คืนเข้าหอ

1925 คำ
พิธีการสุดท้ายของงานแต่ง คือการเข้าสู่เรือนหอของบ่าวสาว ตอนนี้ทุกคนก้าวขาออกไปจากห้องจนหมดแล้ว เหลือก็แต่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวป้ายแดงที่กำลังนั่งนิ่งอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อ โดยเฉพาะแคล ที่อยู่หอคนเดียวมาเป็นเวลานาน แต่ต่อไปนี้เธอจะต้องมีคนนอนข้าง ๆ ทั้งคืน และทุกวัน จนกว่าจะถึงวันที่ต้องหย่า “เอ่อ... แคลขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ” “ก็ไปสิ บอกทำไม” นั่นสิ บอกทำไม แคลได้แต่คิดในใจเพราะทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ทันทีที่ประตูล็อกลงจนเกิดเสียง เธอก็รีบหันหลังพิงประตูพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่ง ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นี่เป็นช่วงเวลาที่เธอรู้สึกอุ่นใจที่สุด อยากจะขังตัวเองเอาไว้เนิ่นนาน ไม่ต้องออกไปอีก แต่เธอจะทำแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อข้างนอกห้องน้ำ มันคือความจริงที่เธอต้องเผชิญ แคลสะบัดหน้าระรัวเพื่อไล่ความฟุ้งซ่าน รีบถอดเสื้อผ้าแล้วตรงไปแช่ในอ่าง หวังพึ่งน้ำเย็น ๆ และกลิ่นสบู่หอม ๆ ช่วยชโลมจิตใจ ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เธอเอาแต่อิดออดอยู่ภายในห้องสีขาวโล่งนี้ มาสะดุ้งตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นระรัว ก๊อก ๆ ๆ “เสร็จยัง” เสียงห้วน ๆ ของไทเกอร์บ่งบอกว่าเขากำลังหงุดหงิด แคลได้ยินแบบนี้ก็ดีดตัวออกมาจากน้ำทันที พลันหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาซับน้ำ “กะ ใกล้แล้วค่ะ” ใช้เวลาสวมเสื้อผ้าอยู่พักหนึ่ง คนตัวเล็กก็วิ่งตัวปลิวออกมาเปิดประตู ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อพบว่าคนตรงหน้ากำลังยืนเปลือยท่อนบน มีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนสั้นพันรอบเอวเอาไว้หลวม ๆ เผยให้เห็นไรขนเฉพาะจุด “ทำอะไรอยู่ รอตั้งนาน” “เอ่อ... อะ อาบน้ำค่ะ” ใจจริงเธอก็อยากจะตอบออกไปว่าอยู่ในห้องน้ำ จะให้นั่งกินข้าวหรือไง ถามออกมาได้ประโยคนี้ แต่เธอไม่อยากมีปัญหา ถึงได้พยายามจะใช้คำพูดให้น้อยที่สุด “มัวแต่ยืนก้มหน้าอยู่นั่นแหละ ออกมาสิฉันจะอาบน้ำ” “อ๋อ ค่ะ ๆ” คนตัวเล็กเดินเบียดเขาออกมาอย่างประหม่า ก่อนจะพาตัวเองไปนั่งหวีผมหน้ากระจก ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ “อึดอัดจังวะ” เธอพึมพำเสียงเบา ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มากดโทรหาใครบางคน รอสายอยู่สักพัก ปลายสายก็กดรับ (ไงจ๊ะ เข้าหอยัง) เสียงใส ๆ กรอกเข้ามาทันทีที่รับสาย “อืม อยู่ในห้อง พี่เขาเข้าไปอาบน้ำ” เธอถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงขนาดคิงไซซ์พร้อมกับเอนหลังลงเพื่อนอนราบ (หึ ๆ ทำไมถอนหายใจแรงแบบนั้นฮะ หรือว่าพี่ไทเกอร์สุดเท่ของแกในวัยเด็ก มีปืนเล็กเท่าก*******วอย่างที่ฉันล้อไว้จริง ๆ) “จะบ้าเหรอ” แคลเผลอโพล่งออกไปเสียงดัง ก่อนจะยกมือขึ้นทาบปิดปากแล้วชะเง้อมองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ แล้วเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบแทน “แกจะบ้าหรือไงฮะ บอกแล้วไงว่าแต่งงานกันตามสัญญาของตระกูล เขาบอกฉันว่าภายในหนึ่งปี ถ้าไม่มีปัญหาเราจะต้องหย่ากัน” (ก็ดีนี่ แกก็ไม่ได้อยากแต่งแต่แรกไม่ใช่เหรอ) พิกตอบกลับมาพร้อมกับเสียงเปิดตู้เย็นและเทน้ำใส่แก้ว “มันก็ใช่ แต่ควรเป็นฉันมากกว่าไหมที่ยื่นคำขาดว่าควรหย่ากันวันไหน ให้เขามาตัดสินชีวิตแบบนี้โคตรไม่มีศักดิ์ศรีเอาซะเลย อ้อ แถมเขายังสร้างละครตบตาคนในงานว่ารักฉันอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วมาเฉลยทีหลังว่าทำตามสคริปต์ มันน่าโมโหไหม” คนปลายสายเงียบฟังอยู่ครู่หนึ่ง คล้ายกับเรียบเรียงเหตุการณ์ในหัว จากนั้นถึงได้เอ่ยประโยคที่แทงใจดำ (คือในงานแต่ง เขาพูดให้แกหวั่นไหว แล้วเขาก็มาบอกว่าจะหย่า แกเลยไม่ชอบเขาถูกไหม) “ไม่ใช่!” เธอเถียงกลับทันที พร้อมกับลุกขึ้นนั่งสีหน้าหงุดหงิด ไม่ยอมรับว่าสิ่งที่เพื่อนพูดมันแทงใจดำ “ฉันรู้แล้วว่าเขาพูดตามสคริปต์ รู้ก่อนที่เขาจะบอกด้วย” (แล้วแกโมโหเรื่องอะไร?) “กะ ก็เรื่องที่เขาบอกว่าจะหย่าไง ฉันควรเป็นคนพูด ไม่ใช่เขา” แคลเผลอเสียงดังแต่เริ่มรู้ตัว จึงเม้มปากเล็กน้อยพร้อมกับหันไปจ้องที่หน้าประตูห้องน้ำอีกครั้ง “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เอาเรื่องคืนนี้ก่อน ฉันทำตัวไม่ถูกน่ะ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง มันอึดอัดไปหมดเลย” (แล้วเขาไปไหนแล้ว) “ไปอาบน้ำ ฉันอาบเสร็จก่อนเลยโทรมาระบายทุกข์กับแกนี่แหละ” ทิ้งท้ายด้วยการถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอีกที (งั้นถ้าคืนนี้มันอึดอัดมาก แกก็แกล้งหลับเลย) “แกล้งหลับเหรอ... จริงด้วย!” ทำไมเรื่องง่าย ๆ แบบนี้เธอถึงคิดไม่ได้แต่แรกนะ “งั้นแค่นี้ก่อนนะแก ไว้เจอกันพรุ่งนี้” แคลรีบกดตัดสายก่อนจะพุ่งตัวขึ้นบนที่นอน จากนั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว พยายามข่มเปลือกตาให้หลับ แต่ความกังวลมันคงมีมากกว่าความเพลียละมั้ง ถึงทำให้เธอไม่สามารถข่มใจหลับลงได้ ยังคงรู้สึกตัวตลอดเวลาแม้ว่าจะได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกแล้ว แคลเอาแต่นอนนิ่งฟังเสียงไทเกอร์เดินไปจุดนั้นจุดนี้ของห้อง เพียงไม่นานก็ขยับขึ้นมานั่งบนเตียง ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ นาทีที่รับรู้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้มาก ใจของแคลก็สั่นไหวราวกับมีใครเข้าไปตีกลองอยู่ในอก เธอพยายามข่มสมาธิ ไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าเธอยังไม่ทันได้หลับ แต่พอมือหนาวางหมับลงบนขา สติเธอก็กระเจิง รีบกระโจนลงจากเตียงนอนพร้อมกับกอดหมอนเอาไว้ในอกแน่น “พะ พี่จะทำอะไร!” เสียงติดสั่นเอ่ยถามในขณะที่จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวง “แล้วผัวเมียเขาทำอะไรกันก่อนนอนล่ะ?” ไทเกอร์ถามเสียงเรียบ พลันแสดงสีหน้าจริงจังขึ้น แคลนิ่งงันครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกมาเสียงอ้อมแอ้มอย่างไม่มั่นใจ “กราบพระเหรอคะ” “กราบพระ?” ไทเกอร์หรี่ตาย่นหัวคิ้วเข้าหากันอย่างไม่อยากจะเชื่อในคำตอบ ยัยเด็กเซ่อซ่าที่เจอกันล่าสุดตอนอนุบาลสอง ตอนนี้เธอยังเป็นเช่นนั้นไม่เปลี่ยนเลย “เธอไม่ได้ใสซื่อขนาดนั้นหรอกแคล เธอรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร” คราวนี้เธอเข้าใจทันที ว่าไอ้คำตอบที่คิดเอาไว้ในตอนแรกไม่มีผิดเพี้ยนแน่ แต่เธอคงยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะเธอกับเขาไม่ได้รักกัน มันไม่ควรจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ “งั้นแคลคงให้พี่ไม่ได้หรอกค่ะ” “เพราะ?” “เพราะว่ายังไงเราก็ต้องหย่ากันยังไงล่ะคะ” แคลวางหมอนลงจากการกอดที่อก แล้วเชิดหน้าคุยกับอีกฝ่ายด้วยท่าทีจริงจัง “แต่ฉันไม่สามารถมีเมีย โดยไม่สนองเรื่องอย่างว่าให้ฉันได้” หมกมุ่นเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยมีเรื่องอย่างว่ากับใคร ก็ไม่เห็นจะตายเลย เธอได้แต่คิดอยู่ในใจ “ว่าไง จะให้ไม่ให้ ถ้าไม่ให้ ฉันจะไปหาความสุขนอกบ้าน” “ว่าไงนะคะ?” หมอนที่อยู่ในมือถูกกระชับเอาไว้แน่น แม้สีหน้าเธอจะไม่ได้แสดงความโกรธออกมาทั้งหมด แต่ตอนนี้มีกองเพลิงสุมอยู่จนท่วมอกแล้ว “ฉันให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันออกไปหาผู้หญิงคนอื่น เธอก็ต้องสนองความสุขให้กับฉัน จนกว่าจะพอใจ” หน้าหื่นยังจะนิสัยหื่นอีก ไอ้พี่เสือบ้า! แคลขบฟันด้วยความโกรธ แต่พยายามยั้งสติของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะตัดสินใจพูดสิ่งที่ตนมั่นใจที่สุดในชีวิต “ยังไงก็ไม่ได้ค่ะ เราไม่ได้รักกัน แล้วอีกแค่ปีเดียวเราก็จะหย่า เรื่องอะไรที่แคลต้องมาเสียตัวให้พี่กับอีแค่อยากให้ผัวอยู่กับตัวเองชั่วคราวกัน” เธอร่ายยาวออกไปอย่างเด็ดขาด ส่งผลให้อีกฝ่ายยิ้มเยาะออกมา ไม่ใช่เพราะว่าผิดหวัง แต่เขากำลังพึงพอใจในตัวเธอมากยิ่งขึ้น “ก็ได้ งั้นคืนนี้ก็แยกกันอยู่เลยแล้วกัน” ไทเกอร์ไม่ยอมให้อีกฝ่ายคุมเกม ตำแหน่งจ่าฝูงต้องตกเป็นของเขาคนเดียว แต่ทันทีที่เขาหยิบหมอนและหันหลังเตรียมจะเดินออกไปที่ประตู แคลก็รีบเรียกเขาไว้ “เดี๋ยวค่ะ!” หึ สุดท้ายเธอก็ต้องยอมพ่ายแพ้ ไทเกอร์ยิ้มร้ายคิดเข้าข้างตัวเอง ก่อนจะหันกลับมาเพื่อรอฟังคำตอบที่อยากได้ยิน “จะเปลี่ยนใจเหรอ?” “เปล่าค่ะ... แต่จะบอกว่าหมอนที่พี่ถือไปน่ะของแคล ของพี่น่ะใบนี้ แคลไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร” จากรอยยิ้มที่มั่นใจก่อนหน้า ทำให้ไทเกอร์แทบเหวอทันที เพราะถูกแคล ตอกหน้าเข้าจัง ๆ เขาเก็บทรงเล็กน้อยอย่างไม่ยอมเสียฟอร์ม ก่อนจะเดินกลับมาเปลี่ยนหมอนและเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว คืนนี้ไม่นอนบ้านนะ” พูดพร้อมกับโยนหมอนในมือขึ้นไปไว้บนเตียงสีขาวนุ่มฟู “ไปไหนคะ?” แคลรีบโพล่งถาม แต่อีกฝ่ายเลี่ยงที่จะตอบ หวังปั่นประสาทให้แคลเต้นเร่า จากนั้นก็เดินหายออกไปจากห้องทันที แคลที่ยืนกำหมอนในมือแน่นได้แต่หลับตาระงับความโกรธ คืนเข้าหอแท้ ๆ แต่สามีกลับออกไปเสวยสุขนอกบ้าน “ไอ้ผู้ชายร่าน ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!” ตุบ!! หมอนถูกปาออกไปสุดแรงด้วยความโกรธ ประจวบเหมาะกับที่ประตูเปิดเข้ามาพอดิบพอดี ส่งผลให้คนหน้าประตูถูกหมอนอัดเข้าหน้าเต็ม ๆ “พะ พี่กลับมาทำไมเหรอ” แคลอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะพูดคำไหน เลยถามออกไปแก้เขินที่วีนแตก ปาข้าวของออกไปแบบนี้ “ฉันลืมไป แม่กำชับไว้ว่าคืนเข้าหอต้องนอนร่วมเตียงยันเช้า” เขาว่าอย่างเซ็ง ๆ แล้วเดินมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ไม่พูดอะไรต่อจากนี้อีก ทิ้งให้แคลยืนงุนงง ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อจากนี้ ครั้นจะนอนหลับ ก็กลัวจะถูกปลุกปล้ำจากผู้ที่ได้ชื่อว่าสามี แม้เธอจะได้ครอบครองกันทางสังคมและกฎหมายแล้ว แต่ในใจลึก ๆ เธอเข้าใจถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้ดี มันก็แค่สามีภรรยาชั่วคราว และเธอจะไม่ยอมเปลืองตัวให้ผู้ชายมักมากแบบนี้เด็ดขาด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม