ตอนที่ 4 กำแพงทิฐิ
อาจเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของข้าวหอม เธอจึงตื่นสายเป็นพิเศษ กว่าจะลงมาด้านล่างก็ร่วมสิบโมงเช้าเข้าไปแล้ว ทว่าเท้าต้องชะงักเมื่อสายตาไปสะดุดกับร่างน้อยซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรสักอย่างอยู่
“ทำอะไรอยู่คะหนูเจ้า” หญิงสาวสืบเท้าเข้าไปหาพร้อมส่งยิ้มเป็นมิตรไปให้ ถ้าหากเป็นอาชาเขาคงลุกเดินหนีไป ไม่มานั่งปั้นยิ้มหวานให้เช่นนี้หรอก นึกถึงแล้วเสียดสึกในอก ไม่รู้ว่าต่อให้เอาค้อนไปทุบเกราะที่ห่อหุ้มหัวใจดวงโตอยู่แล้วมันจะสามารถกะเทาะเปลือกออกได้หรือไม่ รึว่าจะแข็งจนเป็นหินไปแล้ว
“วาดลูประบายซี” จันทร์เจ้าเอ่ยบอกพร้อมยกกระดาษที่ถูกระบายไว้ขึ้นอวด
“ว้าวหนูเจ้าวาดรูปสวยจังค่ะ งั้นวาดรูปน้าข้าวให้มั่งสิคะ เดี๋ยวน้าข้าวทำคุกกี้ให้ทาน”
เด็กตัวเล็กๆ ทำท่าขบคิด ก่อนพยักหน้า จากนั้นเจ้าของร่างบอบบางจึงหมุนตัวเข้าไปในห้องครัว แต่ถึงแม้จันทร์เจ้าจะปฏิเสธเธอก็ตั้งใจจะทำขนมให้อยู่แล้ว
เมื่อเท้าเรียวเล็กย่างก้าวเข้าไปในห้องครัวก็มีรอยยิ้มเป็นมิตรส่งมาให้ ทุกคนภายในบ้านล้วนชื่นชอบเจ้านายคนใหม่ ในเมื่อข้าวหอมไม่เคยถือตัวแถมยังเป็นคนจิตใจดี อ่อนโยนแต่ก็มีความเข้มแข็งอยู่ในที
“หนูเจ้าแพ้อะไรบ้างหรือเปล่าคะ ข้าวว่าจะทำคุกกี้ให้แกทาน” เจ้าของร่างเล็กเอ่ยปากถามหัวหน้าแม่บ้านซึ่งอาชาให้ความเคารพ
“ไม่ค่ะ หนูเจ้ากินได้แทบทุกอย่าง”
สายใจบอกเสียงเรียบ แล้วอมยิ้ม คราแรกนั้นกังวลเรื่องปัญหาแม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง ระแวงไปว่าผู้หญิงคนใหม่ของนายจะทำให้บ้านหลังนี้ลุกเป็นไฟอีกหน ทว่าเมื่อลองได้รู้จักกลับกลายเป็นน้ำเย็นๆ มาชโลมไปทั่ว ทำให้ความมืดมนจางลงไปบ้าง
หลังจากนั้นข้าวหอมได้ลงมือทำคุกกี้รสช็อกโกแลตให้กับลูกสาวของสามีไร้หัวใจ โดยฝ่ายชายก็ได้เดินลงมาจากห้องทำงาน
“ทำอะไรอยู่คะลูก” น้ำเสียงของอาชาอ่อนลงมากยามพูดกับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน
“วาดลูป” จันทร์เจ้าตอบบิดาเสียงใสพร้อมยิ้มจนเห็นฟันซี่ขาว เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวซึ่งอยู่ที่การสั่งสอนและเลี้ยงดูว่า ผ้าขาวผืนเล็กๆ นี้จะกลายไปเป็นผ้ากระดำกระด่างหรือไม่ ซึ่งเชื่อได้ว่าทั้งอาชาและพวงชมพูจะไม่ทำให้ลูกต้องกลายไปเป็นเช่นนั้น
“หนูเจ้าวาดรูปใครอยู่คะ” พอเห็นภาพวาดของจันทร์เจ้าชายหนุ่มจึงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ ถึงแม้จะไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่าง กระนั้นเขาก็พอจะเดาออกว่า คงจะเป็นใครสักคนหนึ่ง
“น้า...ข้าว”
คำตอบของบุตรสาวทำเอาอาชาปั้นหน้าไม่ถูก
“ออกไปนั่งที่สวนกันไหมคะ” พอมีโอกาสได้หยุดแถมอยู่กับลูกจึงอยากจะใช้เวลาด้วยกันให้มากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจันทร์เจ้าจะอยู่กับพวงชมพู โดยชายหนุ่มไม่ได้คัดค้านอะไร เขาไว้ใจอดีตภรรยาในเรื่องนี้ บางมุมอีกฝ่ายอาจจะร้าย ทว่าในเรื่องของลูกกลับใจเย็นและไม่เคยทำให้ต้องหวาดระแวง
ประมาณห้านาทีต่อมาชายหนุ่มก็โน้มตัวไปอุ้มลูก ก่อนพาออกไปนั่งเล่นยังสนามหญ้าหน้าบ้าน ซึ่งไม่ลืมหยิบสมุดภาพติดมือไปด้วย รวมถึงเสื่อเอาไว้ปูนั่ง
ด้านหญิงสาวที่กำลังขะมักเขม้นทำคุกกี้อยู่นั้นคงไม่รู้ว่า จะมีบางอย่างทำให้เจ้าหล่อนต้องเดินถอยออกมา เพราะกำลังมีคนคนหนึ่งเดินยิ้มกว้างเข้าไปหาคู่พ่อลูก
“หนูเจ้า”
“แม่”
เสียงอันคุ้นเคยทำให้จันทร์เจ้าหันไปมองแล้วรีบลุกพรวดวิ่งไปหา แสดงอาการดีใจเป็นอย่างมาก ส่วนพ่อคนตัวโตยังนิ่งเฉยและไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งสิ้น
“ช่วงเช้าชมพูไม่มีคิวงานเลยแวะมาหาลูก” คนที่ปรากฏตัวขึ้นไม่ใช่คนอื่นไกล อดีตภรรยาของอาชานั่นเอง และพวงชมพูก็อุ้มลูกไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ สามี ด้านคนฟังนั้นทำเพียงพยักหน้าก่อนมุ่งความสนใจไปอยู่ที่จันทร์เจ้า ซึ่งคนทั้งสองพยายามจะไม่แสดงถึงรอยร้าวต่อหน้าแม่ตัวเล็ก
ทั้งอาชาและพวงชมพูทำหน้าที่พ่อกับแม่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มีแค่บางหนที่สายตาของดาราสาวตวัดค้อนอดีตสามี เพราะยามนี้อีกฝ่ายเฉยชาต่อหล่อนเหลือเกิน
หัวใจของพวงชมพูเริ่มอึดอัดและถูกรุมเร้าด้วยความรู้สึกกลัว เธออยากจะกลับไปเป็นภรรยาของอาชา แต่มันไม่ง่ายนัก พลางช้อนสายตาไปมองบุตรสาวแล้วมีกำลังใจขึ้นมามากโข เพราะเชื่อว่าลูกจะเชื่อมสายรักให้ถักทอขึ้นมาอีกรอบ
ส่วนภรรยาใหม่ของพ่อคนไร้หัวใจเดินถือจานใส่คุกกี้ออกมาจากห้องครัว หัวคิ้วขมวดมุ่นยามไม่พบกับคนที่ต้องการ พลางต้องหันไปถามหัวหน้าแม่บ้าน
“หนูเจ้าไปไหนแล้วล่ะคะ”
“ออกไปนั่งเล่นกับคุณใหญ่ค่ะ”
สายใจบอกแล้วทำสีหน้าไม่สู้ดี ข้าวหอมไม่ทันสังเกตเห็นเพราะเท้าก้าวเดินออกไปเสียก่อนพร้อมรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าจันทร์เจ้าจะชอบกินหรือเปล่า กระนั้นแค่สองนาทีถัดมาใบหน้าก็แสดงถึงความเศร้าเล็กๆ รู้สึกโหวงหวิวในใจ
ชั่วพริบตาต่อมาข้าวหอมคลี่ยิ้มมีความสุขกับภาพที่เห็น เธอแค่รู้สึกอิจฉาเท่านั้นเนื่องด้วยเคยวาดฝันอยากจะได้ครอบครัวที่อบอุ่น แต่ความเป็นจริงก็โหดร้ายไม่น้อย
“ป้าสายใจช่วยเอาคุกกี้ไปให้หนูเจ้าหน่อยนะคะ” หญิงสาวได้ถอยเท้ากลับเข้าบ้านแล้วไหว้วานคนที่ดูแลทุกอย่าง
“ทำไมคุณข้าวไม่ไปเองล่ะคะ ไม่ต้องไปกลัวคุณชมพูหรอกนะคะ” สายใจส่ายหน้าไปมาเพราะไม่เห็นด้วย
“ข้าวไม่ได้กลัวค่ะ แต่ข้าวอยากให้หนูเจ้ามีความสุข คงไม่ง่ายนักหรอกค่ะกับการที่พ่อแม่แยกทางกันแล้วจะกลับมานั่งอยู่ด้วยกันแบบนี้”