​​​​​​​พี่น้อง

1280 คำ
“คุณภูจะจ้างใบตองจริงๆ ใช่ไหมคะ” กัญญ์วราถามย้ำ “อือ” “จะจ้างนานไหม ต้องเซ็นสัญญาหรือเปล่าคะ” “ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นหรอก เธออาจจะอยากไปหางานอื่นหลังเรียนจบแล้วก็ได้” “แล้วถ้าใบตองทำงานด้วยแล้วรับจ้างคุณภูไปด้วยได้ไหมคะ” “ได้สิ” เมื่อตกลงกันได้แล้วกัญญ์วราก็เก็บของต่ออีกนิดหน่อยก็พอดีกับได้ยินเสียงเสี่ยสมานที่มาเรียกลูกน้องให้กลับเพราะได้เงินตามที่ตัวเองต้องการแล้ว ภูเมฆาพากัญญ์วรามายังคอนโดมิเนียมของตนเองจากนั้นก็ช่วยกันเอาของลงจากรถโดยมีแม่บ้านประจำคอนโดและนิติกรที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์เข้ามาช่วย “ของเยอะเลยนะครับคุณภู” “ครับคุณวินัย” “น้องสาวเหรอครับ” นิติการมองหน้ากัญญ์วราสลับกับภูเมฆาที่ดูคล้ายกันจนคิดว่าเป็นน้องสาวของชายหนุ่ม “ครับ” เมื่อนิติกรเข้าใจอย่างนั้นภูเมฆาก็ไม่อยากอธิบายอะไรเพราะมันก็ดีกับเขาและกัญญ์วราถ้าคนอื่นจะคิดว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน “คุณภูทำไมบอกเขาไปแบบนั้นล่ะคะ” กัญญ์วราถามเมื่อขึ้นมาถึงบนห้องแล้ว “แล้วจะให้บอกว่าเป็นอะไรล่ะ” “ก็เป็นลูกจ้าง เป็นแม่บ้านไงคะ” “ถ้าผมบอกไปแบบนั้นแม่บ้านประจำที่นี่มาได้ยินก็คงไม่ค่อยชอบหน้าใบตองแน่ เพราะเหมือนผมข้ามหน้าข้ามตาเขาไปจ้างคนอื่น” “ปกติคุณภูจ้างเขาเหรอคะ” “ไม่หรอกผมชอบทำเองมากกว่า นานๆ ครั้งถึงจะจ้างเขา ผมไม่ค่อยชอบให้ใครวุ่นวายในห้องเท่าไหร่” “แล้วทำไมถึงจ้างใบตองล่ะคะ” “ก็เพราะเห็นว่าที่บ้านใบตองจัดเป็นระเบียบดี” “แค่นั้นเหรอคะ” “อือ เอาล่ะอย่าถามมากเลย ต่อไปนี้ก็ถือว่าเราเป็นพี่น้องอย่างที่คุณวินัยพูดนั่นแหละ ถ้าใครถามก็บอกไปตามนั้น” “ค่ะคุณภู” “ใบตองควรเรียกผมฉันว่าพี่ภู” “ทำไมคะ เรียกคุณภูดูสุภาพกว่าเยอะ” “แล้วใครเขาจะเชื่อว่าเป็นพี่น้องกัน ผมไม่ใช่คนถือตัวอะไรนะ” “ก็ได้ค่ะพี่ภู” “ตามมาสิพี่จะพาไปดูห้อง” ภูเมฆาเดินนำกัญญ์วรามายังห้องที่อยู่ริมประตูทางเข้าซึ่งเป็นห้องหนึ่งที่เขาไม่เคยให้ใครใช้มาก่อนด้านในจึงมีแค่เตียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทำงานเท่านั้น “ห้องนี้เหรอคะ” “อือ อยู่ได้ไหม” “ได้ค่ะ” “ใบตองทำความสะอาดห้องนี้ไปก่อนนะ เสร็จแล้วไปเรียกที่ห้องทำงานนะ พี่จะพาไปซื้อผ้าปูที่นอนกับของใช้” “ห้องทำงานคือห้องไหนคะ” “ห้องถัดไปนี่แหละ” “ได้ค่ะ” กัญญ์วราใช้เวลาทำความสะอาดและจัดของไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย หญิงสาวจึงมาเคาะห้องทำงานของภูเมฆา “เสร็จแล้วค่ะ” “ไวดีนี่ เดี๋ยวขอทำงานอีกนิด เหนื่อยไหม น้ำกับของกินอยู่ในตู้เย็นหยิบกินได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะ” พูดจบภูเมฆาก็ก้มหน้าทำงานต่อ หญิงสาวเดินมาเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่มจากนั้นก็เดินสำรวจบริเวณห้องครัวซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะมีของทุกอย่างครบครับ เธอเดินเลยมาถึงด้านที่มีเครื่องซักผ้าซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่มีทั้งซักและอบไปในตัว ถ้าไปซื้อผ้าปูที่นอนมาก็คงจะซักและอบทันเวลาเข้านอนพอดี “ไปกันเถอะใบตอง” “ค่ะ” กัญญ์วรารีบเดินตามขณะที่กำลังก้มลงใส่รองเท้าเธอก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองมีรองเท้าผ้าใบคู่เก่งมาแค่คู่เดียว “รองเท้า” “รองเท้าทำไม” ภูเมฆาถาม “ใบตองเอารองเท้ามาคู่เดียวค่ะ เหลือรองเท้าแตะกับครัชชูที่ยังไม่ได้เอามา” “ไปซื้อใหม่ก็ได้” “ไม่เป็นไรค่ะ คู่นั้นใบตองเพิ่งซื้อมาเมื่อต้นเทอมเอง ถ้าพรุ่งนี้ใบตองทำความสะอาดห้องเสร็จแล้วขอกลับไปที่บ้านได้ไหมคะ” “แล้วถ้าเจอแม่เลี้ยงขึ้นมาล่ะ จะบอกเขาว่าไปอยู่ไหน ไม่กลัวเขาตามมาวุ่นวายเหรอใบตอง” กัญญ์วราทำท่าทางคิดหนักเพราะเมื่อครู่นภาวรรณก็พยายามโทรหาอยู่หลายรอบแต่หญิงสาวก็ไม่ได้รับเพราะไม่รู้จะบอกยังไงว่าตนเอง อีกอย่างก็กลัวว่าแม่เลี้ยงจะตามมาวุ่นวายที่นี่อย่างที่ภูเมฆาพูดอยู่เหมือนกัน “ซื้อใหม่ก็ได้ค่ะ” เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้าทั้งสองก็ตรงไปที่แผนกเครื่องนอนเพื่อเลือกซื้อผ้าปูและปลอกหมอน นอกจากจะซื้อให้กัญญ์วราแล้วภูเมฆายังถือโอกาสซื้อให้ตัวเองอีกหลายชิ้น จากนั้นก็พากันไปซื้อรองเท้าครัชชูซึ่งราคาค่อนข้างสูงทำให้กัญญ์วราไม่ค่อยอยากจะซื้อเท่าไหร่ แต่ภูเมฆาก็บอกว่าราคาสูงก็จริงแต่มันใส่แล้วสบาย แต่ก่อนเขาก็เป็นเหมือนกับหญิงสาวที่ซื้อของต้องดูราคาก่อน แต่พอเริ่มมีเงินก็เลือกซื้อจากคุณภาพ เขาไม่ได้สอนให้เธอฟุ่มเฟือยแต่เห็นแล้วว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นเพราะถ้าสวมรองเท้าที่ดีก็จะทำให้ไม่เมื่อยเท่าไหร่ “พี่ภูหักจากเงินเดือนนะคะ” กัญญ์วราบอกด้วยความเกรงใจ “ไม่เป็นไร พี่ซื้อให้” “แต่มันแพงนะคะ” “พี่บอกแล้วไงว่างานนี้พี่ได้กำไรเยอะ อย่าคิดมากเลยถ้าใบตองไม่รับของที่พี่ซื้อให้พี่ก็รู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบใบตองอยู่” “แต่พี่ก็จ่ายให้เสี่ยสมานไปตั้งเยอะแล้วนะคะ” “นิดหน่อยเอง ถ้าใบตองไม่เอาของพี่จะโอนเงินให้ใบตองดีไหม” “ไม่ค่ะ ใบตองเอาของก็ได้” กัญญ์วรารีบร้องห้ามเพราะไม่อยากรับเงินจากเขา เรื่องเหรียญนำโชคนั่นมันคงไม่มีผลอะไรมากเท่าไหร่ แต่ที่เขาให้ความช่วยเหลือก็คงเพราะสงสารเธอมากกว่า “เป็นเด็กดีว่าง่ายๆ แบบนี้พี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยพูด เอาล่ะ ทีนี้ก็ไปซื้อรองเท้าใส่เที่ยวแล้วก็ผ้าใบกันต่อ” นอกจากรองเท้าแล้วกัญญ์วรายังได้ทั้งเสื้อผ้า ชุดนอนรวมไปถึงชั้นในอีกเยอะแยะไปหมด ไม่รู้ว่าภูเมฆาไปอัดอั้นมาจากไหนถึงได้ซื้อของตั้งมากมาย ทั้งซื้อให้เธอและซื้อให้ตัวเขาเอง “พอแล้วมั้งคะพี่ภู ใบตองเหนื่อยแล้ว” กัญญ์วราไม่เหนื่อยเลยเพราะเธอเดินเสิร์ฟที่ร้านเหล้ายังเหนื่อยกว่านี้หลายเท่าแต่เพราะเห็นว่าของที่ซื้อมามันเยอะมากแล้วจึงพูดแบบนั้นออกไป “วันนี้พอก่อนก็ได้ เดี๋ยววันไหนว่างค่อยมากันอีก” “เราต้องไปซื้อของสดทำอาหารไหมคะ” “วันนี้ยังไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวกินจากข้างนอกเข้าไปเลยก็แล้วกัน” “ค่ะ” “เดี๋ยวเอาของไปเก็บที่รถก่อนแล้วค่อยขึ้นชั้นบนนะ คิดไว้เลยว่าจะกินอะไร” เมื่อเก็บของที่รถแล้วทั้งสองคนก็มายังชั้นที่เต็มไปด้วยร้านอาหารซึ่งมีมากจนเลือกแทบไม่ถูก “คิดออกไหมว่าจะกินอะไร กินได้ทุกอย่างหรือเปล่า” “ค่ะ ใบตองกินได้ทุกอย่าง” “งั้นกินพิซซ่าไหม” พอเดินผ่านร้านพิซซ่าก็ทำให้ภูเมฆานึกถึงตนเองในวัยเด็ก ซึ่งตอนนั้นกว่าจะได้กินแต่ละครั้งก็ต้องรอจนกว่าจะมีผู้ใหญ่ใจดีซื้อมาเลี้ยง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม