เช้าวันรุ่งขึ้นที่เจนสุดาตื่นขึ้นมาหลังจากนอนหลับไปตั้งแต่หัวค่ำโดยเธอก็ไม่รู้เลยว่าไคกลับเข้ามาและนอนหลับอยู่บนเก้าอี้หวายในห้องรับแขกตอนไหน
หญิงสาวกลับเข้าไปในห้อง อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่พามาด้วยแค่ชุดเดียว เป็นเสื้อยืดคอวีและกางเกงขากว้างแบบสบาย ๆ คล้ายกางเกงเลก่อนจะออกมาข้างนอกและพบว่าไคซึ่งสวมใส่กางเกงขายาวแบบสามส่วนและไม่สวมเสื้ออย่างเมื่อวานยืนรอเธออยู่ก่อนแล้วที่หน้าระเบียงบ้าน
“อรุณสวัสด์ครับ คุณเจน...เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมครับ?”
เขาถามอย่างอารมณ์ดี เจนสุดารู้สึกร้อนขึ้นมาที่ใบหน้าทั้งที่แดดยังส่องเข้ามาไม่ถึงบ้าน เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็ดูเขาซี ผู้ชายอะไรรูปร่างหน้าตาดีชะมัด แถมยังสวมกางเกงตัวเดียวอวดกล้ามหน้าอกและแขนล่ำทำให้หญิงสาวคิดว่าเธอกำลังยืนอยู่ต่อหน้าพระเอกในนิยายชวนฝันยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
“ค่ะ...สบายค่ะ” เธอตอบแล้วเสยผมยาวดำขลับที่พลิ้วไปตามแรงลม ท่าทางเหมือนเก้อเขินพลอยทำให้ไคมีสีหน้าเข้มขึ้นตามไปด้วย
“ผมดีใจนะครับที่คุณเจนนอนหลับสบายเมื่อคืนนี้ ผมคิดว่าคุณจะกลัวเสียอีกเพราะตอนผมกลับเข้ามาคุณก็เข้านอนแล้ว”
“เอ้อ...แล้ววันนี้ คุณจะพาฉันไปไหนบ้างคะ ไค?”
หญิงสาวถามขึ้นขณะพยายามคุมน้ำเสียงตัวเองเองให้มั่นคง น่าแปลกที่เมื่อพบเขาเป็นครั้งที่สองในเช้านี้เธอมีความรู้สึกที่เปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะไคทำให้เธอไว้วางใจและเธอก็คิดว่าเขามีความเป็นสุภาพบุรุษซึ่งก็เข้ากับบุคลิกตัวละครเอกของเธออีกจนได้
“ผมจะพาคุณเจนล่องเรือไปทะเลแถบนี้ แต่อาจจะไปไม่ไกลมาก ไม่ทราบว่าคุณเจนจะรีบกลับหรือเปล่าครับ?”
“จริง ๆ แล้วเจนไม่ได้วางแผนอะไรไว้ก่อนจะมาที่นี่หรอกนะคะ ถ้าที่เกาะมินดานี่มีอะไรที่น่าสนใจ เจนอาจจะขอพักอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวัน”
“กี่วันก็ได้ครับคุณเจน”
ไคพูดและเผลอมองหญิงสาวร่างบอบบางตรงหน้าด้วยประกายตาสีอำพันแกมน้ำเงินที่ส่องประกายระยิบระยับ เขาเผลอมองความงามอันเจิดจรัสของนักเขียนนิยายสาวตรงหน้าชั่วครู่ก่อนจะนึกอะไรได้และแสร้งทำเป็นมองออกไปยังท้องทะเลเบื้องนอก
“วันนี้คลื่นลมสงบ แดดสวยมาก เราไปกันเถอะครับ คุณเจน”
เจนสุดายิ้มรับและกระชับสายสะพายกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กที่เธอพกติดกระเป๋ามาด้วยก่อนเดินตามชายหนุ่มไปขึ้นเรือที่เกยตื้นอยู่บนชายหาด มันเป็นเรือหาปลาขนาดเล็กติดเครื่องยนต์ที่ท้ายเรือ ไม่มีหลังคาและเต็มไปด้วยอุปกรณ์หาปลาทั้งแห อวน คันเบ็ด ไคจัดข้าวของของเขาอย่างลวก ๆ ด้วยการแหวกอุปกรณ์พวกนั้นออกไปให้มีที่พอสำหรับแขกสาวของเขานั่งอย่างสบาย
“เรือหาปลาก็อย่างนี้ รกหน่อยนะครับ”
เขากล่าวยิ้ม ๆ แต่เป็นรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ที่ยังความประทับใจแก่หญิงสาวและทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว ไคคงจะเป็นชาวประมงที่หล่อที่สุดเท่าที่เธอเคยพบมากระมัง ผิวสีแทนหยาบกร้านของเขาสะท้อนแสงแดดเป็นมันวาว แต่สีผิวบนเรือนร่างกำยำกลับดูเรียบสม่ำเสมอไม่กระดำกระด่างอย่างคนกรำงานแดดทั่วไป
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...อุ๊ย!”
“คุณเจน ระวังครับ!”
ชายหนุ่มอุทานออกมาพร้อมทั้งรั้งร่างบางที่กำลังจะเซล้มเพราะเรือโคลงเคลงไปตามแรงคลื่นไว้ได้พอดี อารามตกใจทำให้เขากอดเธอไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว
“ไม่เป็นไรนะครับคุณเจน?” เขาถามและสบสายตาที่คลายความตื่นตระหนกของหญิงสาวในอ้อมแขน เจนสุดาจ้องนัยน์ตาสีอำพันแกมน้ำเงินคู่นั้นและรู้สึกถึงเสียงหัวใจที่กำลังเต้นผิดจังหวะ
“มะ...ไม่ค่ะ...เจน...ไม่เป็นไรค่ะ”
เธอรู้สึกอยากจะกอดเขาตอบ...คิดบ้า ๆ อะไรอย่างนั้นนะเจนสุดา หญิงสาวอยากจะหยิกตัวเองให้ตื่นจากความเพ้อฝัน เธอเห็นเขาเป็นพระเอกในนิยายโรมานซ์ของเธอหรือยังไงกัน
“เจนไม่เป็นอะไรหรอกนะคะ ปละ...ปล่อยเจนเถอะค่ะ”
บทที่ 4
ไคจำต้องปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระจากวงแขนหนาใหญ่ขณะที่ยังมองร่างเล็กซึ่งค่อย ๆ หย่อนตัวลงนั่งหันหน้ามาทางเขาไม่ยอมวางตา ร่างของเจนสุดานุ่มนิ่มจนเขาแทบไม่อยากคลายวงแขนจากความบอบบางและอ่อนหวานนั้นเลย
เมื่อกี๊เขาเห็นริมฝีปากอิ่มสวยจิ้มลิ้มของเธอสั่นระริก เจนสุดาคงกลัวจนเผลอเผยอปากออก ริมฝีปากสีชมพูของเธอแวววาวน่ามอง มันเป็นรูปกระจับอิ่มนุ่มจนเขาอยากจะ...
ไคยังได้กลิ่นบางอย่างที่อวลไอออกมาจากตัวเธอเมื่อครู่ มันเป็นกลิ่นอ่อน ๆ ของแพชชูลี่และวานิลลา กลิ่นน้ำหอมนั่นอาจกำจายออกมาจากเรือนผมของเธอ ลำคอระหง หรือไม่ก็อาจจะเป็นเรือนร่างของเธอก็เป็นได้
“เกาะแถบนี้จะล้มรอบด้วยเขาหินปูนครับคุณเจน”
ชายหนุ่มอธิบายด้วยเสียงดังแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ขณะแล่นเรือห่างออกมาจากฝั่งและมุ่งหน้าเข้าไปยังแนวเขาที่เสียดยอดขึ้นไปสู่ท้องฟ้าสีครามเบื้องหน้า
“ดูนั่นซีครับ” เขาชี้ให้หญิงสาวมองไปยังสันทรายที่ทอดยาวอยู่กลางทะเล เจนสุดาย่นคิ้วเข้าหากัน เธอไม่เคยเห็นอะไรอย่างนั้นมาก่อน