เมื่อก่อนตอนที่นางถูกสั่งให้ฝึกร่างกายตลอดทั้งวันทั้งคืน นางได้รับยาตัวนี้มาจากทางองค์กร ในตอนแรกก็ไม่รู้ว่าช่วยเรื่องอะไร
แต่พอกินนานๆ ไปจึงได้รู้ว่ามันช่วยให้ร่างกายของนางราวกับเป็นเครื่องจักรกล ที่ไม่รู้เจ็บปวด ไม่เหน็ดเหนื่อย ทำให้ฝึกหนักตลอดทั้งวัน
หรูอวี้โยนกระปุกยาทิ้งในถังขยะทันที นางไม่ต้องการที่จะใช้มันอีกแล้ว หรูอวี้เดินกลับไปนอนบนเตียงเพียงไม่นานนางก็หลับสนิททันที
รุ่งเช้าเมื่อนางจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็ออกไปด้านนอกมิติ ออกมาก็ได้ยินเสียงเสี่ยวซีร้องเรียกเพื่อจะเข้ามาช่วยหรูอวี้นางล้างหน้าแล้ว
“คะ คุณหนู ท่านล้างหน้าแล้วรึเจ้าคะ” เสี่ยวซีตกใจไม่น้อยที่เห็นคุณหนูของตนอยู่ในชุดที่พร้อมออกเดินทางแล้ว
“เสี่ยวซี ต่อไปนี้เรื่องพวกนี้เจ้าไม่ต้องทำให้ข้าแล้ว”
“ตะ แต่ว่า...”
“ข้าอยากทำด้วยตนเอง เจ้าทำหน้าที่อื่นไปเถิด” นางไม่ต้องการให้เสี่ยวซีมาคอยช่วยนางอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ด้วยนางไม่เคยชินที่มีคนมาอยู่คอยช่วยข้างกาย
“บ่าวทำสิ่งใดผิดหรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวซีคุกเข่าลงอย่างอ้อนวอน
“เจ้าทำอันใด” หรูอวี้ถอยหลังหนี พร้อมทั้งขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“หากบ่าวทำสิ่งใดผิด คุณหนูได้โปรดชี้แนะบ่าวด้วย อย่าผลักไสบ่าวเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวซีสะอื้นไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร
นางคิดว่าหรูอวี้ไม่ต้องการนางแล้ว ด้วยกลัวว่าหากทำสิ่งใดให้คุณหนูไม่พอใจ นางจะถูกขายออกไปอยู่ที่อื่น
“เจ้าคิดมากไปแล้ว เจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด เรื่องอื่นเจ้ายังทำหน้าที่ได้ตามเดิม เว้นแต่เรื่องช่วยข้าอาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า ต่อไปข้าจะทำด้วยตนเอง”
เสี่ยวซีเงยหน้าขึ้นมามองอย่างไม่เข้าใจ นางอยู่ข้างกายหรูอวี้มาตั้งแต่เล็ก มาตอนนี้คุณหนูต้องการจะจัดการเรื่องส่วนตัวด้วยตนเอง
“เอาเถิด หากข้าต้องการให้เจ้าช่วยเมื่อใด ข้าจะบอกเจ้าก็แล้วกัน ตอนนอนไม่ต้องมานอนเฝ้าที่หน้าประตูห้อง กลับไปพักที่ห้องของเจ้าได้เลย”
เมื่อคืนเสี่ยวซีก็ยังมานอนพักที่หน้าห้องของหรูอวี้ แม้นางจะบอกให้กลับไปพักที่ห้องพักก็ตาม
“จะ เจ้าค่ะ” เสี่ยวซีแม้จะไม่เข้าใจแต่ก็ไม่เอ่ยถามออกมาอีก ด้วยแววตาที่เรียบเฉยของผู้เป็นนาย นางบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเหตุใดถุงได้ดูทรงพลังและน่ากลัวมากกว่าเดิมก็ไม่รู้
“เจ้าเก็บของให้เรียบร้อย จะได้เตรียมตัวออกเดินทาง” หรูอวี้นั่งรอจนเสี่ยวซีเก็บของเสร็จจึงได้ลงไปด้านล่างของโรงเตี๊ยม
ตู้หยวนนั่งรอนางอยู่ที่ด้านล่างเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่มารดาของนางที่ยังมิได้ลงมาด้านล่าง
“หิวหรือไม่” ตู้หยวนเอ่ยถามน้องสาวอย่างกังวล เมื่อวานมื้อเย็นนางก็ไม่ได้มากินกับพวกเขา
“ท่านพี่ ท่านลืมไปแล้วหรือไร ว่าข้ามีสิ่งใด” นางเลิกคิ้วถามพี่ชาย
“สวรรค์ ข้าลืมไปได้อย่างไร วันหน้าเจ้าพาพี่เข้าไปพักด้านในด้วยเล่า” ตู้หยวนกระซิบบอกหรูอวี้
เขาเคยเห็นห้องนอนที่อยู่ในมิติของหรูอวี้แล้ว มันน่านอนยิ่งนัก ยิ่งห้องน้ำ หรือห้องครัวก็ล้วนแต่สะดวกสบาย
“เจ้าค่ะ” หรูอวี้พยักหน้ารับ
“แล้วเช้านี้เจ้ากินอะไรมาแล้วหรือยัง”
“ยังเจ้าค่ะ ว่าจะมากินพร้อมพวกท่าน แต่ดูเหมือนว่า...ความอยากอาหารของข้าจะหมดลงแล้ว” นางเหลือบไปเห็นจ้าวลู่ฉือเดินมาทางที่พวกนางสองพี่น้องนั่งอยู่
“อวี้เออร์ เก็บสีหน้าเสียหน่อย ต่อให้ไม่พอใจท่านแม่ทัพ แต่พวกเรายังต้องพึ่งเขาไปจนถึงเป่ยหาน เจ้าอย่าได้ทำให้ท่านแม่หนักใจเล่า” ตู้หยวนรีบกระซิบเอ่ยเตือนนาง ก่อนที่จ้าวลู่ฉือจะเดินมาถึงพวกเขา
“ท่านแม่ทัพ” ตู้หยวนลุกขึ้นทักทายเขา พร้อมทั้งดึงหรูอวี้ให้ลุกขึ้นตามมาด้วย
“มารดาพวกเจ้าเล่า”
“ข้าจะไปดูท่านแม่ก่อน” หรูอวี้เตรียมจะลุกขึ้นยืน เสียงของตู้เหลียนก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ท่านแม่ทัพจ้าว ข้าเสียมารยาทแล้ว”
“ไม่เป็นอันใด ข้าก็เพิ่งจะมาถึง รับมื้อเช้าเถิดจะได้ออกเดินทาง” เขาโบกมือเรียกเสี่ยวเอ้อให้ยกอาหารขึ้นตั้งโต๊ะ
ทั้งสี่นั่งกินอาหารกันเงียบๆ โดยไม่มีผู้ใดเอ่ยพูดขึ้นมาเลย หรูอวี้นางไม่เคยชินอาหารที่รสชาติจืดชืดเช่นนี้ แต่ก็ฝืนกินลงไปได้ถึงครึ่งชาม
“อิ่มแล้วรึ” ตู้เหลียนหันมาเอ่ยถามบุตรสาว เมื่อนางวางตะเกียบลง
“เจ้าค่ะ”
“หนทางอีกยาวไกล ต่อให้ไม่ชื่นชอบในรสชาติก็ต้องฝืนกินเข้าไปอีกหน่อย กว่าจะหยุดพักกินมื้อกลางวันก็อีกหลายชั่วยาม” จ้าวลู่ฉือเอ่ยขึ้นมากลางคั่น
ตัวเขาที่เป็นทหารย่อมเห็นความสำคัญของอาหาร ยิ่งเห็นหรูอวี้นางกินไปเพียงเล็กน้อย เหลือทิ้งไว้อีกมาก จำต้องเอ่ยขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
“ไม่รบกวนให้ท่านแม่ทัพต้องเป็นกังวลเรื่องของข้า หากท่านไม่รังเกียจจะกินส่วนที่เหลือของข้าก็ย่อมได้” หรูอวี้มองเขาอย่างไม่สบอารมณ์
“อวี้เออร์!!! ไร้มารยาทนัก เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร รีบขอโทษท่านแม่ทัพประเดี๋ยวนี้” ตู้เหลียนตำหนิหรูอวี้ออกมาเสียงดัง
นางไม่เคยสอนให้บุตรสาวพูดกับผู้อาวุโสเช่นนี้ หากสิ่งที่หรูอวี้นางพูดกับจ้าวลู่ฉือคนนอกได้ยิน ชื่อเสียงของนางจะเป็นที่ครหาได้
“ขออภัยเจ้าค่ะ” หรูอวี้ยอมขอโทษจ้าวลู่ฉือตามคำสั่งของมารดา แต่น้ำเสียงและสีหน้าของนางก็ยังบ่งบอกถึงความไม่ยินยอมอย่างชัดเจน
“ท่านแม่ทัพจ้าว ข้าต้องขออภัยแทนอวี้เออร์ด้วย นางยังมิรู้ความ ได้โปรดท่านอย่าได้ถือสา” ตู้เหลียนปวดหัวกับความเปลี่ยนแปลงของหรูอวี้ไม่น้อย
“มิเป็นไร” เขามองมาที่หรูอวี้วูบหนึ่ง ก่อนจะยกชามข้ามของนางมาเทรวมกับของเขา ท่ามกลางความตกตะลึงของตู้เหลียนและตู้หยวน
คงมีเพียงหรูอวี้เท่านั้นที่สีหน้าของนางไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
“ท่านแม่ทัพ/ท่านแม่ทัพ” ตู้หยวนและตู้เหลียนร้องออกมาพร้อมกัน ทั้งสองจะแย่งชามข้าวในมือของเขา แต่ถูกเขายกมือขึ้นห้ามไว้
“ข้ากินได้ จะทิ้งให้สูญเปล่าก็เสียดาย ในกองทัพอาหารมิได้มีเพียงพอสำหรับทหารทุกคน บางครั้งไม่มีอะไรตกถึงท้องหลายวันก็ยังมี เมื่อเห็นอาหารเหลือเช่นนี้ข้ามิอาจทนมองได้” เขาก้มหน้ากินอาหารโดยมิได้เงยหน้าขึ้นมามองเลย
ตู้หยวนกับตู้เหลียนจำต้องกินอาหารในส่วนของตนจนไม่เหลือสักนิด หรูอวี้แววตาของนางไม่สั่นไหวเลยสักนิด แม้คำพูดที่เขาเอ่ยจะพูดกับนางโดยตรงก็ตาม
นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าความหิวโหยของคนเป็นเช่นไร ในเมื่อตอนที่นางถูกฝึกในช่วงแรก ทางองค์กรแทบจะไม่ให้พวกนางดื่มกินสิ่งใด หากฝึกไม่ได้ตามที่ทางองค์กรกำหนด
ตอนที่ถูกโยนเข้าไปในป่าเพื่อฝึกการเอาตัวรอด แม้แต่แมลงที่อยู่ในรู นางก็เคยขุดขึ้นมากินเพื่อประทังชีวิต แล้วทหารในกองทัพไม่คิดจะเอาตัวรอดเช่นที่นางทำหรืออย่างไร ไม่ใช่ว่าป่าเขาจะหาของกินไม่ได้เสียหน่อย หากอยากจะด่านางก็ควรจะด่าออกมาตรงๆ
ความคิดของหรูอวี้มีแต่มองจ้าวลู่ฉือในแง่ร้าย ต่อให้เขาพูดเพื่อให้นางคิดได้นางก็ยังมองว่าไม่ดี
“เรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวออกเดินทางเถิด” เขาเช็ดปากแล้วลุกออกไปดูทหารด้านนอกว่าเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง
หรูอวี้ช่วยประคองมารดาขึ้นนั่งบนรถม้า จ้าวลู่ฉือที่ขึ้นนั่งบนหลังม้าแล้ว ก็ขี่มาหยุดดูอยู่ไม่ไกล นางไม่คิดจะหันไปมองให้เสียอารมณ์ ได้แต่รีบขึ้นตามมารดาไปทันที
“ท่านแม่หากท่านปวดท้องบอกข้านะเจ้าคะ ข้าจะให้ท่านไปเข้าห้องน้ำในมิติ” ด้วยมารดานางกินอาหารไปไม่น้อย นางจึงกลัวว่าระหว่างทางที่ไม่ค่อยจะสะดวกนักมารดาอาจจะต้องหารทำธุระส่วนตัว
“เช่นนั้น เจ้าส่งแม่เข้าไปเถิด แล้วจะเกิดปัญหาหรือไม่” ตู้เหลียนกลัวว่าหากนางเข้าไปในมิติตอนที่รถม้าวิ่ง จะมีปัญหาตามมาที่หลังหรือเปล่า
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าอยู่ด้านนอกไม่ได้เข้าไปด้วย ท่านจำที่ข้าสอนใช้ห้องน้ำได้แล้วใช่หรือไม่”
“แม่จำได้แล้ว เร็วเข้าเถิด” เพียงแค่เอ่ยถึงห้องน้ำ ตู้เหลียนก็ปวดท้องขึ้นมาเสียแล้ว