หน้าที่อันยิ่งใหญ่ มักมาในช่วงเวลาที่เราไม่พร้อมรับ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้มีสิทธิ์มากพอที่จะปฏิเสธ ได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมที่ไม่อาจเลี่ยง และหวังว่าสักวันมันจะจบลงอย่างสมบูรณ์...
“ยิ้มหน่อยสิ เจ้าสาวหน้าบูดแบบนี้เดี๋ยวคนก็หาว่าถูกบังคับแต่งหรอก”
แก้มนุ่มถูกดึงออกให้ฉีกยิ้มด้วยฝีมือของผู้เป็นพี่ชาย ในขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันภายในห้องแต่งตัวของโรงแรมขนาดใหญ่
“ก็ถูกบังคับแต่งจริง ๆ นี่คะ”
แคลมุ่ยหน้าตอบพร้อมกับถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ห้าเดือนที่ผ่านมา มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมด เกิดการชิงอำนาจและล้มล้างระบบแบบเดิม ส่งผลให้เธอเสียพ่อกับแม่ไปในสงครามแย่งชิงครั้งนี้
ส่วนไอ้คนที่ทำชั่วกับครอบครัวเธอก็ได้รับกรรมของตัวเองไปเช่นกัน แต่กระนั้นมันก็ยังไม่ใช่ที่สิ้นสุดของสงครามการแย่งชิงอำนาจ เป็นเหตุผลให้เธอต้องแต่งงานกับผู้ทรงอิทธิพลฝั่งภาคตะวันออก เพื่อจะรวมอำนาจทั้งสี่ภาค ได้แก่ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน
ตามจริงเรื่องนี้แทบไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลย เพราะคนที่จะได้แต่งงานควรเป็นฟีนิกซ์ ทว่ากลับเกิดข้อผิดพลาดเนื่องจากฝ่ายหญิงคัดค้านการแต่งงานแบบหัวชนฝา และหนีไปอยู่ต่างประเทศกับสามี หน้าที่นี้จึงตกเป็นของเธอ ที่ต้องแต่งงานกับลูกชายของบ้านนั้นแทน
ไม่ใช่ว่าทั้งคู่ไม่รู้จักกันมาก่อน เพราะผู้ชายที่กำลังเข้าพิธีมงคลสมรสกับเธอในวันนี้ คือไทเกอร์ หนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ 14 ปี จนตอนนี้ปาไป 30 แล้ว
การกลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบหลายปี ทำให้ความสนิทสนมก่อนหน้านี้เหือดหาย ตั้งแต่วันลองชุดจนกระทั่งถึงวันงาน เธอกับเขาพูดกันแทบจะนับคำได้ แล้วแบบนี้จะสร้างครอบครัวร่วมกันได้ยังไงกัน
“เอาน่า ไว้ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบเมื่อไหร่ แคลค่อยคุยเรื่องหย่ากับไอ้ไทเกอร์ก็ได้ ไอ้หมอนี่มันง่าย ๆ ไม่มีปัญหาหรอก”
ฟีนิกซ์ตบไหล่น้องสาวเบา ๆ อย่างมั่นใจ เพราะไทเกอร์คือเพื่อนรักที่รู้จักกันมาเนิ่นนาน แม้อีกฝ่ายจะต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศ แต่ทั้งคู่ก็ติดต่อหากันตลอด
“ถ้าถึงวันนั้น พี่ช่วยพูดกับพี่ไทเกอร์ให้แคลด้วยนะคะ”
“ได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา”
ฟีนิกซ์เลื่อนมือจากหัวไหล่มาโยกหัวน้องสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เบา ๆ ก่อนจะถูกดึงมือออกพร้อมกับเสียงโวยวายลั่น
“อย่าจับหัวสิ เดี๋ยวเสียทรงหมด”
“หัวฟูก็สวยเหมือนเดิมแหละน่า”
คนเป็นพี่ต่อปากต่อคำ แต่ก็ยอมหยุดโยกหัวน้องสาวเล่น เป็นจังหวะที่ประตูห้องถูกเคาะให้เกิดเสียงแล้วผลักบานประตูเข้ามาเล็กน้อย
“ขออนุญาตค่ะ ด้านล่างพร้อมแล้วนะคะ”
ทีมงานในชุดยูนิฟอร์มสีขาวตัดดำโน้มหัวพูดอย่างสำรวม สองคนพี่น้องจึงรีบลงมาเตรียมตัวที่ชั้นล่าง รออยู่ไม่นานก็ถึงวาระสำคัญ
“ตื่นเต้นไหม”
ฟีนิกซ์ก้มลงถามคนตัวเล็กในชุดกระโปรงสีขาวฟูฟ่อง ยาวลากพื้นไปไกลจนต้องมีคนคอยจับ
“นิดหน่อยค่ะ”
แคลเงยหน้าขึ้นตอบ พร้อมกับกระชับมือที่คล้องแขนพี่ชายแน่นขึ้น ก่อนจะพูดออกไปเสียงแผ่วเบา แข่งกับเสียงดนตรีที่เล็ดลอดออกมาจากบานประตู
“ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่ก็คงดีนะคะ”
“ห้ามร้องนะ”
ฟีนิกซ์รู้ทัน รีบยกมือขึ้นชี้หน้าไม่จริงจัง แคลจึงต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ระงับเสียงสะอื้นที่ดังอยู่ในอก
“พร้อมนะคะ”
ทีมงานเดินเข้ามาถาม ก่อนจะยกวิทยุสื่อสารอันเล็กในมือขึ้นมาจ่อที่ปากแจ้งเพื่อนร่วมงาน เพียงไม่นานประตูบานใหญ่ตรงหน้าก็ถูกเคลื่อนออกอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นพรมแดงปูเป็นทางยาว รอบข้างมีแขกมากหน้าหลายตาเต็มไปหมด กลีบกุหลาบและควันสีขาวลอยคลุ้งขึ้นสร้างความโรแมนติก ในขณะที่ฟีนิกซ์พาแคลเดินเหยียบพรมแดงและกลีบกุหลาบเข้ามาด้านใน ทุกสายตาก็หันมามองที่พวกเขาด้วยสายตาชื่นชม
ตอนอยู่หน้าประตู แคลไม่มีความประหม่าเลยแม้แต่นิด ในใจคิดถึงเพียงพ่อและแม่เท่านั้น แต่ตอนนี้ความประหม่าเริ่มก่อเกิดขึ้นมาในใจจนก้าวขาแทบไม่ออก ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ชายร่างกำยำผิวขาวผ่องหน้าลูกครึ่งราวกับพระเอกฮอลลิวูด เธอก็ยิ่งหายใจติดขัด เหมือนลืมวิธีหายใจไปด้วยซ้ำ
หัวใจที่เต้นระส่ำแทบจะหยุดไปทันทีตอนที่เดินมาถึงตัวไทเกอร์ แล้วเธอต้องคลายแขนออกจากพี่ชาย เพื่อไปคล้องแขนว่าที่สามีเดินขึ้นไปบนเวทีใหญ่ด้านหน้า
“ฝากน้องกูด้วยนะ”
ฟีนิกซ์กล่าวสั้น ๆ พร้อมกับส่งสายตาห่วงหาอย่างที่ชอบทำทุกครั้งเวลาต้องห่างกัน ก่อนจะปล่อยให้บ่าวสาวได้เดินท่ามกลางเสียงดนตรีเบา ๆ และกลีบกุหลาบสีแดงที่โปรยลงมา
ระหว่างทางทั้งคู่เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรกันทั้งสิ้น กระทั่งมาถึงหน้าเวที พวกเขาหยุดนิ่งพร้อม ๆ กัน ก่อนไทเกอร์จะรับไมค์จากพิธีกรมาถือไว้
“ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณผู้มีเกียรติทุกท่านที่สละเวลามาร่วมเป็นพยานรักของเราทั้งคู่ในวันนี้”
พอไทเกอร์เริ่มพูด เสียงปรบมือก่อนหน้าก็เงียบหาย เหลือไว้เพียงความเงียบและเสียงของเขาที่ดังก้องภายในโถงใหญ่ในโรงแรมสุดหรูหรา
“อย่างที่ทุกท่านทราบกันดี ผมกับแคลเราไม่ได้เป็นแฟนกันมาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ผมเรียกมันว่าการคลุมถุงชน”
“...”
ทั้งหอประชุมเงียบกริบ แคลเริ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างหวาดหวั่น เธอหันไปมองพี่ชายด้วยความรู้สึกมากมาย แต่อีกฝ่ายก็ยังนิ่ง เอาแต่จ้องหน้ารอคำพูดต่อไปจากเพื่อนตัวเอง
“ทุกคนอาจจะคิดว่า เราจะอยู่กันรอดไหม จะรักกันได้ไหม เพราะเราทั้งคู่แทบจะไม่เหลือความผูกพันต่อกันเลย ผมเจอแคลล่าสุดน่าจะสัก... อนุบาลสอง”
เขาว่าพลางก้มมองที่เจ้าสาว พร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ละมุน และตั้งแต่กลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบหลายปี เธอยังไม่เคยเห็นเขาส่งยิ้มแบบนี้ให้เลย จึงทำให้พอใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“ตอนนั้นแคลเป็นเด็กที่น่ารักมาก ยิ้มเก่ง แล้วก็โก๊ะแบบสุด ๆ ผ่านมาจนยี่สิบปีแล้ว ความน่ารักของเธอไม่ได้น้อยลงไปเลยละครับ”
ยิ่งได้ยินประโยคนี้ แคลก็หายใจโล่งคอขึ้นมา จากที่เม้มปากไว้แน่นก็ค่อย ๆ คลายริมฝีปากออกพลางยิ้มบาง ๆ
“เมื่อก่อนผมเอ็นดูเธอยังไง ตอนนี้ผมก็ยังเอ็นดูเธอแบบนั้น ต่างไปแค่สถานะของเรา เพราะต่อไปนี้เธอจะไม่ใช่แค่น้องสาว แต่เธอจะเป็นภรรยา และในอนาคตจะเป็นแม่ของลูกผม”
มือเล็กที่เย็นเฉียบถูกจับขึ้นไปประสาน คำพูดอันหวานหูพลันทำให้แคลมองเขาด้วยสายตาที่สั่นไหว
“ไม่ว่าทุกคนจะเรียกงานมงคลสมรสนี้ว่าอะไรก็ตาม แต่สำหรับผม มันคือพรหมลิขิต”
เสียงปรบมือดังสนั่นลั่นโถงทันทีที่ไทเกอร์พูดจบ แขกทั้งหลายต่างยกไวน์ในมือขึ้นชูเยินยอ จากนั้นก็ยกขึ้นดื่มเพื่อให้เกียรติแก่บ่าวสาวในค่ำคืนนี้
พิธีในงานแต่งดำเนินต่อไปตามขั้นตอนจนมาถึงช่วงส่งท้าย เธอและเขาต้องร่วมเต้นรำพร้อมกับแขกที่มาร่วมงาน บรรยากาศสุดแสนโรแมนติกนี้ เหมาะอย่างมากที่ทั้งคู่จะพูดคุยเปิดใจกัน
“ขอบคุณมากนะคะพี่ไทเกอร์”
“เรื่องอะไร”
อีกฝ่ายถามกลับ หลังจากจับมือเล็กขึ้นประสาน และเต้นรำกันอย่างใกล้ชิด แอลกอฮอล์ที่ไหลลงคอของแคล ทำให้เธออ่อนไหวจนเผลอซบหน้าลงบนอกแกร่งอย่างเคลิบเคลิ้ม
“ก็เรื่องวันนี้ คำพูดของพี่... มันทำให้งานแต่งของเราพิเศษขึ้น”
ดวงตาที่ฉ่ำปรือหลับพริ้มลง ทั้งที่ขาเคลื่อนย้ายไปช้า ๆ ตามจังหวะเพลง
“ฉันพูดไปตามสคริปต์”
“...”
หลังจากได้ยินแบบนี้ แคลก็แทบจะยกหัวขึ้นในทันที ตาที่ฉ่ำปรือก่อนหน้าเปิดขึ้นจนแทบจะสร่างเมา
“สคริปต์?”
“อืม”
“...”
เธอนิ่งค้างไปราวกับมีคนเตะปลั๊ก จนทำให้ถูกคนร่างใหญ่ชนเพราะยั้งขาที่กำลังก้าวไปข้างหน้าไม่ทัน แต่กระนั้นไทเกอร์ก็แก้สถานการณ์ได้ จนในที่สุดทั้งคู่ก็หยุดเต้นรำ แล้วเผชิญหน้ากันอย่างตรงไปตรงมา
“งั้นก็แปลว่าที่พี่พูด พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยเหรอคะ?”
“ฉันขอเวลาหนึ่งปี”
“คะ?”
คิ้วเรียวขมวดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ เมื่อกี้ไทเกอร์แทบจะทำให้เธอเป็นเจ้าสาวที่โชคดีที่สุดในโลก แต่จู่ ๆ เธอก็ถูกเขาทำให้กลายเป็นผู้หญิงที่น่าเวทนาที่สุด
“หนึ่งปีนี้ ถ้าทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ เราจะหย่ากันทันที”
“...”