ความสงสารและเห็นใจมีมากพอที่จะไม่คิดมากหรือว่าริษยากับภาพที่เห็น เป็นการดีเสียอีกที่จะช่วยให้เด็กคนหนึ่งมีความสุขกับครอบครัว และสิ่งนี้จะตกกระทบไปถึงหัวใจด้านชา จันทร์เจ้าจะช่วยเยียวยาอาการของอาชาให้ดีขึ้นได้ซึ่งมันเป็นสิ่งที่หล่อนพึงปรารถนา
“ไปเถอะค่ะ ข้าวไม่คิดมากหรอก ถือว่าทำเพื่อหนูเจ้านะคะ” เมื่อเห็นสายใจยังทำท่าครุ่นคิด ข้าวหอมจึงเอ่ยปากบอกอีกรอบ
“ก็ได้ค่ะ”
จากนั้นสายใจได้ยื่นมือไปรับจานในมือสวยแล้วขยับเท้าเดินออกไปยังสนามหญ้าหน้าบ้าน พลางต้องประดับยิ้มมอบให้แก่คุณหนูน้อยซึ่งส่งยิ้มมาให้ รวมไปถึงอดีตนายหญิงของบ้านหลังนี้อย่างพวงชมพู ก่อนดึงสายตากลับไปมองคนเป็นนายซึ่งสีหน้าเรียบเฉยเสียเหลือเกิน
“คุณข้าวให้เอาขนมมาให้ค่ะ” ยังไม่ทันที่สายใจจะได้วางขนมลงด้วยซ้ำก็มีหนึ่งเสียงแว่วให้ได้ยิน
“ไม่รู้จะมียาพิษหรือเปล่า อย่ากินนะคะหนูเจ้า” พวงชมพูออกท่าทีห้ามปรามบุตรสาว ไม่ไว้ใจภรรยาใหม่ของอดีตสามี ไม่รู้ว่าจะคิดร้ายกับลูกของเธอหรือเปล่าและอาจเพราะไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอของข้าวหอมทำให้เจ้าหล่อนเกิดความหวาดระแวง
ส่วนอาชาถึงกับกระแทกลมหายใจออกมา ก่อนเอ่ยบางประโยค
“นี่ชีวิตจริงไม่ใช่ในละคร แยกแยะให้ออกด้วยชมพู”
“เห่อเมียใหม่หรือคะ ไหนบอกว่าไม่มีวันรักนังข้าวหอมไง” แค่ดาราสาวได้ฟังก็เจ็บจี๊ดไปถึงขั้วหัวใจ ไม่เท่าไรคนตัวโตก็ออกโรงปกป้องผู้หญิงคนนั้นเสียแล้ว ยิ่งทำให้ใจนึกกลัว อีกอย่างรูปร่างหน้าตาของข้าวหอมก็ใช้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง
“ผมยังยืนยันคำเดิม” ถ้อยคำนั้นแสนจะหนักแน่นราวกับหินผาที่มีความแข็งแกร่ง แถมยังเชื่อว่าตนเองไม่มีทางเกิดความสิเน่หาต่อข้าวหอมทำให้พวงชมพูอมยิ้ม หัวใจรู้สึกคลายออกจากความอึดอัดได้บ้าง กระนั้นก็ยังวางใจไม่ได้ จนทั้งสองต้องจ้องประจันสายตากัน
แปลบ...หัวใจดวงน้อยเกิดอาการร้าวในอก เมื่อนัยน์ตาคู่นั้นไร้ความรัก ความปรารถนาเหมือนเมื่อก่อน
“อาหย่อย” กระทั่งมีหนึ่งเสียงดังขึ้นขัดจังหวะ ทั้งอาชาและพวงชมพูต้องหันมอง ส่วนสายใจอมยิ้มเล็กๆ มองดูกิริยาที่จันทร์เจ้าแสดงออกต่อคุกกี้ชิ้นนั้น แล้วปลีกตัวกลับเข้าบ้าน ซึ่งพบนายหญิงกำลังยืนมองอยู่ผ่านหน้าต่างบานใหญ่
ตัวของข้าวหอมเองเคยวาดฝันอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่น อยากกลับไปซุกอยู่ในอ้อมกอดของมารดาอีกสักหน ทว่าในเสี้ยวนาทีนั้นดวงหน้าหวานกลับเจือความเศร้าและความกลัว จนเนื้อตัวสั่นพร้อมทั้งหนึ่งภาพความทรงจำได้แล่นปราดเข้ามาตอกย้ำ
“คุณหนูเจ้าท่าทางจะชอบคุกกี้ของคุณข้าวนะคะ หยิบกินไม่หยุดปากเลย ก็มีแต่คุณใหญ่และคุณชมพูแหละค่ะที่ไม่ยอมแตะ เด็กยังน่ารักเสียกว่า” เสียงจากสายใจทำให้หญิงสาวดึงตัวเองออกจากห้วงความคิด แล้วคลี่ยิ้มตอบกลับก่อนจะทำเสียงดุ
“ป้าสายใจคะ”
“ก็ป้าพูดเรื่องจริง” ที่พูดไปใช่เรื่องโป้ปดมดเท็จเสียที่ไหน อยากจะให้เจ้านายลองเปิดใจดูรับรองว่าจะพบกับความสุขแน่นอน ในเมื่อคนข้างกายของหล่อนเป็นผู้หญิงที่ดี รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา มีความเข้มแข็งอยู่ในตัวและเชื่อว่านายใหญ่เลือกลูกสะใภ้ไม่ผิด
จากนั้นข้าวหอมได้หมุนตัวเดินไปนั่งยังโซฟาตัวนุ่มพร้อมเปรยบางอย่างออกมาด้วยรอยยิ้ม
“หนูเจ้าน่ารักมากๆ เลยค่ะ ข้าวอยากมีลูกแบบหนูเจ้าบ้าง”
“คุณข้าวอยากมีลูกหรือคะ” สายใจถามพร้อมคิดว่าคงดีไม่น้อยถ้ามีเด็กตัวเล็กๆ ให้คอยอุ้มและช่วยเลี้ยงดูอีกครั้ง บ้านหลังนี้น่าจะสดใสกว่าที่เป็น
“อยากค่ะป้า แต่คุณใหญ่ไม่อยากมีแล้ว เขาบอกจะมีแค่หนูเจ้าคนเดียว”
น้ำเสียงนั้นเศร้าจับจิต เธอเองไม่สามารถไปบังคับอีกฝ่ายและเมื่อเขาไม่อยากจะมีจึงได้แต่จำใจ เนื่องด้วยดื้อรั้นไปรังแต่จะสร้างความทุกข์ใจให้กันเปล่าๆ โดยไม่อยากให้ความต้องการของเธอกลายไปเป็นช่องว่างขนาดใหญ่สำหรับอาชา
“แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยนะคะ ใจร้าย” เป็นอีกครั้งที่สายใจต่อว่าคนเป็นนายอย่างตรงไปตรงมา น้ำเสียงบ่งบอกถึงความโกรธเล็กๆ
หญิงสาวไม่ได้ตอบกลับอะไรไปอีก นอกจากยิ้มขื่นขม แต่ก็พยายามเข้าใจฝ่ายชายให้มากที่สุด เขาไม่ได้รักเธอคงไม่แปลกอะไรถ้าไม่คิดจะมีโซ่ทองคล้องใจ อีกนัยหนึ่งอาชาไม่คิดว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้จะยืนยาว เนื่องจากใจของเขามันเต็มไปด้วยหนามแหลม
หนามพวกนั้นเกิดมาจากเศษใจที่พังยับหลอมรวมกับความชอกช้ำในอดีตและมันจะคอยทิ่มแทงทุกหนที่สาวเจ้าพยายามจะเดินเข้าไปในเขตหวงห้าม
ฝั่งอาชายกมือขึ้นลูบศีรษะของบุตรสาวแล้วตอบกลับการชวนคุยของอดีตภรรยา ทว่าความสุขนั้นกลับไม่จีรังในเมื่อมีหนึ่งสิ่งเกิดขึ้นทำให้เขาต้องลุกพรวดขึ้นแล้วเดินปรี่เข้าไปหา แต่ก็ไม่ลืมสั่งให้พวงชมพูพาลูกมาหลบอยู่ด้านหลังเพื่อความปลอดภัย
“นั่นเสียงเอะอะอะไรคะ”
เสียงดังจากด้านหน้าบ้านทำให้สายใจเอ่ยออกมาอย่างสงสัย ส่วนข้าวหอมรีบขยับเท้าออกไปดู ทันใดนั้นดวงตาต้องเบิกกว้าง
“คุณหญิงอารดา” หัวหน้าแม่บ้านตกใจยกมือทาบอก ไม่คิดว่าจะได้เจอกับผู้หญิงใจร้ายอีกหน ซึ่งเธอเคยรับใช้เจ้าหล่อนอยู่ช่วงหนึ่งและยังจดจำทุกความโหดร้ายได้ดี ก่อนต้องหันมองเจ้าของร่างระหงที่เร่งรีบสืบเท้าออกไป
“ที่นี่ไม่มีใครต้อนรับ กลับไปซะ”