“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณพ่อ” หลังเห็นอารัญเผยอปากหมายจะต่อว่าอีกรอบ คนตัวเล็กจึงรีบเอ่ยออกมา คนไม่มีหัวใจต่อให้บีบบังคับอย่างไรก็ไม่มีวันหยิบยื่นใจมาให้หรอกแล้วต้องยิ้มชืด จากนั้นมีหนึ่งสิ่งทำให้ทุกคนหยุดการกระทำ
“อะน้าข้าว”
เด็กตัวเล็กๆ กลับทำตัวน่ารักกว่าผู้ใหญ่มากโข จันทร์เจ้าพยายามจะยื่นหมูชิ้นโตที่บิดาตักให้ไปใส่จานของข้าวหอม ใบหน้านั้นยกยิ้มจนเห็นฟัน ดวงตากลมโตบ่งบอกถึงความใสซื่อทำให้ข้าวหอมต้องยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู
“ลูกยังน่ารักกว่าพ่ออีกเนอะหนูข้าว หนูเจ้าหลานปู่น่ารักจังเลย” อารัญหันไปส่งค้อนให้ลูกชาย พลางเอ่ยปากชมหลานสาว ส่วนข้าวหอมรีบยื่นจานไปรับน้ำใจน้อยๆ นั้น
ปราศจากเสียงใดๆ โต้ตอบกลับจากบุรุษหน้านิ่ง อาชาไม่อยากจะเถียงบิดา เพราะทุกสิ่งคือความเป็นจริง ตนไม่ได้มีความสิเน่หาในตัวของสาวเจ้า และไม่มีวันมอบความรักให้ผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว ซึ่งเข็ดขยาดกับความไม่รู้จักพอ ก่อนจะมีคำถามเด็ดออกมาทำให้คนทั้งสองต้องนิ่งงันไป
“แล้วเมื่อไหร่จะมีน้องให้หนูเจ้า”
หญิงสาวถึงกับผ่อนลมหายใจออกมาราวปอดทำงานติดขัดพร้อมชำเลืองมองอาชา
“ข้าวว่าจะรออีกสักสองสามปีค่ะ” น้ำเสียงที่เอ่ยบอกไม่มั่นคง มันขาดความมั่นใจเพราะเป็นคำโป้ปด ซึ่งชายหนุ่มยังนั่งนิ่ง ไม่ได้สะทกสะท้านเลยสักนิด
“อย่างนั้นหรือ” อารัญมีความสงสัยฉาดฉายอยู่ในแววตา เนื่องจากจับพิรุธได้และเจ้าตัวคิดว่าต้องมีอะไรมากกว่าที่สัมผัสได้แน่นอน จากนั้นไร้บทสนทนาอีก ต่างฝ่ายต่างนั่งกินข้าวไปเงียบๆ ขณะข้าวหอมอดไม่ได้ต้องหันมองคนไร้หัวใจ
ด้านอาชาเองเผลอหันไปมองหญิงสาวเช่นกัน แต่เขายังคงแววตาเฉกเช่นเดิม ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหนๆ และไม่เคยเข้าใจร่างบอบบางตรงหน้าเลยสักนิด ทั้งที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า การแต่งงานจะไม่ได้มีความสลักสำคัญ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังยืนยันว่าจะแต่ง
ดวงหน้าหวานซึ่งมีความเศร้าแฝงอยู่ในบางครั้งก็ทำให้อาชารู้สึกชาหนึบในหัวใจ บางทีก็รู้สึกเหมือนภรรยามีบางอย่างแอบซ่อนอยู่ หลายหนที่สังเกตเห็นความรวดร้าวแล้วต้องเป็นฝ่ายเสหน้าไปทางอื่นพร้อมเสียงของอารัญดังขึ้นอีกรอบ
“หนูข้าวพ่อฝากพาหนูเจ้าขึ้นไปอาบน้ำหน่อยนะ พ่อมีเรื่องต้องคุยกับใหญ่”
“ค่ะ”
หญิงสาวตอบรับอย่างว่าง่าย ไม่ใช่เรื่องหนักหนาในการดูแลจันทร์เจ้า ลูกของอาชาก็เหมือนลูกของเธอเช่นกัน
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันพาหนูเจ้าไปเอง” เสียงเข้มเอ่ยบอกแกมบังคับอยู่กลายๆ ว่าไม่อยากให้หญิงสาวก้าวเท้าเข้ามาในเขตหวงห้าม ไม่อยากให้เจ้าหล่อนผูกพันกับจันทร์เจ้า เพราะยามเชือกพันกันจนแน่นจะทำให้เจ็บ ฉะนั้นไม่รู้สึกอะไรต่อกันจะดีที่สุด
“ให้หนูข้าวไปทำหน้าที่เถอะใหญ่ และอีกอย่างพ่อก็มีเรื่องสำคัญต้องคุยกับแก” อารัญปรามลูกชายด้วยเสียงหนักแล้วพยักหน้าให้ข้าวหอมทำตามคำบอกกล่าว
“ไปอาบน้ำกับน้าข้าวนะคะหนูเจ้า”
ข้าวหอมยื่นมือออกไปด้วยท่าทางเป็นมิตรทำให้จันทร์เจ้าขยับตัวเดินเข้าไปหาแล้วทั้งสองก็เดินหายขึ้นไปด้านบนบ้าน ซึ่งมีสายตาคมกริบเฝ้ามองตาม
หนึ่งนาทีต่อมาอาชาจึงดึงสายตากลับมาอยู่ที่บิดา ก่อนจะเอ่ยถาม
“คุณพ่อมีอะไรจะพูดกับผมหรือครับ”
“พ่ออยากจะให้แกดูแลหนูข้าวดีๆ” ถึงจะรู้ว่าลูกแต่งงานเพราะคำร้องขอของตนเอง กระนั้นอยากจะให้มีความเมตตาต่อคนของเขาสักนิด ใช่ว่าทำตัวเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปแล้วมองบิดาราวต้องการสื่อความหมาย เขายอมแต่งงานก็เพราะความต้องการของผู้ให้กำเนิด ฉะนั้นคงยากสักหน่อยถ้าหากจะให้แสดงออกกับภรรยาที่ไม่ต้องการ อีกอย่างใจมันตายด้านไปหมดแล้ว
“อย่าทิฐิและคิดว่าผู้หญิงจะเลวร้ายเหมือนที่แกเคยเจอมา ไม่ว่าจะเป็นแม่ของแกหรือว่าพวงชมพู”
“หรือครับ แต่เท่าที่ผมเจอไม่มีดีสักคน” ชายหนุ่มระบายความเจ็บปวดผ่านถ้อยคำ ถึงแม้สายตาจะคงความเย็นชาดุจเดิม
“มีสิถ้าใหญ่ยอมเปิดใจและที่พ่อพูดไม่ได้จะให้ฝืนใจ แต่แม่ของแกจะทำทุกอย่างแน่เพื่อให้ได้กลับเข้ามาในชีวิตของแกอีก และหนูข้าวดูจะเป็นหมากที่ดี” ถ้อยคำซึ่งปลิวกระทบหูทำให้อารัญกระแทกลมหายใจแรงๆ ก่อนจะพูดด้วยเหตุและผล แถมยังมีความหนักใจปะปนอยู่มากโข การรับมือกับอดีตภรรยาเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง โดยไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายกลับมาด้วยสาเหตุอะไร
“ผมบอกข้าวหอมไปแล้วว่า ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีก” อาชาเอ่ยเสียงเรียบ
“บอกไปก็ไร้ประโยชน์เพราะคนอย่างอารดา ถ้าอยากจะได้อะไรก็ต้องได้และผู้หญิงคนนั้นยังเหมือนเดิมทุกอย่าง” คนพูดรู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วทรวง ไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงที่ปลูกต้นรักกันมาจะใจร้ายถึงเพียงนี้ แถมยังไม่เคยสังเกตเห็นความผิดปกติของอีกฝ่าย
กระทั่งได้ลงเอยกันด้วยการแต่งงานและหลังจากอาชาถือกำเนิดได้ประมาณห้าปี ความเลวร้ายก็ค่อยๆ ผุดออกมา ซึ่งเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนเป็นแม่จะลงมือทำร้ายลูกชาย ทุกครั้งที่อีกฝ่ายโมโหจะลงไม้ลงมือทุบตี หนักที่สุดคงจะเป็นการใช้เข็มขัดฟาดหลัง
ทว่าอารัญเองก็เป็นสาเหตุ หากเขาไม่มัวแต่ทำงาน ชีวิตของอาชาอาจจะไม่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดตามลำพังและกว่าเรื่องจะแดงขึ้นก็ในวันที่ลูกชายเข้าโรงพยาบาล
“แล้วงานที่บริษัทเป็นอย่างไรบ้าง”
“ก็ดีครับ” ทุกอย่างกำลังไปได้สวย กำไรในไตรมาสนี้ค่อนข้างดี ฉะนั้นคงไม่น่ากังวลใจ
“ทำไมใหญ่ถึงไม่อยากมีลูก พ่อดูออกว่าไม่ใช่เพราะหนูข้าว” สิ่งที่อารัญเอ่ยปากถามส่งผลให้อาชาไม่สามารถควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ
“ผมให้สัญญากับพวงชมพูไว้ว่า จะไม่มีลูกอีก จะมีแค่หนูเจ้าเพียงคนเดียว”