ตอนที่ 1 วิวาห์ร้าย
ตอนที่ 1 วิวาห์ร้าย
ทันทีเมื่อบานประตูไม้โอ้คขนาดใหญ่ ถูกผลักให้เปิดออก สายตาทุกคู่พุ่งจับมายังเจ้าของชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์อันหรูหราสุดอลังการ ประกายระยิบระยับสะท้อนความเจิดจรัสมาจากทุกอณูเส้นไหมที่ใช้ตัดเย็บ ขับผิวขาวของเจ้าสาวแสนสวย สะกดทุกสายตาเอาไว้จนแทบลืมว่าต้องหายใจไปด้วย
“ผู้หญิงคนนี้ใครกัน ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน”
“น่าอิจฉาจัง ได้เป็นถึงสะใภ้ของตระกูลก้องเกียรติไพบูลย์ เชียวนะ”
“แต่คนรักของคุณฐาปกรณ์ ไม่ใช่คุณอรสิมาหรือไง ฉันเห็นเขาควงกันออกงานบ่อย ๆ แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงมาประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบกับผู้หญิงคนนี้”
“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนงานแต่งงานนี้มันแปลก ๆ พวกหล่อนดูหน้าเจ้าบ่าวสิ” เสียงซุบซิบนินทาดังลอยมาเข้าหู แต่แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อการแต่งงานนี้มันก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป
“คุณฐาปกรณ์ครับ คุณยินดีที่จะรับคุณปุณณดา เป็นภรรยาของคุณหรือเปล่าครับ” พิธีกรหนุ่มรูปหล่อพูดกล่าวออกไมค์ชัดถ้อยชัดคำ เสียงดังไปทั่วทั้งห้องบอลรูมใหญ่ แขกเหรื่อมากมาย พุ่งสายตากลับไปยังคู่บ่าวสาวซึ่งยืนเด่นสง่างามกลางเวทีสูง เงี่ยหูรอฟังคำตอบอันสำคัญ
ดวงตาคมแข็งกร้าว ราวกับต้องการจะกรีดเลือด เฉือนเนื้อ ขาวละเอียดของเจ้าสาวตรงหน้า ฉีกทึ้งดึงกระดูกของเธอ แล้วโยนไปให้แร้งกากัดกิน หากทว่าสิ่งที่ฐาปกรณ์คิด กับสิ่งที่เขาจำเป็นต้องพูด มันเป็นคนละความหมาย
“ผมยินดีครับ” สันกรามขยับเพราะถูกกระดูกขากรรไกรขบกัดฟันกรามเข้าหากัน แววตาเย็นชาคู่นั้นจับจ้องมองใบหน้าเจ้าสาวของตัวเองเหมือนเห็นเธอเป็นดั่งสัตว์เลื้อยคลานน่าขยะแขยง
“คุณปุณณดาครับ คุณยินดีที่จะรับคุณฐาปกรณ์ เป็นสามีของคุณหรือเปล่า” พิธีกรคนเดิมเอี้ยวหน้าหันมายังเจ้าสาวสวย
แพขนตางอนขยับยก ดึงองศาของมันให้สูงขึ้นเล็กน้อย ดวงตากลมโตแข็งกร้าว แต่ทว่ากลับสงบนิ่ง ราวกับผิวน้ำอันไร้ระลอกคลื่น ยากเกินกว่าที่ฐาปกรณ์จะหยั่งลึกลงไปอ่านใจของเธอได้ เบื้องหลังสีหน้าเรียบเฉยเย็นชานั้น ฐาปกรณ์เดาไม่ออกจริง ๆ ว่า ผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอ่านสิ่งใดอยู่แน่
“รับค่ะ”
ปลายปากกาทำจากทองคำอันหรูหรา ถูกบ่าวสาวตวัดลงลายมือชื่อลงไปยังตำแหน่งช่องว่าง เอกสารทางราชการ อันนับจากนี้จะมีผลทางกฎหมายต่อสถานะของคนทั้งสอง รับรองสถานภาพของความเป็น ‘สามี ภรรยา’
แสงไฟอันสว่างไสวแพรวพราวระยิบระยับจากโคมไฟประดับคริสตัล แสงแฟลชจากล้องถ่ายรูปของนักข่าวสายสังคมและเศรษฐกิจนับร้อย แข่งกันรัวชัตเตอร์เก็บภาพคู่บ่าวสาวเริ่มพร่าเลือน พร้อมกับเสียงปรบมือของแขกเหรื่อเรือนพันค่อย ๆ จางหายไปทีละน้อย ไม่นานงานแต่งงานอันหรูหราอลังการ คงเหลือไว้เพียงความเงียบงันและเดียวดาย
ภายในคฤหาสน์ของตระกูลก้องเกียรติไพบูลย์ ทุกตารางนิ้ว บรรยากาศเต็มไปด้วยเงียบเหงา วังเวง ราวกับคฤหาสน์หรูหราราคาร้อยล้านแห่งนี้ปราศจากผู้อยู่อาศัย ทั้งที่คืนนี้ลูกชายเพียงคนเดียว ทายาทคนสำคัญของตระกูลก้องเกียรติไพบูลย์เพิ่งเดินพ้นประตูวิวาห์
ปุณณดาเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าประตูไม้บานใหญ่ ลมหายใจยาวค่อย ๆ ถูกหญิงสาวผ่อนมันออกทีละน้อยอย่างเยือกเย็น ก่อนจะสูดเอาอากาศอีกหอบหนึ่งดึงมันกลับเข้าไปในปอดฝ่ามือบางวางจับขยับหมุนลูกบิดประตูอย่างใจเย็น ผิวนวลละเอียด ซึ่งผ้าไหมของชุดแต่งงานขาวสว่างปกคลุมไม่มิด สัมผัสได้ถึงไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศ
ช่องหน้าต่างอันเป็นบานกระจก อนุญาตให้แสงสว่างจากภายนอก ส่องลอดเข้ามาพอให้ปุณณดาเห็นว่านี่คือเรือนหอสำหรับเธอไม่ผิดแน่
ประสาทสัมผัส จับได้ถึงกลิ่นดอกไม้หอมลอยฟุ้งอยู่ภายในห้อง พร้อมกลีบดอกไม้สีเข้ม ปลิวกระจัดกระจายเต็มพื้นเบื้องล่าง ใบหน้าหวานเอียงหันไปยังตำแหน่งเตียงนอนขนาดใหญ่
ภายใต้ความมืดอันเงียบงันในคืนวันส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ
ปุณณดา ยืนมองร่างของฐาปกรณ์ ใช้สองแขนนอนประคองกอดหญิงสาวในชุดนอนเนื้อบางเบาเอาไว้อย่างถนอม
“ขอโทษทีนะปุณ เธอคงไม่ถือสาอะไร ที่ฉันมาใช้เรือนหอของเธอนอนในคืนนี้” อรสิมาสาวสวยในชุดนอนบางเบา ขยับกายลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกับส่งยิ้มหวาน มือวางลูบไล้ลงไปบนแผงอกกว้างของเจ้าบ่าวซึ่งค่อย ๆ ปรือตาเปิดขึ้นมาอย่างใจเย็น
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก เชิญเธอนอนต่อได้ตามสบาย ฉันแค่เข้ามาเปลี่ยนถอดชุดเจ้าสาวออกเท่านั้น”
เจ้าสาวในชุดสวยเดินลากชุดแต่งงานราคาหลายล้าน ไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า หยิบจับผ้าเช็ดตัวออกมา อย่างไม่รู้สึกยี่หระต่อการถูกหยามเกียรติอย่างจงใจในคืนนี้
“ฐาคะ เจ้าสาวของคุณกลับมาแล้วนะคะ เรายังจะใช้ห้องนี้ต่ออีกหรือ” เสียงหวานออดอ้อน แว่วลอยมาในความเงียบ
“ช่างเขาเถอะ คุณนอนต่อได้ อย่าไปสนใจเธอเลย” ฝ่ามือหยาบเอื้อมสูงขึ้นไปรั้งให้หญิงสาวเอนตัวกลับลงมานอน ท่อนแขนกอดกระชับขยับชายผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้จนถึงไหล่
“ถ้าทนดูภาพบาดตาบาดใจไม่ไหว คืนนี้เธอจะลงไปนอนห้องคนรับใช้ข้างล่างก่อนก็ได้นะ”
เป็นการแสดงความห่วงใยจากสามี ที่พา ‘หญิงอื่น’ มาหลับนอนบนเตียงที่ควรเป็นเพียงของเขาและเธอ ปุณณดาแค่นยิ้มออกมาในเงามืด มือวางผ้าเช็ดตัวชื้นใส่ลงไปในตะกร้าหวาย ก่อนจะหันมาส่งยิ้มเยือกเย็นอย่างท้าทาย
“ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ ฉันไม่ได้แต่งงานเข้ามาในตระกูลก้องเกียรติไพบูลย์ เพื่อที่จะมานอนบนเตียงหลังนี้หรอกนะคะ ฉันมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้น”
เจ้าสาวใหม่ป้ายแดง เดินไปหยิบเสื้อคลุมสวมทับชุดนอนแบบเสื้อและกางเกงขายาว สาวเท้าก้าวไปยืนอยู่บริเวณโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ มือจับพนักเก้าอี้นวม หมุนให้มันหันหน้าออกไปทางเดียวกับหน้าต่างกระจก จากนั้นค่อย ๆ หย่อนสะโพกนั่งลงไปอย่างช้า ๆ สายตาอันว่างเปล่า ถูกปุณณดาทอดมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย
การเป็นสะใภ้แห่งตระกูลก้องเกียรติไพบูลย์ไม่ได้น่าอิจฉาอย่างที่ใครเข้าใจ ตรงกันข้ามชีวิตสะใภ้ของปุณณดา นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอย่างเท้าเข้ามาในที่แห่งนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการที่เธอ เดินเข้ามาในถ้ำน้ำแข็งอันหนาวเหน็บเพียงลำพัง ทั้งโดดเดี่ยวเดียวดาย
ทุกก้าวที่ปุณณดาถลำลึกล่วงเข้าไป เต็มไปด้วยลวดหนามอันแหลมคม ที่พร้อมจะฉีกกระชาก ลากเอาเลือดเนื้อ หยดน้ำตา กัดกร่อนหัวใจของเธอให้มันค่อย ๆ ด้านชาและตายลงไปในที่สุด
“นึกว่าต้องให้คนไปอัญเชิญลงมาจากห้องซะอีก เป็นสะใภ้ ควรจะรู้หน้าที่ตัวเองหน่อยนะ ว่าต้องตื่นเช้าเพื่อลงมาทำหน้าที่ของตัวเอง” เสียงต้อนรับแรกจากแม่สามี ดังลอยมาจากโต๊ะอาหาร
ปุณณดาปรายหางตามองไปยังโต๊ะทำจากหินอ่อนอย่างดี ตรงกลางนั้นตำแหน่งสำคัญที่สุดยังคงเป็น คุณหญิงรินรดา ส่วนด้านข้างที่นั่งติดกันคือ ฐาปกรณ์ สามีถูกต้องตามกฎหมายของเธอ หากทว่าที่นั่งติดชิดอยู่ข้างกาย สอดแขนกอดเกี่ยวกันไว้ ราวกับกลัวว่าใครจะมาพรากคนทั้งคู่ออกห่างจากกัน นั่นคือ อรสิมา หญิงสาวที่ออกตัวแรงป่าวประกาศว่าเป็น คนรัก ของฐาปกรณ์และเธอคือคนที่ฐาปกรณ์ปรารถนา อยากได้มาเป็นเจ้าสาวมากกว่าเธอ
“ขอโทษด้วยนะคะคุณหญิง ดิฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าบ้านหลังนี้ไม่มีคนรับใช้”
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ดิฉันแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ ไม่ได้แต่งเข้ามาเพื่อเป็นแม่บ้าน
ที่ต้องคอยมาทำอาหาร ล้างถ้วย ล้างจาน สนองความต้องการของใคร”
“นี่หล่อน !”
“ปุณ เธอไม่ควรพูดจาก้าวร้าวกับคุณหญิงป้าอย่างนั้นนะ อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ได้ชื่อว่าเป็นสะใภ้ แล้วคุณหญิงป้าก็เป็นแม่สามีที่เธอควรให้ความเคารพเกรงใจ”
เป็นความคิดเห็นสอดแทรกมาจากแขกที่ทุกคนในบ้านล้วนยินดีต้อนรับและเชื้อเชิญ ให้เกียรติอรสิมาเอียงหน้าวางลงบนบ่ากว้างของฐาปกรณ์ที่เพียงนั่งคอแข็งตั้งหลังตรงยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ ทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงสามคนกำลังสนทนากัน
“จองหองไปเถอะปุณณดา อย่าคิดว่าตัวเองวิเศษกว่าคนอื่น เธอก็แค่...เฮอะ” ลมหายใจถูกกระแทกออกมาจากรูจมูกเชิด หางตาสะบัดมองกลับไปยังลูกชายและ ว่าที่ลูกสะใภ้คนโปรด ริมฝีปากกระตุก เหมือนมีสิ่งที่อยากพูด อยากพ่นออกไปแต่ทำไม่ได้
“ถึงฉันจะไม่ได้วิเศษไปกว่าคนอื่น แต่ฉันมั่นใจว่าฉันไม่ได้ต่ำ จนถึงขนาดยอมให้ใครมากดหัวเหยียบย่ำหยามเกียรติ ดังนั้นคุณหญิงควรให้เกียรติสะใภ้คนนี้ ให้มากกว่าที่แสดงออกมานะคะ”