ตามถึงที่

1988 คำ
ท่ามกลางแสงสีและเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม บนโต๊ะเต็มไปด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกับแกล้ม สองสาวกำลังเมาเคลิ้มได้ที่ จากหนึ่งชั่วโมง เป็นสอง และสาม จนตอนนี้ปาไปห้าทุ่มแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าแคลและพิกจะชวนกันกลับเลย “สรุปแกฝากงานให้ฉันยังเนี่ย” พิกที่เริ่มเมาลิ้นเปลี้ยเอนหัวเข้ามาถามเสียงดัง แข่งกับเสียงเพลงในจังหวะรัวและเร็ว “ฝากแล้ว สบายใจได้ วันศุกร์นี้แกเริ่มได้เลย” “น่ารักกก” แก้มนุ่มถูกดึงเข้าไปหอมฟอดใหญ่ด้วยความสนิทสนม แต่แคลก็รีบยกมือขึ้นมาปัดเช็ดแก้มลวก ๆ ด้วยความขนลุก “งั้นวันนี้กลับเลยไหม” แคลรู้ลิมิตของตัวเองดี ว่าถ้ามากกว่านี้พยุงตัวเองไม่ไหวแน่ แถมวันนี้ยังมากันแค่สองคนอีกด้วย เลยต้องหยุดความสนุกไว้แค่นี้ “โหยย รีบกลับไปไหนฮะ พรุ่งนี้มีเรียนตั้งสิบโมง” พิกโวยวาย เพราะเมาได้ที่แล้ว แต่แคลก็รบเร้าให้กลับเช่นเดิม “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า แกจะได้มาที่นี่บ่อยจนเบื่อเลยละ” ก็คงจริงอย่างที่แคลพูด เพราะอีกไม่กี่วันพิกต้องเข้ามาทำงานที่แบล็กคิงส์แล้ว “โอเค ๆ งั้นแกไปรอที่รถแล้วกัน ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อน” พิกเอ่ยบอกเพียงเท่านี้ ก่อนจะเดินโซซัดโซเซออกไปห้องน้ำ ส่วนแคลก็หยิบกระเป๋าเดินตาลายออกมานอกผับ แต่ระหว่างทางเดินไปยังที่จอดรถ เธอกลับรู้สึกเหมือนมีบางคนกำลังจ้องมองและตามติด แต่พอหันกลับไปมองก็ไม่เจออะไรที่คาดเดาเอาไว้ แคลเม้มปากเล็กน้อยด้วยความประหม่า แต่ก็ตัดสินใจเดินกลับไปที่รถต่อ แต่ก็ต้องมาหยุดชะงัก เมื่อจู่ ๆ ก็มีกลุ่มผู้ชายประมาณห้าคนเดินมาดักที่ด้านหน้า นาทีนี้ใจของเธอกระตุกวูบด้วยความกลัว เพราะก่อนหน้านี้เธอจะมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันตลอด แต่วันนี้ดันสะเพร่า สั่งห้ามให้ใครตามติดโดยเด็ดขาด “มาคนเดียวเหรอจ๊ะคนสวย” คำถามที่ชวนให้ขนลุก พร้อมกับสายตาหื่นกามทำให้แคลแทบสร่างเมา รีบกระชับสายกระเป๋าสีดำที่พาดผ่านอกเอาไว้แน่น “มากับผัว” เธอตอบออกไปเสียงแข็ง แต่กลับถูกหัวเราะเยาะออกมาเสียงดัง “ไม่เป็นไร มีผัวไม่มีผล” พวกมันว่าอย่างขบขัน แคลเห็นแบบนั้นก็รู้ได้ว่าเธอต้องพยายามเลี่ยงปะทะ เพราะเธอคนเดียว คงสู้แรงผู้ชายร่างถึกบึกบึนถึงห้าคนไม่ได้หรอก “พวกพี่อย่ามีปัญหาเลยดีกว่า สามีฉันคือพี่ไทเกอร์ แล้วพี่ฉันก็ชื่อฟีนิกซ์ คนก่อตั้งผับที่นี่” เธอข่มขู่เสียงแข็ง แต่ดูเหมือนว่าพวกชายร่างใหญ่กล้ามโตนี้จะไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของเธอเลย “น่าเชื่อนะ เป็นถึงเมียคุณไทเกอร์ แต่มาเดินที่เปลี่ยว ๆ คนเดียว เขาไม่ต้องมีบอดี้การ์ดคอยเดินตามเหรอวะ ปกติคุณฟีนิกซ์มาเห็นบอดี้การ์ดแห่ตามเป็นขบวน” หนึ่งในกลุ่มนี้หันไปหัวเราะกับเพื่อนอย่างชอบใจ โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าตอนนี้แคลแอบล้วงมือไปหยิบที่ชอร์ตไฟฟ้าออกมาถือเอาไว้ในมือ หากพวกมันพุ่งเข้ามาเมื่อไหร่ ได้เจอดีแน่ “แต่เอาเถอะ แกล้ง ๆ เชื่อหน่อยก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญเลยครับ” ไอ้คนเดิมไหวไหล่เล็กน้อย ก่อนจะขยับถอยออกให้เธอได้เดินผ่าน ทว่าพวกมันกลับไม่ได้เดินหนีไปไหน เอาแต่กอดอกมองดูเธอด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แคลลังเลอยู่พักหนึ่ง ส่วนพิกก็หายเข้าไปในห้องน้ำเลย ท่าจะเมาหนัก คงกำลังอ้วกจนหมดไส้หมดพุง เพราะดื่มเหล้าไปเยอะมาก มากกว่าเธอหลายแก้วเลยละ “ไปสิครับ หรือเปลี่ยนใจอยากไปกับพวกพี่ต่อ?” หนึ่งในนั้นเลิกคิ้วถามอย่างยียวน แคลจึงตัดสินใจที่จะเดินผ่านพวกมันไปอย่างระวัง จังหวะที่เดินผ่านกลุ่มผู้ชายที่ยืนจ้องราวกับจะกลืนกิน เธอแทบลืมวิธีหายใจไปด้วยซ้ำ และทันทีที่เดินผ่านออกมาได้ก็ใช่ว่าจะโล่งอก เพราะเธอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินประกบตามมาติด ๆ แคลไม่ได้หันกลับไปมอง เธอตั้งใจเดินออกไปให้พ้นมุมมืดนี้ให้เร็วที่สุด ใครสั่งให้จุดนี้เป็นจุดที่อับสายตาขนาดนี้เนี่ย ถ้ารอดพ้นคืนนี้ไปได้ เธอจะสั่งให้ปรับปรุงจุดนี้ใหม่ทั้งหมด เอาให้สว่างจนนึกว่าเป็นกลางวันเลย ในขณะที่แคลกำลังเร่งฝีเท้าจนเกือบจะออกไปถึงจุดที่มีแสง เสียงฝีเท้าที่ตามติดเธอก็เงียบไป เธอคิดว่าพวกมันคงไม่ตามมาแล้ว แต่เหมือนจะคิดผิด เพราะจังหวะที่เธอกำลังจะออกไปจากมุมอับ แขนข้างซ้ายของเธอก็ถูกดึงรั้งและกระชากกลับไปด้านหลัง แคลที่เตรียมพร้อมมาอย่างดีก็ไม่รีรอ รีบกดเปิดใช้งานเครื่องชอร์ตไฟฟ้าแล้วพุ่งตรงเข้ากลางอกชายร่างใหญ่ไปเต็มแรง แต่อีกฝ่ายดันไหวตัวทัน จับข้อมือเล็กเธอบิดจนแขนเบี้ยวก่อนที่ชอร์ตไฟฟ้าจะร่วงหล่นลงพื้น “โอ๊ยย! ปล่อยนะ” เธอโวยลั่นพลันยกเท้าขึ้นเตะเข้ากลางเป้าด้วยความว่องไว ทำเอาชายร่างสูงในเงามืดล้มฟุบไปอย่างหมดสภาพ เรียวขาสวยยกขึ้นเตรียมจะถีบซ้ำ เป็นจังหวะที่เจ้าของร่างสูงโปร่งเงยหน้าขึ้นกระทบแสงไฟหน้ารถที่สาดส่อง ส่งผลให้แคลเบิกตาโพลงหยุดชะงักการกระทำไปกลางอากาศ “พี่ไทเกอร์!!” ไม่รู้ว่านี่คือโชคดีหรือเปล่า เธอถึงได้หนีเสือปะจระเข้แบบนี้ ระหว่างไอ้ผู้ชายหื่นกามพวกนั้น กับสามีหื่นกามของเธอแค่คนเดียว อะไรจะน่ากลัวกว่ากันนะ “พะ พี่เป็นอะไรมากไหม” แคลอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูก รีบยัดเครื่องชอร์ตไฟฟ้ากลับเข้าไปในกระเป๋า ก่อนจะประคองไทเกอร์ให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล “ยัยเด็กแสบ” ไทเกอร์เข่นเคี้ยวพูดอย่างโกรธแค้น จนเริ่มตั้งหลักได้ถึงดึงข้อมือเล็กของแคลให้เดินตาม โดยไม่สนว่าเธอกำลังเมาอยู่ มาถึงรถเขาก็ไม่พูดพร่ำ จับเธอยัดใส่รถเบาะข้างคนขับก่อนจะเดินอ้อมมานั่งฝั่งตัวเองแล้วปิดประตูรถเสียงดังสะท้าน บอกได้ถึงปริมาณความโกรธที่ล้นเปี่ยม “พี่ไทเกอร์ไม่ไปกินข้าวกับหุ้นส่วนแล้วเหรอคะ” “กินเสร็จตั้งแต่ทุ่มแล้ว แล้วเธอล่ะแคล ทำรายงานเสร็จแล้วเหรอ” คนร่างใหญ่ยื่นหน้าเข้ามาถาม พร้อมกับใช้มือคร่อมทับเธอเอาไว้ในระยะประชิด “สะ เสร็จแล้วค่ะ แคลเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นานเอง” แคลพยายามยิ้มสู้ คิดไว้แล้วว่าถ้าไทเกอร์รู้จะต้องโกรธ แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรู้เร็วขนาดนี้ และคิดไม่ถึงว่าเขาจะเดือดดาลขนาดนี้ด้วย “เพิ่งมาเหรอ? เธอมาถึงผับตั้งแต่สองทุ่ม” “...” เขารู้ได้ยังไงกัน ต้องมีลูกน้องคนไหนรายงานเขาแน่ ๆ “เอ่อ... ค่ะ ทำงานเสร็จตั้งแต่ทุ่มแล้ว” “เสร็จแล้ว ทำไมไม่กลับบ้าน” อีกฝ่ายถามกลับทันควัน คล้ายจะผลักให้แคลจนมุมในที่สุด “แล้วทำไมต้องกลับคะ เมื่อก่อนแคลก็ใช้ชีวิตแบบนี้” ไม่มีทางหนีอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อถึงเวลาวิ่งชน เธอก็คงต้องชน แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งทำแบบนี้ ภูเขาไฟที่เดือดอยู่ก่อนก็อาจจะปะทุอย่างรุนแรง “แต่เธอแต่งงานแล้ว ใครเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี” “แล้วทีพี่ล่ะคะ แต่งงานแล้วแต่ไปกินข้าวกับผู้หญิงคนอื่น ดูดีมากเหรอคะ?” เธอถามกลับสีหน้าจริงจัง “หึง?” คนร่างใหญ่กระตุกยิ้มยียวน ชวนให้แคลเสียงแข็งขึ้นมา “ไม่ได้หึงค่ะ ไม่ต้องสำคัญตัว พี่จะไปเอากับใคร จะไปหาความสุขนอกบ้านก็ทำได้เลย แล้วถ้าแคลอยากจะไปไหน จะไปเอากับใคร... มันก็เรื่องของแคล” “ว่าไงนะ” เสียงแผ่วเอ่ยถามคล้ายกำลังระงับความโกรธ ก่อนจะจับเรียวแก้มนุ่มให้เชิดขึ้นเผชิญหน้ากันโดยตรง “แคลบอกว่าแคลจะเอากับใครก็ได้ พี่ไม่ต้องมา อุ๊บ...” เสียงของแคลขาดหายไปชั่วขณะ เมื่อถูกประกบปิดริมฝีปากเอาไว้อย่างรวดเร็วด้วยริมฝีปากของชายร่างใหญ่ตรงหน้า ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ถูกจริง ๆ นอกจากเบิกตาโพลง อยากจะผลักอกไทเกอร์ให้ออกห่าง แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงต้าน ทำได้เพียงนิ่งอึ้งไปแบบนั้นจนกระทั่งปลายลิ้นร้อน ๆ ของอีกฝ่ายเกลี่ยเลียที่ริมฝีปากแล้วพยายามจะสอดมันเข้ามาในโพรงปากของเธอ พลั่ก! “พะ พี่ทำอะไร!” ดวงตากลมโตยังเบิกโพลงอยู่แบบนั้น ในขณะที่มือเล็กสั่นเทายกขึ้นมาปิดปากเอาไว้หลวม ๆ หลังจากที่รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายผลักอกชายตรงหน้าจนผละออกจากกัน “ลงโทษไง ข้อหาที่เธอพูดไม่เข้าหู แล้วถ้าต่อไปยังดื้ออีก อย่าหาว่าฉันใจร้ายนะแคล” เขาขู่เสียงแข็ง และเหมือนจะยังพูดไม่ทันจบ แต่มือถือของไทเกอร์ก็สั่นไหวขึ้นมาขัดจังหวะก่อน ไทเกอร์ผ่อนลมหายใจยาวเหยียดแล้วขยับตัวออกห่าง จากนั้นถึงกดรับสายเพื่อนสนิทที่โทรเข้ามาราวกับรู้ว่าตอนนี้ตนกำลังทำอะไรอยู่ “ว่าไง” ไทเกอร์กรอกเสียงห้วน ๆ ลงไปผ่านมือถือที่แนบอยู่ข้างหู (อยู่กับแคลไหม กูโทรไปไม่เห็นรับสาย) ปลายสายตอบกลับมาแบบนั้น ไทเกอร์เลยต้องยื่นโทรศัพท์ให้กับคนตัวเล็กที่ยังนิ่งค้างไปด้วยความอึ้งไม่สร่าง “ฮะ ฮัลโหล” แคลพยายามปรับน้ำเสียงให้ปกติที่สุด พร้อมกับสูดลมหายใจเรียกสมาธิให้ตัวเอง (โทรไปไม่เห็นรับสาย ทำอะไรอยู่) “เอ่อ... แบตหมดน่ะค่ะ มีอะไรหรือเปล่า” เธอถามเสียงอ้อมแอ้ม ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตาไทเกอร์ด้วยซ้ำ (วันศุกร์จะมีงานเลี้ยงฉลองที่ตึกคิงส์น่ะ พี่โทรมาบอกว่าพี่จะไปหา เดี๋ยวมีคนงอแงว่าไม่เจอกันสักทีอีก) “ค่ะ” คนตัวเล็กตอบกลับไปสั้น ๆ เพราะสมองไม่โฟกัสกับพี่ชายเลย เอาแต่นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ และไม่รู้ว่าต่อไปจะมองหน้าคนข้างกันได้ยังไง (เป็นอะไรหรือเปล่า) “ปะ เปล่าค่ะ แคลแค่ง่วง กำลังจะนอนแล้ว” “เหอะ” ไทเกอร์แค่นหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้แย้งอะไร ปล่อยให้สองพี่น้องได้ร่ำลากันเสร็จแล้ววางสายไปในที่สุด “ถ้าต่อไปเธอหนีมาเที่ยวแบบนี้อีก ฉันจะไม่ทำแค่จูบเข้าใจไหม” ไทเกอร์เอ่ยหลังจากที่ฟีนิกซ์วางสายไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าแคลจะยังไม่พร้อมคุย เธอแสร้งหลับตาพริ้มและเอนหัวพิงเบาะ ไทเกอร์เองก็รับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเมาได้ที่ เลยไม่อยากเซ้าซี้ ยอมขับรถออกมาเงียบ ๆ แต่ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีกเมื่อไหร่ เขาจะไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ แบบนี้แน่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม