ตอนที่ 4 กำแพงทิฐิ04

816 คำ
“พาผู้หญิงคนนี้ออกไปจากบ้านของฉัน” ความเข้มข้นในน้ำเสียงแสดงถึงความจริงจังและทันทีที่สิ้นประโยคอาชาหมุนตัวกลับเข้าบ้านไป ไม่แม้อยู่ฟังเสียงอ่อนๆ ของคนเป็นมารดาทำให้อารดาขยับตัวหมายจะเดินตาม ข้าวหอมจึงนำตัวไปขวาง “อย่าเพิ่มความเกลียดชังให้มากกว่านี้เลยนะคะ เท่านี้คุณใหญ่ก็แบกมันไว้จนแทบจะล้นบ่าแล้ว” หญิงสาวบอกเสียงอ่อน หวังว่าบุคคลตรงหน้าจะไม่เพิ่มเติมความทุกข์ให้คนตัวโต แต่มีหรือคนที่มีจิตใจอยากจะเอาแต่ชนะจะฟังยังขยับตัวหมายจะเดินเข้าไปและเหมือนการที่อาชาหลบเลี่ยงจะพบหน้า หล่อนก็ยิ่งวิ่งเข้าใส่ “ข้าวขอร้อง” ข้าวหอมยังยืนนิ่งเพื่อร้องขอ สงสารอาชาไม่น้อยกับการต้องกลับมาเผชิญหน้ากับสิ่งที่หวาดกลัวที่สุด โดยผู้หญิงตรงหน้าเปรียบเสมือนไฟ...ที่คอยแผดเผาให้ทุกคนต้องทุกข์ร้อน ก่อนสองมือน้อยๆ จะพนมขึ้นวอนขอ คนฟังขบฟันแน่น ทว่าก็ยอมล่าถอยไปเพราะยังมีเวลาอีกมาก ส่วนสาวเจ้ารีบพลิกตัวเดินเข้าไปในบ้านเพราะต้องการไปหาอาชา “คุณใหญ่คะ เปิดประตูให้ข้าวเข้าไปหน่อย” ข้าวหอมมาหยุดเท้าอยู่หน้าประตูห้องทำงานของคนตัวโต พยายามจะเข้าไปด้านใน แต่ประตูนั้นถูกล็อกเลยได้แต่ส่งเสียงเรียก ไร้เสียงตอบกลับมา ภายในห้องนั้นเงียบเชียบทำให้คนด้านนอกร้อนใจยิ่งนัก “คุณใหญ่” เจ้าของร่างอรชรยังไม่ลดละความพยายาม ออกแรงเคาะประตูห้องอีกหน ซึ่งคราวนี้มันได้ผลเพราะมีหนึ่งเสียงดุดันตอบกลับ “อย่ามายุ่งกับฉัน ไปให้พ้น” อาชาไม่ต้องการพบหน้าใครทั้งนั้น เขาต้องการอยู่ตามลำพังและไม่อยากให้ข้าวหอมเข้ามาเห็นความอ่อนแอ ถึงพยายามเข้มแข็ง อย่างไรรอยอดีตก็มีอานุภาพมากกว่าทำให้ย้อนกลับมาเล่นงานได้เสมอ ภาพต่างๆ ในอดีตย้ำเตือนให้เจ็บปวด เพียะ! เสียงเข็มขัดฟาดลงบนหลังยังกึกก้องอยู่ในหัว ความเจ็บยังแผ่ซ่านไปทั่วความรู้สึก จนทำให้เนื้อตัวสั่น “โธ่เว้ย” อยากจะสลัดความรู้สึกเหล่านั้นให้กระเด็นหายกลับไม่อาจทำ ยิ่งพยายามยิ่งตอกย้ำให้นึกกลัว กระทั่งมือแกร่งต้องทุบลงบนโต๊ะทำงาน จากนั้นกวาดของทุกอย่างลงพื้นราวกับคนขาดสติ อึดใจต่อมาลำตัวต้องงอและทรุดลงกับพื้น ภาพการถูกมารดาทำร้ายตีวนเข้ามาทำให้ชายหนุ่มเจ็บร้าวไปทั่วทรวง ไม่เข้าใจทำไมถึงต้องตีทั้งที่ตนนั้นยังไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งมันก็เป็นความบ้าคลั่งของผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อสามีไม่ให้ความสนใจ ส่วนคนด้านนอกพอได้ยินเสียงของจำนวนหนึ่งหล่นสู่พื้นทำให้ใจไม่สู้ดี นึกห่วงคนตัวโตมากเป็นทบทวี แม้เปลือกนอกอาชาจะค่อนข้างแข็งกระด้าง ภายในกลับอ่อนนิ่ม โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องของอารดาพลันถอยหลังออกห่างเมื่อความพยายามล้มเหลว สาวเจ้ารีบวิ่งลงไปด้านล่างเพื่อถามหากุญแจสำรองกับสายใจ ไม่นานก็รีบสืบเท้ากลับขึ้นมาอีก จากนั้นถือวิสาสะไขกุญแจเข้าไปแม้รู้ว่าเจ้าของห้องไม่ต้องการ “คุณใหญ่” ยามเห็นสามีทรุดตัวอยู่บนพื้น หญิงสาวก็รีบวิ่งเข้าไปโอบกอดแนบแน่น อยากให้ไออุ่นจากหล่อนช่วยให้เขาดีขึ้นและถึงบนกรอบหน้าคมจะไร้น้ำตา ข้าวหอมกลับสัมผัสได้ถึงอาการเจ็บ จากนั้นกลับถูกอาชาผลักให้ออกห่าง “อย่ามายุ่งกับฉันออกไป” เขาไม่ต้องการความสงสาร สองมือนั้นกำแน่นพยายามหักห้ามอาการที่เป็นอยู่ แล้วตวัดตาดุแก่คนที่วุ่นวาย “ข้าวเป็นห่วงคุณใหญ่” “ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดต้องให้เธอมาเป็นห่วง เก็บความห่วงใยของเธอไปซะ ฉันไม่ต้องการ” คนฟังถึงกับสะอึกแล้วใบหน้าที่พยายามส่งยิ้มให้เขาต้องเจื่อนลง ยิ่งเห็นสายตาตำหนิด้วยแล้วพานให้เศร้า พริบตาเดียวก็ถูกกำแพงใหญ่ขวางกั้น ชายหนุ่มสร้างมันขึ้นมากันข้าวหอม ตบท้ายด้วยการลุกหนีออกจากห้อง หญิงสาวทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ “ถึงคุณไม่ต้องการ แต่ข้าวเต็มใจจะให้สำหรับความห่วงใย” เมื่อตบแต่งมาเป็นภรรยาของอาชาแล้วเธอจะขอทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ สองขาเรียวเล็กยันตัวขึ้นแล้วปรายตามองไปรอบๆ ก่อนค่อยๆ ก้มลงเก็บข้าวของที่เกลื่อนพื้นเข้าที่เดิม รอยยิ้มจืดๆ ได้แต่งแต้มบนดวงหน้า ซึ่งหญิงสาวพยายามเข้มแข็งและอดทน ไม่ใช่เพราะบุญคุณจากอารัญเพียงอย่างเดียวหรอกที่ทำให้เธอนั้นยอมตอบตกลง แต่เพราะ‘อาชา’ ก็คือหนึ่งในเหตุผล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม