ตึก ๆ ๆ
รองเท้าส้นสูงเหยียบกระทบพื้นบันไดเสียงดังระรัว ก่อนปรากฏร่างสาวสวยหุ่นเล็ก ผิวขาวผ่องในชุดนักศึกษาสวมเสื้อช็อปสีแดงทับวิ่งหน้าตั้งลงมาจนเส้นผมปลิวไสว
“สายอีกแล้วงั้นดิ”
ผู้เป็นพี่ชายที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าร่วมกับเพื่อนรักเงยหน้าขึ้นมองคนที่วิ่งเหนื่อยหอบมาหยุดอยู่ข้างโต๊ะ ก่อนจะคว้าแซนด์วิชขึ้นกัดใส่ปาก
“ค่ะ วันนี้วิชาสำคัญด้วย แคลไปก่อนนะคะ”
เธอยกมือขึ้นสวัสดีทั้งพี่ชาย และหันไปสวัสดีสามีของตัวเองอย่างอึกอัก เพราะไม่รู้ว่าควรทำแบบนี้ไหม เกิดมาก็เพิ่งมีสามีเป็นตัวเป็นตนกับเขา
“เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”
แคลรีบโบกมือปฏิเสธ แต่มีหรือที่จะห้ามคนอย่างไทเกอร์ได้
“ไปรอที่รถซะ ฉันขึ้นไปเอาของแป๊บเดียว จะเข้าบริษัทด้วย”
ว่าแล้วก็หันหลังเดินกลับขึ้นไปบนห้อง ปล่อยให้แคลยืนหน้าเซ็งอยู่แบบนั้นเพราะตกอยู่ในสภาวะจำยอม
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
ฟีนิกซ์ยิ้มขำ ก่อนจะยื่นกาแฟส่งให้กับน้องสาวพลางใช้มือเลื่อนเก้าอี้ออกให้น้องนั่งรอก่อน
“แคลแค่กลัวไปสายน่ะค่ะ”
“นั่นมหาลัยในเครือเรา ไม่มีใครกล้าไล่แคลออกหรอกน่า”
ฟีนิกซ์ว่าด้วยท่าทางสบาย ๆ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ได้สบายใจขึ้นสักนิด เขาถึงรับรู้ได้ในทันทีว่ามันคงไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ คงจะเป็นเรื่องที่เขากังวลอยู่
“เมื่อคืนเป็นไงบ้าง”
ฟีนิกซ์ยังคงถามต่อ แม้ไม่ได้แสดงสีหน้าและอาการว่าให้ความสนใจ แต่เขาก็ตั้งใจฟังสิ่งที่น้องสาวกำลังเผชิญเป็นอย่างดี
“ก็ดีค่ะ”
“ดีแล้วทำไมใต้ตาเป็นแบบนั้น”
“...”
แคลนิ่งงันไปอย่างตกใจ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้ากล้อง เพื่อส่องดูว่าหน้าเธอโทรมถึงขั้นไหนแล้ว เนื่องจากเมื่อคืนสะดุ้งตื่นตลอด เหตุเพราะกลัวจะถูกปล้ำจากสามีโดยไม่รู้ตัว
“เอาตรง ๆ นะ แคลไม่ไว้ใจเขาเลยอะ”
แคลยอมสารภาพตามตรง ก่อนจะทิ้งก้นนั่งลงเก้าอี้พลางยกกาแฟขึ้นดื่มอึกใหญ่ ตามด้วยไส้กรอกที่อยู่บนโต๊ะ
“มันทำอะไรแคลหรือเปล่า?”
“ยังไม่ทำค่ะ แต่ยังไงเขาก็ทำแน่ พี่รู้ไหมเขาบอกให้แคลยอมทำเรื่องอย่างว่าด้วย ถ้าไม่ทำ เขาจะไปหาความสุขนอกบ้าน คิดดูสิ เพื่อนพี่นิสัยเสียขนาดไหน”
พูดพร้อมกับชักหน้าตึง หวนนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็เริ่มโมโหขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่ฟีนิกซ์ขำอะไรคะ นี่ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ”
จากที่คิดว่าจะมีคนเข้าใจ แต่พี่ชายกลับหัวเราะออกมาทำให้เธอฉุนเฉียวเข้าไปอีก
“มันก็คงเอ็นดูเรานั่นแหละ เลยอยากพูดแหย่เล่น”
“ไม่เล่นค่ะ เขาจริงจัง!”
เธอยืนยันเสียงดังขึ้น แต่ยังไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม คนที่ขึ้นไปบนห้องก็เดินกลับลงมาพร้อมเอกสารแฟ้มสีดำในมือ สองพี่น้องเลยต้องหยุดบทสนทนาเอาไว้เพียงแค่นี้
“ไปเรียนเถอะ เดี๋ยวสาย”
“พี่ไม่กลับวันนี้ไม่ได้เหรอ”
แคลออดอ้อนอย่างน่าสงสาร พลันยกมือขึ้นเกาะแขนพี่ชายเอาไว้หลวม ๆ
“ไม่ได้หรอก ยังมีหลายอย่างต้องกลับไปเคลียร์ ช่วงนี้ราคายางดิ่งมาก พี่คงต้องกลับไปเคลียร์ปัญหาฝั่งนั้นก่อน แต่พี่สัญญาว่าจะรีบมาหาใหม่นะ”
“ร่ำลากันเสร็จยัง อาจารย์เช็กชื่อแล้วมั้งป่านนี้”
ไทเกอร์เอ่ยขัดในขณะที่สองพี่น้องกำลังกอดลากันกลม แคลเลยต้องยอมผละออกแล้วเดินคอตกมาขึ้นรถ วันนี้ไม่มีคนขับประจำตัว เพราะไทเกอร์ขับรถมาส่งเอง ส่วนแคลก็นั่งอยู่เบาะข้างคนขับเงียบ ๆ
ตลอดทางเต็มไปด้วยบรรยากาศหนักอึ้ง ไม่มีใครพูดอะไรออกมาทั้งสิ้น จนกระทั่งไทเกอร์ต้องยอมเป็นฝ่ายง้างปากพูดออกมาก่อน
“วันนี้ฉันกลับบ้านค่ำนะ กินข้าวก่อนเลย ไม่ต้องรอ”
“คุณป้า เอ่อ... คุณแม่กับพี่มิลินล่ะคะ”
เธอหันหน้าไปแล้วถามถึงแม่ของไทเกอร์และน้องสาวของอีกฝ่าย ที่อุตส่าห์เดินทางกลับมาจากเยอรมันเพื่อร่วมยินดีในงานมงคลสมรสเมื่อคืนนี้
“จะเดินทางกลับวันนี้แหละ”
ได้ยินแบบนี้แคลก็อดใจแป้วไม่ได้ ตั้งแต่นี้ไปต้องอยู่ร่วมบ้านกับไทเกอร์แค่สองคนงั้นเหรอ นี่แค่คืนเดียว เธอก็อึดอัดใจจนอยากตะโกนร้องไห้ออกมาดัง ๆ แล้ว
“ทำไม อยู่กับฉันมันอึดอัดมากเหรอ”
เสียงของคนข้างกันทำให้แคลรีบหันขวับกลับไปมอง พบว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถอยู่
“ค่ะ”
เธอตอบออกไปตามความจริง เพราะอยากให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าการที่เขาทำแบบนี้ มีแต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะตกลงสู่ก้นเหวลึก
“ทำใจแล้วกันนะ เพราะถ้าหนึ่งปีแล้วทุกอย่างไม่ดีขึ้น เราอาจจะต้องรออีกสักสองปี หรือสามปี คาดเดาไม่ได้เลย”
“งั้นก็ขอภาวนาให้มันสิ้นสุดภายในหนึ่งปีนะคะ”
“อยากหย่ากับฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?”
