ตอนที่ 8 คำเตือน

1887 คำ
ตอนที่ 8 คำเตือน “เข้” “ครับ พี่เข้” หลังจากอีวาน โดนผมหยิกจนเนื้อเขียวไปหลายจุด เพราะพูดไม่เพราะจนทำให้ลูกชายวัยกำลังหัดพูด หัดจำ พูดตาม คนที่มักติดนิสัยพูดคำหยาบและสบถทุกครั้งเวลาลืมตัว ดูทำท่าเหมือนจะเข้าใจถึงผลเสียที่อาจจะมีต่อลูกเล็ก เพราะหลังจากนั้นมาอีวานระมัดระวังคำพูดมากขึ้นในทันที “อ้ามมมม” นมขวดเล็กถูกแขนสั้นชูขึ้นไป จุกนมซิลิโคนใสจิ้มลงไปชิดติดบานกระจก ซึ่งอีกด้านมีจระเข้ยักษ์ตัวใหญ่ ว่ายน้ำแยกเขี้ยวพุ่งเข้ามา เหมือนต้องการอยากหยอกล้อเล่นกับมนุษย์ตัวเล็ก "อ้ามมม" “ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่เข้ไม่กินนมหรอกลูก” อีวานอุ้มลูกชายขยับเข้าไปชี้ชวนให้ดูสัตว์เลี้ยงแสนรักของตัวเอง “หม่ำ หม่ำ” ขวดนมเคาะลงไปบนกระจก เหมือนขัดใจที่จระเข้ไม่ยอมอ้าปากงับจุกนมเสียที “พี่เข้ไม่หม่ำหรอกลูก เพราะอันนี้เป็นนมของคาลวิน” ผมขยับเข้าไปโอบกอดลูกชายซ้อนท่อนแขนใหญ่ของอดีตสามี นิ้วชี้แตะลงบนหน้าอกเล็กเพื่อให้ลูกจำชื่อตัวเอง “วิ่น” ดวงตาคู่เล็กละจากจระเข้ยักษ์ หันกลับมามองพุงตัวเองแล้วชี้นิ้วพูดตาม “ใช่ครับ อันนี้นมของคาลวิน” แก้มหอมนุ่มฟู ถูกผมกับอีวานก้มลงไปจูบพร้อมๆ กัน “วิ่น” เจ้าตัวเล็กทวนซ้ำชื่อตัวเอง จนผมกับอีวานยิ้มหน้าบาน ภาคภูมิใจในพัฒนาการอันยอดเยี่ยมของลูก เห็นทีการกลับไปพบคุณหมอครั้งถัดไป ผมคงต้องเตรียมคำถาม ข้อสงสัยและวางแผนอะไรหลายอย่าง เพื่อส่งเสริมพัฒนาการที่ดีของคาลวิน ในเมื่อนมขวดนี้จระเข้หน้ากลัวไม่กินสักที คาลวินจึงอ้าปากงับจุกนมซิลิโคนนิ่มกระดกก้นขวดให้สูงขึ้นจากนั้นดูดจุ๊บ ๆ เอนหน้าพิงลงไปยังแผงอกอันแข็งแกร่งปลอดภัยของผู้เป็นพ่อ “ง่วงแล้วใช่มั้ยครับลูก ดูสิตาหวานเชียว ไปนอนกินนมกับแม่ดีกว่า” เมื่อสังเกตเห็นว่าดวงตากลมสดใสค่อยๆ ฉ่ำเยิ้ม เริ่มปรือลงเรื่อยๆ นาฬิกาภายในห้องนั้นบอกเวลาว่าจวนถึงเวลาเข้านอนของเด็กน้อย ผมยื่นมือออกไปหวังให้ลูกชายย้ายจากอ้อมกอดของพ่อมาสู่อ้อมอกของแม่ “อื้อ วานนนน” ลูกชายของผมจับขวดนมแน่นพร้อมกับส่ายหน้าไปมา แขนขาตะเกียกตะกายพยายามซุกเข้าไปหาพ่อเหมือนกลัวว่าผมจะอุ้มกลับไปนอน “พ่อ..คาลวินต้องเรียก พ่อนะครับ” ปลายนิ้วดีดแตะจมูกโด่งเล็ก หน้ากลมยังส่ายสะบัดไปมาทำท่าปฏิเสธ “หม่ำ หม่ำ” ขวดนมสีขาวถูกยกสูงขึ้นไปจ่อริมฝีปากหยัก "ให้พ่อกินเหรอลูก" "หม่ำ หม่ำ" จุกนมนิ่มๆ นั้นถูกยัดเข้าไปในปากของคนเป็นพ่อ “อื้อ อันนี้พ่อไม่ชอบกินลูก” “หม่ำ!” เสียงแหลมโวยวายเสียงดังเมื่อถูกพ่อปฏิเสธ นิ้วเล็กล้วงผ่านเข้าไปในปาก พยายามง้างงัดให้พ่อรับจุกนมเข้าไปดูด “อันนี้ของคาลวินลูก ส่วนพ่อเดี๋ยวไปกินนมแม่” ไอ้คนหื่นหันมาขยิบตาใส่ผม “แม่...” เสียงเล็กลากยาวพูดตาม “ครับ คาลวินกินนมได้แล้วนะลูก เดี๋ยวเราไปนอนกัน” ผมสอดแขนเข้าไปใต้รักแร้เล็ก อุ้มลูกคืนกลับมาจากอีวาน เพราะเห็นว่าคาลวินง่วงมากแล้ว “จริงสิจีน เดือนหน้าคาลวินจะครบหนึ่งขวบ ฉันตั้งใจจะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ” อีวานประคองลูกส่งคืนให้ผม แต่ยังคงสวมกอดเรา สองแม่ลูกไว้ไม่ยอมปล่อย “หมายความว่า ญาติๆ ของคุณจะยกโขยงกันมาที่บ้านหลังนี้อีกแล้ว อย่างนั้นเหรอครับ” “จัดงานที่นี่ มันปลอดภัยสำหรับคาลวิน และฉันคิดว่าการจัดงานที่บ้านมันจะทำให้นายเป็นห่วง เป็นกังวลน้อยลง อีกอย่างต่อให้คนพวกนั้นยกโขยงกันมามากแค่ไหน นายก็ไม่เคยกลัวอยู่แล้วนี่จริงมั้ย” "คุณนี่ไม่เคยเว้นช่วงเวลาสงบให้ผมได้ใช้ชีวิตสบายๆ เลยนะ" ผมตวัดหางตาขึ้นไปมองขวาง "ฉันอายุสี่สิบห้าปี รู้อะไรมั้ยจีน...สองปีที่มีนายอยู่ด้วย มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด สงบสุขที่สุดและมีความสุขที่สุดของฉัน" "ฮึคุณนี่มัน..." ระหว่างที่เราคุยกัน แขกไม่ได้รับเชิญของบ้านสองคน เดินผ่านเข้าประตูมา สายตาของครูซดูตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยกับตู้กระจกสำหรับสัตว์เลี้ยงตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานของอีวาน “น่าทึ่งดีนะครับ ผมเคยได้ยินว่าคุณอีวาน เป็นคนมีรสนิยม วันนี้ได้มาเห็นกับตาแล้ว...ยอดเยี่ยมจริงๆ” “รสนิยมดีหมด ยกเว้นการเลือก...” เฮมิช ญาติผู้น้องเจ้าของปากไม่มีหูรูดกระตุกยิ้มทุเรศมาทางผม “เฮมิช นายเข้ามาในห้องทำงานของฉัน มีธุระอะไรอย่างนั้นเหรอ” อีวานคลายอ้อมแขนออกจากลูกชาย ฝ่ามือตบลงบนแผ่นหลังอ้วนกลมของเด็กง่วงนอนเบาๆ คาลวินถึงแม้จะติดพ่อมากแค่ไหนแต่ถ้าลงได้ง่วงนอนเมื่อไหร่ ยังไงก็ต้องกลับมาหาแม่ ศีรษะเล็กเอียงลงมาซุกซอกคอ มือจับขวดนมยกสูงเพื่อให้น้ำนมไหลสะดวก “ฉันกับครูซ ตั้งใจจะมาชวนนายดื่มด้วยกัน แล้วก็อยากปรึกษาหารือเรื่องที่จะไปดูโรงงานเบียร์วันพรุ่งนี้ด้วย” เฮมิซยกขวดบรั่นดีในมือ แล้วเดินมาข้างหน้าก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะทำงานข้างของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กสีสันสดใส “ฮึ” ผมเผลอหลุดหัวเราะออกมา เพราะรู้ว่าไอ้บรั่นดีขวดนั้นมันก็แค่ข้ออ้าง “นายหัวเราะอะไร” “ทำไมเหรอ การที่ผมหัวเราะ...มันสร้างความเจ็บปวดอะไรให้คุณ อย่างนั้นเหรอ เฮมิช” ผมหันหน้ายิ้มขบขันกลับไปมองผู้ชายทั้งสอง “คนอย่างนาย จะไปรู้เรื่องธุรกิจอะไร...” “นั่นสินะ ผมจะไปรู้เรื่องธุรกิจ....ของพวกคุณได้ยังไง” รอยยิ้มอย่างคนรู้ทัน ถูกผมอมไว้จนเต็มแก้ม ก่อนจะเลือกหันหน้าไปหาคนที่คิดว่าผม...โง่ หลังฉากโรงงานผลิตเบียร์ขนาดใหญ่ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ ใต้พรมปูพื้นที่เรียกว่าธุรกิจ มีอำนาจมืดจากธุรกิจสีเทาหม่นของตระกูลนี้ซุกซ่อนอยู่ สมัยตอนอยู่เมืองไทยผมทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายติดต่อประสานงานต่างประเทศ เพื่อนำเข้าและส่งออกสินค้าจำนวนมากมายหลายร้อย หลายพันรายการจากทุกทวีปทั่วโลก หนึ่งในประเทศที่ติดต่อทำการค้าด้วย คือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอีวานนั่งแท่นเป็นผู้บริหาร แต่ตอนนั้นเราสองคนยังไม่รู้จักกันและผมคิดว่ามันไม่มีความจำเป็นอะไรในการรื้อฟื้นอดีต จนกระทั่งเมื่อแต่งงานและเข้ามาทำหน้าที่เมีย ผมมีโอกาสรับรู้ รับฟัง ได้เห็นอะไรหลายอย่าง และเริ่มปะติดปะต่อจิ๊กซอว์สีเทาหม่นของตระกูลนี้ทีละชิ้น ๆ ผมเลือกที่จะไม่เอาตัวเองเข้าไปก้าวก่าย ข้องเกี่ยวกับเรื่องไม่สะอาดเหล่านั้น แสร้งทำเอาหูไปนา เอาตาไปมองทางอื่นเพื่อชีวิตอันราบรื่นเงียบสงบในประเทศที่ผมเหมือนอยู่ตัวคนเดียวตลอดสองปีที่ผ่าน “.............” คนชื่อครูซขยับหัวคิ้วเข้าหากัน ตอนที่สบตากับผม ดูท่าทางผู้ชายคนนี้น่าจะฉลาดกว่าเฮมิช “จีน...นายมันก็แค่เมียเก่า ที่อีวานเก็บไว้ให้ช่วยเลี้ยงลูกเท่านั้น” “รู้อะไรมั้ยเฮมิช ผมไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ที่ได้ยินคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากเน่าๆ ของคุณ...” “นี่นาย...” “เพราะนี่....ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ผมเห็นโพลงกลวงว่างเปล่า โบ๋เบ๋ ของกะโหลกอันไร้สมองของคุณ” ผมพูดไปยิ้มไปเพราะรู้ว่าลูกชายกำลังนอนจ้องหน้า จำสำเนียงเสียงอันเกิดจากปากที่ขยับขึ้นลงของผมอยู่ “จีน!” หน้าแดงเพราะความโกรธ ดวงตาโปนปูดถลนมองผมเหมือนอยากขย้ำ หากไม่ติดว่าตอนนี้ลูกชายของผมกำลังฝึกหัด ฝึกจำคำพูดและการกระทำของผู้ใหญ่ ผมจะใส่อารมณ์ให้รุนแรงเหมือนไฟบรรลัยกัลป์ทีเดียว “คาลวิน เรากลับห้องไปนอนกันดีกว่าลูก” ผมก้มลงยิ้มอ่อนโยนจูบหน้าผากเล็กของลูกชายเบาๆ ผมไม่ได้ต้องการจะรักษามารยาทอะไรนักหรอก แต่รำคาญสายตาคน อีกอย่างผมไม่อยากให้ลูกอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ คาลวิน กำลังฝึกที่จะเรียนรู้และจดจำ ผมกลัวว่าการพูดคุยของพวกผู้ใหญ่ จะทำให้ลูกของผมจดจำในสิ่งที่ไม่ดี ไม่เหมาะสม “เดี๋ยวฉันตามไป” อีวานเกี่ยวแขนรั้งเอวผมเข้าไปแล้วจูบซ้ำ “แน่ใจเหรอว่าจะไม่...ติดพัน คุยงานกันจนดึกดื่น” “บังเอิญว่า...ฉันติดเมียมากกว่า ดังนั้นต่อให้ติดพันงานอะไร ฉันก็ต้องกลับไปหาเมียกับลูก” “ฮึ...คืนนี้ ผมมีจีสตริงตัวใหม่มาอวดนะ” ผมเขย่งปลายเท้าเอาปากไปกระซิบข้างหู “เดี๋ยวจะรีบไปดู...จุ๊บ” อีวานแตะจูบลงมาตรงซอกคอ แล้วกระซิบตอบผมเบาๆ “ราตรีสวัสดิ์” ผมอุ้มลูกเดินกลับมากล่าวทักทายแขกสองคนจากนั้นเดินกลับมายังห้องนอนลูกซึ่งอยู่ถัดไปอีกด้านของบ้านหลังใหญ่ ลูกชายวัยสิบเอ็ดเดือนของผมหลับปุ๋ยไปได้สักพักแล้ว ตอนที่อีวานเปิดประตูห้องนอนเข้ามา มาเฟียติดลูกเดินเข้ามาชะโงกหน้าอย่างเสียดาย จากนั้นจึงเปลี่ยนย้ายคลานขึ้นมานอนบนเตียงของผมแทน “นึกว่าจะมาเร็วกว่านี้ซะอีก” “โกรธอีกแล้วเหรอ...” มุมปากยกขยับพร้อมแววตาเปล่งประกายแวววาว “ผมไม่ชอบคนผิดเวลา...คุณเองน่าจะรู้ดี” มือขยุ้มดึงเส้นผมหยาบของอดีตสามี “สายห้านาทีเท่านั้นเอง” “นาทีเดียวก็ถือว่าสาย” “อ๊า...ฉันทำให้นายโกรธอีกแล้ว อย่างนี้ก็ต้อง....ง้อสินะ ไหนขอดูจีสตริงตัวใหม่หน่อยสิที่รัก” อีวานขยับเปลี่ยนท่าขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนตัวผม ยิ้มเจ้าเล่ห์สว่างวาบขึ้นมาบนใบหน้าคม “ลูกเพิ่งหลับไป” “ถ้าอย่างนั้น ย้ายไปห้องโน้นดีมั้ย” “ไม่...ผมห่วงลูก ตอนนี้บ้านหลังนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับลูกผม เพราะมีอีแร้งสองตัวบินเข้ามาเกาะหลังคาอาศัยอยู่ ผมไม่มีวันปล่อยให้ลูกชายคลาดสายตาแน่นอน” ผมตวัดขาพาดข้อเท้าลงไปบนบ่าสูง หลังเท้าขยับลูบคลอเคลียเกลี่ยท้ายทอยส่วนไรผมของอีวานเล่น นิ้วเท้าเลื่อนลงไปคีบบิดติ่งหูนิ่มอย่างมันเขี้ยว “ฉันรู้ว่านายกังวล” “ผมบอกคุณเอาไว้ก่อนนะอีวาน ถ้าใครบังอาจแตะต้องลูกชายผมแม้แต่ปลายเล็บ คุณเตรียมตามเก็บเศษเนื้อญาติคุณ...ในบ่อจระเข้ได้เลย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม