ตอนที่6 ค่าเปิดซิง

1782 คำ
ปัง!ปัง!ปัง! “คาร์ต!! เปิดประตูออกมาคุยกันให้รู้เรื่องเลยนะ คาร์ต!!ฉันรู้นะว่าพริซซี่อยู่กับนายข้างในนั้น” ปัง!ปัง!ปัง! “ใจเย็นๆ สิที่รัก เดี๋ยวคนอื่นเขาก็แตกตื่นกันหมดหรอก” “เพื่อนฉันหายไปทั้งคนนะโจ แล้วยิ่งฉันรู้ว่าพริซซี่เป็นแฟนของเพื่อนนายที่หายไป จะให้ฉันวางใจได้ยังไงฮะว่าคาร์เตอร์จะไม่ทำอะไรเธอ!!” ปัง!ปัง!ปัง! เสียงทุบประตูพร้อมร้องเรียกเสียงดังสนั่นของคนด้านนอกดึงความสนใจให้ผมหลุดออกจากภวังค์ในอดีตชั่วคราว สายตาคมเบือนกลับไปมองเพลินตาที่นอนตะแคงข้าง หลับอยู่บนเตียง เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างบางเอาไว้หลบความเย็นของเครื่องปรับอากาศอย่างเบามือ ท่ามกลางเสียงทุบประตูปึงปังของแฟนไอ้โจฮาน ปัง!ปัง!ปัง! แกร้ก! “คาร์ตะ...” กำปั้นเล็กของชิลีชะงักค้างกลางอากาศ เมื่อสายตาของเธอจ้องลงมายังร่างกายกำยำของผมที่ท่อนบนเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวพันเอวสอบไว้เท่านั้น “มีอะไร”ผมถามออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ถอยออกมาดิ๊ชิล” โจฮานดึงตัวแฟนสาวของมันให้ออกห่างจากตัวผมด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์เช่นกัน “แล้วมึงทำไมไม่แต่งตัวดีๆ วะคาร์ต” “อย่ายุ่งน่าโจ” ชิลีที่เหมือนพึ่งตั้งสติได้ สะบัดแขนออกจากมือของโจฮาน หันมาตะคอกผมต่อ “เพื่อนฉันอยู่ในห้องกับนายใช่ไหม อย่าปฏิเสธเพราะฉันเห็นกระเป๋านี่ตกอยู่หน้าห้องนาย” ชิลีชูกระเป๋าสะพายแบบของผู้หญิงขึ้นเกือบชนหน้าผม ถ้าไม่ติดว่าผมถอยหลบได้ก่อนก็คงโดนเข้าเต็มๆ “อืม” ผมตอบออกไปสั้นๆ พร้อมกับรีบดันประตูปิดทันทีแต่ถูกเธอขวางเอาไว้ซะก่อน “หยุดนะคาร์เตอร์ นี่นายทำอะไรเพื่อนฉัน พริซซี่!! เธอได้ยินฉันไหม พริซ!!” ชิลีส่งเสียงร้องเรียกเพื่อนของเธอดังลั่น พร้อมกับพยายามดันประตูห้องเข้ามาทั้งๆ ที่ผมกำลังจะดันประตูปิดลง “ใจเย็นๆ น่าชิลเดี๋ยวโดนประตูหนีบหรอก ถ้าคาร์เตอร์มันบอกว่าเธอคือแฟนมันก็ปล่อยสองคนได้คุยกันก่อนเถอะ” โจฮานพยายามเข้ามาดึงตัวแฟนของมันออกจากประตูห้องของผมด้วยความยากลำบาก เพราะยัยนั่นเกาะขอบประตูเอาไว้แน่น มันน่าหนีบให้แบนเหมือนจิ้งจกถูกประตูทับจริงๆ มายุ่งอะไรเรื่องคนอื่น “เงียบไปเลยนะโจ พริซซี่ไม่เคยพูดเรื่องนี้สักครั้ง เพื่อนนายอาจจะโมเมไปเองก็ได้” “ไอ้โจ เอาเมียมึงออกไป” ผมดันประตูปิดอีกครั้ง ไม่ให้ชิลีมองเห็นเพลินตาที่หลับอยู่บนเตียง พลางขมวดคิ้วไม่พอใจส่งไปทางโจฮาน เพราะมันรู้ดีว่าผมไม่ชอบคนที่มารุ่มร่ามพื้นที่ส่วนตัวโดยที่ผมไม่อนุญาต และสิ่งที่ชิลีทำอยู่กำลังสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับผม “ไปเหอะน่าชิล ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาเถอะ” “โถ่เว้ย! นั่นเพื่อนฉันนะ" "ไปเหอะน่า!" "ก็ได้คาร์ต ก็ได้ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องนายก็ได้ แต่ฉันจะบอกนายเอาไว้อย่างนะ ว่าเพลินตาไม่ได้ขายตัว ไม่ใช่อีตัวเหมือนที่นายถามฉันเมื่อวาน” ชิลีร่ายยาวและพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ขณะที่พยายามอธิบายเรื่องเกี่ยวกับเพลินตาให้ผมฟัง “เพลินเป็นแฟนฉัน” ผมบอกย้ำสิ่งที่ผมพูดกับเธอไปตั้งแต่ตอนที่เจอกับเพลินตาในครั้งแรก ว่าผู้หญิงคนนี้คือแฟนที่หายไปของผม ต่อให้เธอจะถอดแว่น แต่งตัวแบบที่ไม่เคยแต่งให้ผมเห็นมาก่อนก็เถอะ ผมจำได้ดีว่านี่คือเพลินตา ผู้หญิงของผม ซึ่งเมื่อวานชิลีแกล้งบอกกับผมเชิงเล่นเชิงหยอกว่าเพลินตาเป็นเด็กเอ็นที่จ้างมาดูแลฮันเตอร์ แต่เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ปึก! กระเป๋าสะพายใบเล็กสีดำในมือของชิลีฟาดลงบนแผงอกแกร่ง ผมรับมันมาถือเอาไว้เพราะมันน่าจะเป็นกระเป๋าของเพลินตา “เอาไป ถ้าพริซตื่นแล้วบอกให้โทรหาฉันด้วย และหวังว่านายจะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีกับเพื่อนของฉัน” “อืม” ปัง!!! ผมรับปากสั้นๆ จากนั้นก็รีบปิดประตูห้องลงพร้อมกับล็อกอย่างหนาแน่น เมื่อคืนตอนที่ผมเจอกับเพลินตาที่ตรงสระว่ายน้ำ ชิลีบอกผมว่านี่คือพริซซี่เพื่อนที่ทำงานเอ็นกับเธอ ผมบอกชิลีเพียงแค่เพื่อนของเธอคือแฟนผมที่หายไป หลังจากนั้นเลยวิ่งออกมาตามหาเพลินตาจนได้พบกับเธอที่กำลังวิ่งหนีผม “อื้อ~” ร่างเล็กที่อยู่ในผ้าห่มผืนหนาขยับตัวเล็กน้อย มือของเธอถูกยกขึ้นนวดคลึงขมับด้วยใบหน้าเหยเก ส่งเสียงแหบพร่าพึมพำออกมาทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ “ปวดหัวจัง” “...” ผมเดินเข้ามานั่งลงบนขอบเตียง วางนิ้วโป้งทั้งสองกดลงนวดขมับให้เธอเบาๆ อย่างที่เคยทำให้เธอเมื่อในอดีตเวลาเธอเมื่อย “นะ...นาย” เพลินตาโพล่งออกมาด้วยความตกใจ คนตัวเล็กปัดมือของผมออกจากขมับพร้อมกับขยับตัวหนีออกห่างจากผม ดวงตาแดงก่ำของเธอจ้องมาทางผมด้วยแววตาแข็งกร้าว “ปวดหัวไม่ใช่เหรอ” “อย่ามาแตะตัวฉัน!”ผมที่กำลังขยับเข้าไปใกล้เธอแต่ถูกเธอตวาดห้ามเอาไว้เสียงเขียว “ทำไมแตะไม่ได้ หรือเพราะฉันยังไม่จ่ายเธอเลยไม่พอใจงั้นเหรอ” “...” เพลินตาไม่โต้ตอบอะไรแต่กลับรีบเหวี่ยงตัวลงจากเตียงไปพร้อมกับผ้าห่มผืนหนาที่คลุมตัวเธออยู่ “โอ๊ย!!” ตุ๊บ! “เพลิน!” ผมรีบวิ่งอ้อมไปอีกทาง เมื่อคนตัวเล็กที่คิดจะหนีผมทรงตัวไม่ไหวและทรุดลงไปกองกับพื้น มือหนาเอื้อมเขาไปหมายจะพยุงเธอแต่กลับถูกตวาดกลับเสียงดังอีกครั้ง “อย่า!! อย่ามาแตะตัวฉัน ฮึก! ออกไป...” มือของเธอจับผ้าห่มผืนนั้นคลุมตัวเอาไว้แน่น ใบหน้าเล็กของเธอฟุบลงไปร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวสั่นเทิ้ม “ลุกไม่ไหวก็อย่าดื้อ” แขนแกร่งช้อนตัวอุ้มเธอขึ้นนั่งบนขอบเตียงอีกครั้ง แต่เพลินตากลับตวัดมองผมผ่านม่านน้ำตาด้วยสายตาไม่พอใจ โดยที่มือเล็กก็จับผ้าห่มเอาไว้แน่น “ยะ...