัน
“ ไม่เป็นไรค่ะ อย่าเสียเวลากับหนูเลยค่ะเดี๋ยวหนูกลับเอง “ ถึงแม้ใจดวงน้อยจะมีเขาอยู่ทั้งใจแต่เธอก็ไม่เคยลืมตัวเลยว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ปิ่นเว้นระยะห่างระหว่างตัวเองกับสายลมเสมอ เจียมตัวอยู่เสมอ เธอจะอยู่ในที่ๆเหมาะสมกับเธอ
หลายครั้งที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับกลุ่มพ่อๆแม่ๆแต่ทุกครั้งที่ปิ่นไปก็เพราะรินลดาเป็นคนชักชวนด้วยความเกรงใจเธอเลยตอบตกลงไปทุกครั้งทั้งที่ความเป็นจริงเธอไม่อยากไปอยู่ตรงนั้นเลย
“ ให้คุณลมไปส่งเถอะน้องปิ่น ฝนกำลังจะตก ” เฟยที่เห็นฝนกำลังจะตกเอ่ยบอกปิ่นออกไป กระบอกตาสวยหันไปมองยังสายลมที่ยืนมือล้วงกระเป๋านิ่งอยู่
“ เอาของให้ปิ่นไป ” สายลมเอ่ยบอกเฟยแล้วหันหน้ากลับ สาวเท้าเดินต่อไปทันที น้ำเสียงนุ่มลึกกับสายตาเย็นชานั้นทำให้ปิ่นที่ยืนอยู่ตัวชาไปทันที เธอควรจะชินได้แล้วกับอาการแบบนี้ของเขา
“ นะ นายแต่ฝนกำลังจะตกนะครับ ” เฟยรีบตะโกนตามหลังผู้เป็นนายที่เดินทิ้งระยะออกไปไกลแล้ว
“ ไม่เป็นไรค่ะพี่เฟยปิ่นกลับเองได้อันนี้รองเท้าของปิ่นใช่ไหมคะ ” มือเรียวเอื้อมไปหยิบถุงรองเท้าแบรนด์ดัง เฟยก็ส่งให้แค่ถุงรองเท้าเพราะกระเป๋านายไม่ได้บอกไว้ว่าซื้อให้ใคร
ร่างบางเดินแยกจากเฟยออกมาจากห้างหรู เธอไม่อยากไปทนอึดอัดกับสายตานั้นของสายลม สายตาที่มองเธอราวกับเกลียดชังกันมาก
ร่างบางยืนอยู่หน้าห้างหรูพลางแหงนหน้าไปมองยังห้างสรรพสินค้าใหญ่โตที่มีเพียงคุณหญิงคุณนายคนดังต่างมาเดินช้อปปิ้งกัน
“ มันไม่ใช่ที่ของเราจริงๆสินะ ไปอยู่ในที่ของตัวเองนะปิ่น “ ปากเรียวเอ่ยพึมพำออกมาคนเดียว
ครืน ! ครืน !
เสียงฟ้าที่ฝนกำลังจะตกร้องลั่นไปทั่วบริเวณ ทุกคนต่างวิ่งวุ่นกันหาที่ร่มเพื่อหลบฝนไม่นานสายฝนก็โปรยปรายลงมา ร่างบางสาวเท้าเดินมานั่งยังป้ายรถประจำทางแต่ในเวลาที่ฝนกำลังตกแบบนี้กับรถบนถนนที่ค่อนข้างติดทำให้ปิ่นนั่งรอแล้วรอเล่ารถประจำทางก็ไม่มาสักที
ความหนาวเหน็บจากสายฝนกับลมที่โชยพัดมาพาให้ปิ่นนึกไปถึงแม่ที่จากเธอไปนานแล้ว ร่างบางเหม่อลอยลุกออกจากป้ายรถประจำทางเดินฝ่าสายฝนมาบนทางเท้า บนถนนยังคงมีรถติดหนาแน่น มือเรียวกำถุงรองเท้าแบรนด์เนมไว้แน่น ร่างบางเปียกปอนไปหมด
เธอไม่ได้แคร์สายตาใครที่มองมาอยู่แล้วเพราะเธอคิดเสมอว่าคนอย่างเธอไม่มีค่าให้ใครแคร์และไม่มีสิทธิ์ที่จะไปแคร์ใครด้วยเหมือนกัน
ปิ่นเดินตรงไปเรื่อยๆสมองคิดไปถึงคำพูดเจ็บช้ำต่างๆที่สายลมเคยพูดใส่เธอ ทุกๆความเจ็บช้ำมันเกาะกินใจดวงน้อยของเธออยู่ทุกวัน
กระบอกตาสวยปลดปล่อยน้ำสีใสออกมาบนใบหน้าสวยมันมีทั้งน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจและน้ำฝนปะปนกันจนแยกไม่ออก นานนับชั่วโมงที่ร่างเล็กเดินร้องไห้อยู่กลางสายฝน
จากฝนที่ตกหนักจนฝนซ่าปิ่นก็ยังเดินอยู่บนทางเท้ากระบอกตาสวยทอดมองไปตรงหน้าอีกแค่นิดเดียวจะถึงคอนโดของเธอแล้ว สองขาเรียวรีบจ้ำอ้าวสาวเท้าเดินเร็วๆเข้าไปในคอนโด โดยที่เธอไม่ได้สังเกตุเห็นเลยว่ามีรถหรูของสายลมจอดอยู่ที่ลานจอดรถภายในคอนโดของเธอ
“ โถ่ ! น้องปิ่นเอ่ย ” เฟยที่เห็นปิ่นเดินเปียกปอนเข้ามาเอ่ยออกมาทันที เขาสงสารปิ่นมากเขารู้ดีว่าปิ่นเป็นคนยังไงจากที่อยู่กันมานาน
กระบอกตาคมที่มีดวงตาสีเทาน่าเกรงขามคู่นั้นเอาแต่นั่งมองอีกคนเดินเข้าคอนโดไปเงียบๆ
ฮือ!!
ภายในห้องคอนโดขนาดกลางมีร่างเล็กนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ในห้องน้ำแทบทุกวันที่เธอจะมานั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำแห่งนี้ เธอเก็บความเจ็บช้ำทั้งหมดกลับมาระบายมันที่นี่ทุกวัน
กระบอกตาสวยแดงกร่ำไปทั้งสองข้างจากการร้องไห้มาอย่างหนัก ไม่เคยมีใครเห็นเธอในสภาพนี้เลยมีเพียงตัวเธอเองคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองอ่อนแอมากแค่ไหน แม้ในใจจะเจ็บช้ำมากเท่าไหร่แต่เธอก็ยังส่งยิ้มหวานให้ทุกคนได้เสมอ
“ เข้มแข็งนะปิ่น อย่าอ่อนแออีก อย่าร้องไห้สิ ฮือ ! ” ต่อให้ร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดคนเดียวที่จะปลอบใจเธอได้คือตัวเธอเอง
^^