พริมรตากลืนน้ำลายไม่ลงคอ เมื่อท่าทางของบุรุษตัวโตสำแดงอย่างชัดเจนว่าทั้งโกรธทั้งเกลียดตนเอง กระนั้นก็อดสงสัยในคำพูดของเขาไม่ได้ เท้าเรียวขยับถอยหลังพร้อมมองหาทางรอด อย่างไรจะไม่มีวันยินยอมให้เพลิงทำตามความต้องการ
เธอจะไม่ยอมตกเป็น ’เหยื่อ’ ของใครทั้งนั้นและจะพิสูจน์ให้ได้ว่า ตนเองไม่ผิด
“จะกลัวอะไรในเมื่อเราก็เป็นผัวเมียกันแล้ว” คนพูดเหยียดปากอย่างดูแคลน บอกกิริยาอาการนั้นว่าเป็นแค่การแสดง อยากจะรู้นักว่าเจ้าหล่อนจะมาไม้ไหน รึต้องการเล่นบทเด็กไร้เดียงสา
‘ดี...ถ้าอย่างนั้นเขาจะจัดให้แทบตายคาอก’
“อย่าทำพริมเลยนะคะคุณเพลิง พริมจะไปอธิบายกับคุณตะวันว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” หญิงสาวพยายามพูดอย่างใจเย็นเมื่อทางรอดของเธอแทบจะไม่มี สองมือกำแน่นด้วยความกลัว มากไปกว่านั้นเจ็บปวดตรงหน้าอกซ้ายกับสายตาคมกริบ
“มันช้าไปเสียแล้วพริมรตา เพราะตะวันขอหย่าขาดจากฉันแล้ว” คนพูดกดตะคอกเสียงดุกระด้างบ่งบอกถึงความโกรธ สิ่งเดียวซึ่งทำให้เพลิงกลายร่างเป็นปีศาจได้คือเรื่องที่เกี่ยวกับผู้หญิงที่เขารัก โดยบัดนี้รักที่ร่วมสร้างกันมาถูกพริมรตาใช้ปลายเท้าขยี้จมดินไปแล้ว
“พริมขอโทษ” เธอไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ พูดออกไปเขาก็ไม่เชื่อ
“คำขอโทษของเธอมันไม่มีค่า ในเมื่ออยากเป็นเมียฉันนักก็เอาสิ เรามาสนุกกัน” น้ำเสียงเพิ่มความจริงจังขึ้นมา นัยน์ตาเรืองโรจน์ด้วยเพลิงแค้น ก่อนคว้าข้อมือบางแล้วกระชากให้ลำตัวเข้ามาปะทะกับอกกว้างพร้อมออกแรงบีบราวต้องการให้เจ็บปวด
ฟากพริมรตาออกแรงดิ้น อย่างไรก็ต้องสู้จะไม่ยอมตายเพราะน้ำมือเขาแน่นอน พลางสะบัดตัวหมายจะให้ออกห่าง ปากก็ส่งเสียงบอก
“ปล่อยนะ ปล่อยพริม” น้ำตาเม็ดโป้งเอ่อล้นแล้วร่วงเผาะลงมา หญิงสาวไม่รู้เลยว่าชาติที่แล้วทำเวรทำกรรมอันใดไว้ชาตินี้ถึงต้องมาเจอกับความโชคร้าย
“น้ำตาไม่ได้ผลกับฉันแน่ หรือต่อให้เธอร้องไห้จนสลบไป เพลิง สิงหราชก็ยังยืนยันว่าจะทำให้เธอแหลกคามือบนเตียงนี้”
ประโยคพ้นออกจากปากของเจ้าชีวิตทำให้ร่างเล็กแทบอยากหยุดหายใจ ทุกอย่างราวเคลื่อนไหวช้าลง ไยเธอถึงต้องมาถูกทำลายด้วยฝีมือของคนที่รักที่สุด แววตาสุขุมลุ่มลึกจะไม่มีวันได้เห็นอีกแล้วใช่ไหม
ดวงหน้าสวยเงยขึ้นมองชายซึ่งไร้หัวใจ สายตาบอกอาการตัดพ้อและปวดร้าว ทว่าเพลิงไม่ลดราความโกรธและอยากจะเอาคืน
“คนใจร้าย” เธออดที่จะบริภาษเพลิงไม่ได้เมื่อเขาเปรียบเสมือนอัศวินขี่ม้าขาวมาเกือบทั้งชีวิต ทว่าในวันหนึ่งกลับสำแดงตัวว่าเป็นอสูร โดยพร้อมจะลงมือเข่นฆ่าได้ทุกเวลา
“ฉันจะร้ายและทำให้เธอเจ็บเหมือนกับตกนรกทั้งเป็นเลยละพริมรตา” เสียงพร่าดูหมิ่น จากนั้นจับร่างเล็กโยนลงไปกลางเตียง ในเสี้ยวนาทีกระตุกยิ้มร้ายยามเห็นลำตัวบอบบางสั่นเทิ้ม ทว่าเพียงเท่านี้ยังไม่สาแก่ใจจึงกระโจนร่างตามขึ้นไป
กายกำยำคร่อมกายบอบบางไว้ นัยน์ตาราวมีลูกไฟบรรจุอยู่ ที่ผ่านมาไม่เคยคิดว่าเด็กในปกครองจะหักหลัง ไม่เคยเชื่อในคำเตือนของภรรยาสักนิด จนสุดท้ายมาโดนแว้งกัดจึงแจ้งประจักษ์และต่อให้เจ้าหล่อนร้องไห้จนน้ำตาเปียกชุ่มหมอนก็จะไม่มีความเห็นใจจากเขาแน่นอน
มือแกร่งเลื่อนไปเชยคางมนขึ้นแล้วบีบต้องการให้คนทรยศเห็นว่านับจากนี้ไป ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เจ้าหล่อนทำกับตนไว้อย่างไรจะเอาคืนอย่างถึงที่สุด ไม่สนใจว่าหญิงสาวตรงหน้าจะมีบางคนหนุนหลังอยู่
“ปล่อยพริม”
พริมรตาร้องบอกเสียงสั่นเอาเข้าจริงเธอเองกลัวไม่น้อย ความเข้มแข็งลดฮวบแทบเหลือศูนย์ ข้อมือพยายามบิดออกจากพันธนาการ แม้เขาใช้มือแค่ข้างเดียวยังมีเรี่ยวแรงมากกว่าเธอหลายเท่า จนเรียวปากกัดเม้มกันยามได้ยินถ้อยคำจากปากหนา
“เตรียมตัวไปทัวร์นรกกันได้เลยพริมรตา”
มือหนักเริ่มปฏิบัติการทันทีด้วยการสอดเข้าไปในเสื้อตัวบาง ขณะพริมรตาพยายามขยับตัวหนี เธอจะไม่ยอมตกอยู่ในสภาพน่าเวทนา จะไม่ให้เขาทำลายเป็นอันขาดพลางดิ้นรนขัดขืนให้พ้นร่างมารร้าย
เพลิงไม่กล่าววาจาใดๆ อีก นอกจากเหยียดยิ้มแล้วแสดงให้รู้ว่า ‘เขาเอาจริง’ ถ้าพริมรตาไม่แหลกคามืออย่ามาเรียกเขาว่าเพลิง สิงหราช
ตลอดระยะเวลาซึ่งหญิงสาวอยู่ภายใต้การปกครอง เขามีแต่ความเอ็นดูและเมตตามอบให้ แต่กลับถูกหักหลังอย่างแสบสัน ก่อนโครงหน้าคร้ามคมจะเลื่อนไปใกล้ดวงหน้าสวยแล้วกระแทกจูบลงไปเพื่อสั่งสอน รสจูบช่างดุดันและกระด้าง ไร้ความอ่อนโยน
“อือ...อ่อยนะ” คนตัวเล็กที่ไม่ประสาในเรื่องนี้ร้องประท้วงออกมาเสียงดัง สองมือออกแรงทุบตีและข่วนแผ่นหลังกว้าง ทว่าทำอย่างไรชายตัวโตก็ไม่ขยับถอยห่าง จนเจ้าหล่อนเริ่มใจเสียมากขึ้น
เพียงชั่วพริบตาน้ำตาใสๆ ก็รินไหลหนักกว่าเดิมยามเธอตกอยู่ใต้อำนาจของเพลิงอย่างหมดทางสู้ เรี่ยวแรงน้อยนิดจะไปต่อกรท่อนแขนกำยำที่บึกบึนได้อย่างไร แต่สองมือยังไม่วายออกแรงทุบอกกว้าง ฝ่ายคนตัวโตหัวเราะสะใจในลำคอพลางถอยร่างออกห่าง
“คนเลว” ไม่เคยคิดมาก่อนว่า วันหนึ่งถ้อยคำนี้จะพ้นจากปากตรงไปต่อว่าชายที่เธอรัก
ส่วนคนฟังไหวไหล่ไม่ยี่หระ ไม่สนใจในความรู้สึกของพริมรตา จากนั้นไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกจากปากอิ่มอีกยามชายหนุ่มกระแทกริมฝีปากเพื่อลงทัณฑ์ ในครั้งนี้ไม่มีการร้องประท้วงเพราะสาวเจ้ารู้สึกเจ็บปลายเรียวปาก แถมยังชาหนึบ
เพลิงเดินหน้าต่อไม่หยุดยั้ง ความโกรธทำให้เขาไม่ทันคิดว่าสิ่งเหล่านี้ทำร้ายหัวใจดวงเล็กๆ ยิ่งนัก ดวงตาทั้งสองข้างมืดบอดกระทำลงไปตามอารมณ์และเป็นอีกครั้งที่เพลิงผละห่างจากร่างอรชรเพื่อจะโยนเสื้อทิ้ง พลางใช้สายตากวาดมองไปทั่วร่างอย่างเหยียดหยาม
หัวใจของร่างเล็กเจ็บจุกไปทั่ว เรี่ยวแรงแทบหมดสิ้น การโดนคนที่รักมองเช่นนี้ราวกับเอามีดมาปักกลางอก ก่อนเบ้ปากแล้วสะอื้นไห้อย่างหนัก กระนั้นไม่มีความเมตตาจากชายตรงหน้า เขาทำแค่ปรายตามอง อึดใจต่อมาก็ลงมือถอดเสื้อของเธอออก
สาวเจ้าคว้ามือแกร่งไว้แล้วส่ายหน้าไปมาเพื่อวอนขอให้เพลิงหยุด แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เมื่อไม่นานเสื้อของเธอก็ถูกกระชากอย่างแรงจนแทบฉีกขาดและนั่นทำให้ร่างบอบบางถึงกับสะดุ้งโหยง ส่วนคนโกรธแค้นมอบยิ้มร้ายกาจไปให้
‘ถึงเวลาแล้วพริมรตา’ ชายหนุ่มโน้มตัวไปกระซิบข้างหูสะอาด จากนั้นลุกขึ้นเพื่อจะถอดกางเกงออก ทว่ากลับมีหนึ่งสิ่งทำให้ต้องหงุดหงิด
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูทำให้เพลิงต้องเดินออกไปเปิด แต่ไม่ลืมส่งสายตาข่มขู่กับพริมรตา
“มีอะไร” เพลิงส่งเสียงถามทันทีเมื่อเห็นว่าลูกน้องมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง
“สมรรายงานว่าคุณตะวันกลับไปที่บ้านครับ คุณเพลิงจะกลับไปไหม” เขาคิดว่าเรื่องนี้คนเป็นนายคงอยากจะรับรู้ พลางทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกพร้อมรู้สึกสงสารคนในห้องนั้นเหลือประมาณ ทว่าไม่รู้จะยื่นมือเข้าไปช่วยได้อย่างไร
“กลับ” แทบไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะอย่างไรเรื่องของเพียงตะวันสำคัญกว่าพริมรตา เวลาแก้แค้นของเขายังมีอีกมาก เท้าขยับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบเสื้อแล้วเดินออกมาทันที
“เอ่อ...แล้ว” คนเป็นลูกน้องไม่ก้าวเท้าตาม เพราะคิดว่าเจ้านายหลงลืมใครอีกคนไป
“ฉันไม่สน”