คราวนี้คนหน้าพวงมาลัยหันมาถามสีหน้าจริงจัง แคลก็ใช่จะเกรงกลัว รีบเชิดหน้าขึ้นพูดอย่างมั่นใจ
“ก็อยากหย่า พอ ๆ กับที่พี่อยากหย่านั่นแหละค่ะ”
“หึ ทำใจแล้วกันนะ”
ไทเกอร์แค่นหัวเราะในลำคอเบา ๆ คล้ายยั่วยุให้แคลโมโห และมันได้ผล แต่กระนั้นแคลก็พยายามซ่อนอาการหงุดหงิด เอาแต่เบนหน้ามองนอกกระจกรถจนกระทั่งรถมาจอดเทียบหน้าตึกเรียน
“ขอบคุณนะคะ แต่รอบต่อไปให้คนขับรถมาส่งก็ได้ ไม่จำเป็นต้องลำบาก”
แคลบอกสีหน้านิ่ง พร้อมกับเอื้อมมือเปิดประตู
“เดี๋ยว”
เสียงของเจ้าของรถทำให้มือเล็กชะงักไปกลางอากาศ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นถอยหลังกรูดชนเบาะเพราะคนข้าง ๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“พะ พี่จะทำอะไร”
ทั้งที่กลัวจนเนื้อเต้น แต่แคลก็ยังจ้องหน้าไทเกอร์นิ่ง แสร้งทำเหมือนไม่ได้เกรงต่ออีกฝ่าย
“กระโปรงสั้น มันมีผลกับการเรียนหรือเปล่า”
เขาหลุบตาลงมองที่ชายกระโปรงผืนสั้น ที่ยิ่งนั่ง มันก็ยิ่งรั้งชายกระโปรงทรงเอให้ถลกสูงขึ้นเหลือเพียงคืบ
“มันไม่ได้สั้นค่ะ ที่มหาลัยเขาก็ใส่แบบนี้กันทั้งนั้น”
“แต่ฉันมองว่ามันสั้นแบบไม่จำเป็น”
หมับ!
“...”
มือเย็น ๆ แตะลงที่ต้นขาทำเอาแคลสะดุ้งเฮือก ก่อนจะมีสติรีบผลักอกชายตรงหน้าให้ออกห่าง ทว่ากลับถูกเขารวบกอดและดันตัวชิดเบาะรถแน่นขึ้น
“พะ พี่เสือ! จะทำอะไร นี่มันในมหาลัยนะ”
เธอถามเสียงรัวตัวเริ่มสั่น จนเผลอเอ่ยเรียกชื่อเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นเด็ก ส่งผลให้ปรากฏรอยยิ้มบนมุมปากไทเกอร์ด้วยความพอใจ
“รอบนี้แค่เตือนไว้ แต่รอบหน้าถ้ายังใส่สั้นแบบนี้อีก... ฉันจะหาว่าเธอให้ท่าฉัน”
พูดเข้าข้างตัวเองที่สุด!
แคลมองคนตรงหน้านิ่งคล้ายกับโกรธจนอยากลุกขึ้นบีบคอ แต่เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะไปล้มช้างแบบนั้นได้ยังไงกัน
“ยังไม่ไปอีก ไหนบอกสาย หรือว่า... ต้องรอให้ฉันลงโทษก่อน”
สายตาที่โลมเลียทำให้แคลรีบผละตัวออกทันที ก่อนจะผลักประตูออกไปอย่างฉุนเฉียวแล้วเดินขึ้นตึกไปด้วยความหัวเสียขั้นสุด ยิ่งเธอฟึดฟัดแบบนี้ ไทเกอร์ก็ยิ่งพอใจจนเผลอยิ้มออกมาราวกับเจอของเล่นที่ถูกใจ
“หึ ดื้อให้มันตลอดล่ะ อย่าเพิ่งใจเสาะขอหย่าไปซะก่อน...”