อย่า!” “....” มือที่กำลังจะเอื้อมไปดึงผ้าห่มออกจากตัวเธอชะงักไป ลืมว่าเธอไม่ได้ใส่อะไรมีเพียงร่างเปลือยเปล่าเท่านั้นที่อยู่ใต้ผ้าห่ม พอนึกได้อย่างนั้นผมเลยเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องแต่งตัวหยิบเสื้อคลุมออกมายื่นให้เธอ “...” เพลินตาเอื้อมมือมากระชากเสื้อคลุมอาบน้ำจากมือของผมอย่างแรง แต่ถือเอาไว้อย่างนั้นไม่ยอมสวมเสื้อคลุมแต่อย่างใด “ไม่เปลี่ยนเหรอ” “นายออกไปก่อนสิ” “ถ้าอาย แค่หันหลังให้ก็น่าจะพอนะ” ว่าแล้วผมก็หมุนตัวหันหลังให้กับเพลินตาทันที ได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาเบาๆ จากคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ขอบเตียง ผมหมุนตัวกลับไปอีกครั้งพบว่าเธอกำลังผูกสายเสื้อคลุมอยู่ ดวงตาแดงก่ำของเธอมองผมสลับกับปมสายคลุมอย่างหวาดระแวง “โอ๊ย!” ผมรีบปรี่เข้าไปพยุงร่างบางเอาไว้ได้ทัน เมื่อเห็นว่าเธอจะทรุดลงไปกองกับพื้น ในขณะที่กำลังดันตัวลุกขึ้นยืน ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น สีหน้าของเธอแสดงความเจ็บปวดออกมาอย่างไม่ปกปิด “เจ็บ” “ตรงไหน” ผมถามกวนๆ พลางพยุงเธอนั่งลงที่ขอบเตียงตามเดิม “ก็ทุกตรงนั่นแหละ ปล่อยไม่ต้องมาจับ” มือเล็กแกะมือผมออกจากตัวเธอ ชักสีหน้าไม่พอใจใส่ผมไม่เลิก “คุยกันหน่อยได้ไหม” ผมโน้มตัวลงใช้แขนทั้งสองข้างกักตัวเพลินตาเอาไว้ “ไม่มีอะไรจะคุย” เธอเอ่ยออกมาเสียงแข็ง ไม่ยอมสบตาผมแต่เลือกที่เบือนหน้าเสมองไปทางอื่น เหมือนเมื่อก่อนเวลาที่เธอโกรธก็จะเป็นแบบนี้ ไม่ยอมคุยด้วยทั้งๆ ที่ทำโน่นทำนี่ด้วยกัน เบือนหน้าหนีแม้กระทั่งนั่งทานข้าวหรือนั่งรถด้วยกันเธอก็จะไม่มองหน้าผม จนกว่าจะได้กินของโปรดเธอ “รับชานมสตรอว์เบอร์รีเพิ่มไข่มุกสักแก้วไหมครับ” “...” ใบหน้าบึ้งตึงของคนตัวเล็กหันกลับมาทางผม ถ้าตาไม่ฝาดวูบหนึ่งผมสัมผัสได้ถึงความสับสนจากดวงตาแดงก่ำที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักของเธอ ก่อนจะแปลเปลี่ยนเป็นความโกรธเคืองกลับไปแทนที “มีอะไรก็รีบพูดมาและก็ปล่อยฉันกลับได้แล้ว” “เพลินหายไปไหนมา รู้ไหมว่าคาร์ตตามหาเพลินแทบพลิกแผ่นดิน” “จะให้ฉันตอบกี่ครั้ง ฉันก็ยังยืนยันว่า ฉันไม่รู้จักคุณ” เพลินตาย้ำเสียงต่ำประโยคสุดท้าย ดวงตาแดงก่ำของเธอเองก็จับจ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่หนักแน่นไม่แพ้กัน “ทำไมเพลิน เราทำอะไรผิด ทำไมเพลินต้องทิ้งเราไปทั้งอย่างนั้น” “คุณเป็นลูกค้า เสร็จเรื่องแล้วก็จ่ายเงินมาซะ จะได้จบๆ” คนตัวเล็กดันตัวลุกขึ้นยืนด้วยขาที่สั่นเทา เธอหลับตาลงเหมือนกำลังสะกดอารมณ์บางอย่าง จากนั้นก็เดินไปหยิบกระเป๋าสะพายของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะยื่นคิวอาร์โค้ดระบุบัญชีธนาคารมาให้ตรงหน้าผม “งั้นเหรอ ง่ายๆ แบบนี้เลย” ผมหลุบตามองโทรศัพท์มือถือในมือเธอเพียงนิดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของผมขึ้นมาสแกนคิวอาร์โค้ดของเธอพร้อมกับกรอกจำนวนเงินลงไปจำนวนมาก โอนเข้าบัญชีของเธอ ติ๊ง! เพลินตาเลื่อนนิ้วเข้าไปดูข้อความในโทรศัพท์ของเธอ เรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันเป็นโบ ก่อนจะยื่นหน้าจอโทรศัพท์มาตรงหน้าผม “ทำแบบนี้หมายความว่าไง” ผมแสยะยิ้มมุมปากอย่างผู้เหนือกว่า บอกความหมายของเงินที่พึ่งเข้าบัญชีเธอไปเมื่อสักครู่ “ฮึ! ส่วนหนึ่งก็ถือว่าเป็น...ค่าเปิดซิง” "อะ...ไอ้คนทุเรศ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม