favorite คนโปรด

1583 คำ
ไอยดากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าหาชายร่างสูงโปร่ง เขาหันมาตามเสียงเรียก แดนสรวงหันมาตามเสียงเล็ก ๆ ที่คุ้นเคย เกือบสองปีแล้วสินะที่เขาไม่ได้ยินเสียงเรียกนี้ เขาคิดถึงเสียงนี้เหลือเกิน ใบหน้าหล่อคมหันมามองพร้อมเบี่ยงกายเอี้ยวตามาตามเสียงเรียกอย่างเต็มตัว ทั้งสองยืนประจันหน้ากันอยู่หน้ารั้วไม้คล้องโซ่กุญแจ เพียงสองปีที่เขาไปเรียนต่อต่างประเทศเธอโตขึ้นมาก เรียกว่ามากกว่าที่คิดไว้ เธอเป็นสาวแล้ว สวยมากด้วย รอยยิ้มกว้างปรากฎบนใบหน้าชายหนุ่มที่เธอเรียกเขาว่าคุณแดน แต่รอยยิ้มนั้นกลับหุบลงทันควันเหมือนดอกไม้ถูกน้ำร้อนลวก สายตาของแดนสรวงวูบไหวเจือแววตาเจ็บปวด เขามองไอยดาตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอสวมเสื้อผ้าผู้ชาย ทั้งเสื้อคลุมและกางเกงขาสั้นนั่นด้วย ความรู้สึกเจ็บปวดซึมแทรกขึ้นมาในหัวใจเขาเหมือนน้ำหมึกหยดลงบนกระดาษสีขาว มันแผ่ซ่านกระจายเป็นวงกว้าง ทำให้เขารู้สึกชาไปทั้งหัวใจ แดนสรวงฝืนยิ้ม "ไม่เจอนานเลยนะตัวเล็ก เป็นไงบ้าง" "สบายดีค่ะ" ไอยดาก้มหน้า "ทุกครั้งที่เราไม่สบายใจเราจะทำท่าแบบนี้ หัดโกหกพี่แดนเหรอคะสไมล์" เขาเห็นเธอบีบมือเข้าหากันแน่น ไอยดามักบีบนิ้วโป้งเข้ากับนิ้วชี้จนมือสั่นแบบไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่เธอกังวลใจเธอจะทำกิริยาแบบนี้เสมอ "พี่แดนรู้" "เรารู้จักกันมาเกือบสิบปีแล้ว อย่าโกหกพี่เลยค่ะ" "เอ่อ...ใช่ค่ะ สไมล์มีเรื่องกังวลใจ แต่ตอนนี้คลี่คลายไปบ้างแล้ว สไมล์จะเล่าให้ฟังวันหลังนะคะ วันนี้ต้องรีบมาเปลี่ยนชุด สไมล์มีเรียนเช้าค่ะ" เธอค้นกระเป๋าสะพายใบเล็กหากุญแจเปิดเข้าบ้าน ร่างเล็กเปิดประตูเข้าไปในบ้าน มือเรียวขาวเอื้อมไปเปิดแม่กุญแจปลดโซ่ออก แดนสรวงช่วยเธอเปิดประตูรั้วออกกว้าง ไอยดาหันกลับมามองหมอเธียรนั่งอยู่ในรถ เขากำลังจ้องมองเธออยู่ ทำหน้าเหมือนอารมณ์บูดหรือไม่ก็เหมือนคนไม่ขับถ่ายมาสามวันติดกัน ไม่รู้เขาเป็นอะไร เมื่อครู่ยังเย้าแหย่เธอมาสุดทาง เธอเดินกลับออกมาที่รถ มีแดนสรวงเดินตามมา เขายืนอยู่ที่รถของตัวเอง มองไอยดาก้มลงคุยกับคนในรถยุโรปสีดำเคลือบแก้วเงาวับ 'คงเป็นแฟนเธอ' แดนสรวงยังสำรวจท่าทีที่ทั้งสองคนคุยกันอย่างวิเคราะห์ เธอไม่ได้สนิทกับคนในรถถึงขนาดนั้น ยังมีแววตาตื่นตระหนักปนเกรงใจเมื่อก้มคุยกับผู้ชายในรถ "เดี๋ยวค่อยมารับสไมล์ตอนเย็นนะคะหมอเธียร สไมล์ไปแท็กซี่ได้ค่ะ" ไอยดาก้มลงคุยกับหมอเธียร "....." หมอเธียรไม่ตอบ มองหน้าไอยดาสลับกับหน้าแดนสรวง "หมอเธียร ได้ยินมั้ยคะ" "ไอ้เวรนั่นมันเป็นใคร" คุณหมอเธียรไทยเอ่ยเสียงต่ำพยายามข่มน้ำเสียงให้ราบเรียบเป็นปกติ "หมอเธียรไม่รู้จักเค้า ดันไปเรียกเค้าแบบนั้น เป็นคนแบบไหนกัน" เธอขมวดคิ้วทำหน้าไม่พอใจ "แล้วมันเป็นใคร" "คุณแดนสรวง เป็นพี่ที่รู้จักสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก พี่แดนเป็นลูกของคุณนายภารนีเจ้าของบ้านเช่า" "....." เธียรไทยมองหน้าเด็กสาวก่อนกดสวิตช์ออโต้เลื่อนกระจกขึ้น กระจกสีเกือบดำสนิทแทบมองไม่เห็นค่อยเคลื่อนปิดกั้นกลางระหว่างใบหน้าเขาและเธอ หมอเธียรไม่เข้าใจอารมณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ รู้แค่ว่าไม่อยากเห็นหน้าเธอ 'สไมล์เรียกไอ้หน้าหล่อนั่นว่าพี่แดน' คุณหมอถอยรถ กลับรถที่ซอยด้านข้างแล้วเหยียบออกไปอย่างเร็ว ไอยดาได้แต่มองตามหมอเธียร 'เอ๊า เป็นบ้าอะไร เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หกเดือนต่อไปนี้ฉันจะเป็นไบโพล่ารึเปล่า อีตาหมออย่างกับคนผีเข้าผีออก' เธอเดินกลับเข้ามาในบ้าน มีแดนสรวงเดินตามเข้ามาติด ๆ "มีเรื่องอะไรบอกพี่ได้มั้ย" แดนสรวงคว้าข้อมือสไมล์ไว้ "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ" เธอหน้าเศร้า "ไม่มีงั้นเหรอ ทำไมต้องทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ด้วย" เสียงนุ่มของแดนสรวงถามเธอ มองเห็นความกังวลเจืออยู่ในแววตาเธออย่างเต็มเปี่ยม "ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เรื่องคลี่คลายแล้ว" "อย่าโกหกพี่สิคะสไมล์ พี่ถามแม่ค้าแผงใกล้กัน รู้เรื่องหมดแล้ว พี่เป็นห่วงเราที่ต้องนอนบ้านคนเดียวเลยมาดูตั้งแต่เมื่อคืน" แดนสรวงรู้สึกจุกเมื่อพูดประโยคหลัง เขารู้ว่าเธอไม่ได้นอนที่นี่ "แม่ถูกรถชนค่ะ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลเอมเมอร์ราจค่ะ คุณหมอเธียรไทยช่วยค่ารักษาแม่" "คุณเธียรเป็นอะไรกับเรา เป็นแฟนเราเหรอสไมล์" "มะ ไม่ใช่ค่ะ เอ่อ..." เธอไม่รู้จะตอบยังไง "พี่จะไม่เซ้าซี้ ไม่ว่าความสัมพันธ์ของสไมล์กับหมอเธียรคืออะไร พี่กลับมาแล้ว พี่อยู่ตรงนี้ ยินดีให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง" "ขอบคุณค่ะพี่แดน" ไอยดาแหงนหน้ามองคนตัวสูงตรงหน้า ม่านน้ำตามันรื้นขึ้นมาจนไม่อาจมองเห็นหน้าคุณแดนสรวงได้ชัดเจน เกือบสองปีที่พี่แดนสรวงกลับไปเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศ เธอไม่ได้เจอเขาอีกเลย แต่แดนสรวงยังติดต่อกับเธอผ่านโซเชียลมีเดียเป็นบางครั้ง หรือส่งสติ๊กเกอร์น่ารักผ่านข้อความทางไลน์ คอยให้กำลังใจเธอเสมอ ทุกอารมณ์ถาโถมกันเข้ามาในความรู้สึกของไอยดา เธอมองไม่เห็นหน้าพี่แดน น้ำตาของเธอไหลอาบแก้มย้อยลงมาที่คาง แดนสรวงจับข้อมือเธออยู่ ค่อย ๆ ดึงคนตัวเล็กเข้าหาอ้อมกอด "ร้องไห้บนเสื้อพี่เลยค่ะ พี่จะไม่บอกใคร" ดวงตาคู่สวยร้องไห้เหมือนเขื่อนแตก ทุกความรู้สึกที่เก็บกลั้นไว้มันพังลงมาพร้อมน้ำตาบนใบหน้า เธอร้องไห้โฮเหมือนเด็กเล็กวิ่งล้มบนพื้นกรวด เหมือนเด็กร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของคุณพ่อ ฮึก ฮือๆๆๆๆ มีเพียงเสียงร้องไห้จนสะอื้น แดนสรวงลูบหัวไอยดาอย่างปลอบโยน เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ปล่อยให้เธอระเบิดอารมณ์เศร้าออกมา หน้าขาวเนียนถูไถคราบน้ำตาไปบนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าราคาแพง เขาเพียงแต่ยืนนิ่ง ๆ ให้เธอได้ร้องไห้ออกมา 'บางครั้งคนเราอาจไม่ต้องการคำพูดสวยหรู แค่มีใครสักคนปลอบโยนตอนที่ร่างกายและหัวใจเหนื่อยล้าถึงขีดสุด' เขาเพียงทำหน้าที่เป็นศาลาหลบฝนพายุอารมณ์ให้เธอเท่านั้น เด็กสาวร้องไห้อยู่ราวสิบนาที เธอนึกขึ้นได้ว่าควรแต่งตัวแล้วรีบไปเรียน เซคนี้อาจารย์ดุมาก เธอขาดไปสองครั้งแล้วด้วย "สไมล์ต้องไปเรียนค่ะ" "พี่จะไปส่งนะ" "เกรงใจค่ะ ไม่เป็นไร" ไอยดาถอยออกมาจากอ้อมกอด ยืนอยู่ในระยะห่างพอสมควร ไม่น่าเชื่อว่าอ้อมกอดแบบไร้สุ้มเสียงของใครบางคนตอนเราเหนื่อยล้าแทบล้มทั้งยืน มันจะทำให้รู้สึกดีขนาดนี้ เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ในหัวใจของเธอ "ขอบคุณค่ะ พี่แดนกลับไปก่อนนะคะ ส่วนค่าเช่าสไมล์จะโอนเงินให้ค่ะ" "โฉนดบ้านเช่าหลังนี้เป็นสิทธิ์ของพี่แล้ว คุณแม่โอนที่ดินแถบนี้ทั้งแถบ รวมถึงตึกยี่สิบคูหาในตัวเมืองให้พี่ดูแลแทนทั้งหมด" "อ่อ..ค่ะ ถ้างั้นหนูจะโอนเข้าบัญชีพี่แดนนะคะ" "พี่ไม่เก็บค่าเช่าจนกว่าแม่เราจะหายดี" เธอถอยมายืนมองหน้าแดนสรวง ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม "ขอบคุณมากค่ะ แต่หนูยังพอมีเงินติดบัญชีไว้จ่ายค่าเช่า" "สไมล์ เราอยู่กันมานานเหมือนเป็นญาติกัน อะไรที่พี่พอช่วยได้พี่ก็อยากช่วย โอนมาพี่จะโกรธจริง ๆ นะ แล้วช็อกโกแลตรูปหมีเท็ดดี้ที่ซื้อมาฝากก็ไม่ต้องเอา" "ขอบคุณพี่แดนมากค่ะ ถ้าสไมล์มีตังค์หรือทำงานเมื่อไหร่จะจ่ายคืนทั้งต้นทั้งดอกเลยค่ะ" ร่างเล็กยิ้มรับ ไม่ได้ปฏิเสธความช่วยเหลือ อย่างน้อยเงินจำนวนนี้ที่ไม่ได้จ่ายค่าเช่าก็สามารถใช้เป็นค่าเดินทางไปมาระหว่างโรงพยาบาลกับที่บ้านได้ "ไปแต่งตัวเถอะ พี่จะไปส่ง" "ไม่เป็นไรค่ะ สไมล์ไปเองได้" แดนสรวงยืนมองเธอเข้าบ้านไป เขาเห็นเธอสวมเสื้อผ้าของผู้ชายที่เธอเรียกว่าหมอเธียร เท่านี้ก็คงไม่ต้องอธิบายความสัมพันธ์อื่น เขาเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ นั่งนิ่งอยู่อีกหลายนาที เมื่อคิดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับผู้ชายคนนั้น แดนสรวงถึงกับจุกในลำคอ รถเปิดประทุนหรูขับออกไปจากบ้านไอยดา เธียรไทยยืนอยู่ในซอยอีกฝั่ง เขาจอดรถไว้ใต้ร่มไม้ในร้านไก่ย่าง หมอเธียรเดินมาแอบดูสองคนนั้นคุยกันอยู่หน้าบ้าน ภาพที่เธียรไทยเห็นทำให้เขากำมือแน่นจนสั่นไปทั้งแขน 'ไอ้เวรนี่คงเป็นคนโปรดของสไมล์สินะ'
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม