ตอนที่ 5 คำขอโทษ
“โอ้...”
ตุบ! ลูกชายวัยหกเดือนตัวอ้วนกลมกำลังซน คลานหล่นหัวทิ่มตีลังกาตกลงมาจากเตียงเสียงดังตุบ
“ไอ้อีวาน ลูกกู!”
พลั่ก โดยอัตโนมัติขาของผมเหมือนมีสปริงดีดออกไป เตะถูกหัวไหล่ไอ้มาเฟียสะเพร่า ที่ปล่อยให้ลูกของเราคลานกลิ้งจนตกเตียง โชคดีก่อนหน้านี้ทั้งผม ทั้งพี่เลี้ยงและพยาบาลพิเศษสั่งให้คนเตรียมเอาฟูก อย่างหนาเนื้อนุ่ม มาปูรองเอาไว้โดยรอบเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อนแล้วก็อย่างที่คิดคือเจ้าตัวแสบคลานเร็วอย่างกับลิง เสียงหัวเราะชอบใจ ของลูกชายตอนที่กระดกก้นลุกขึ้นมานั่งได้นั้นไม่ได้ช่วยทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น
“เวรเอ๊ยยยย....นายเตะฉันทำไมเนี่ย” อีวานนั่งทำหน้าบึ้งมองผมตาเขียว
“ถ้าไม่มีปัญญาดูลูก ก็ไม่ต้องมาเลี้ยงลูกไสหัวออกไปจากห้องนี้เลย”
“นายก็เห็นอยู่ว่าคาลวินชอบเล่นอะไรแบบนี้ ฉันจับเขาขึ้นมาเป็นรอบที่สิบแล้ว เจ้าตัวดีก็คลานหนี แกล้งทำให้ตัวเองร่วงลงไปอีก แล้วข้างล่างนั่นเบาะหนาเป็นฟุตนายจะกลัวอะไร”
เรื่องที่ลูกผมชอบเล่นโลดโผนโจนทะยาน ตั้งแต่หัวเท่ากำปั้นนั้น ผมเองก็รู้อยู่เต็มอก จะโทษใครถ้าไม่ใช่พ่อมัน ไอ้อีวานที่พาลูกเล่นแต่ละอย่างหากิจกรรมเหมือนคนปกติไม่มีเลย
“เอ๋” เจ้าตัวป่วนคลานต้วมเตี้ยมลุกขึ้นมาเกาะขอบเตียง ยืนเอียงคอมองผมกับผัวทะเลาะกัน
“เราน่ะตัวดีเลย แม่เตะพ่อดังป้าบเลยเนี่ย...เวรเอ๊ย”
“เอ๊ยยยย” เสียงเล็กเลียนแบบคำพูดพ่อ
“ใช่...เวรเอ๊ย”
“เข้ากันดีจังนะ มานี่ลูกไม่ต้องไปเล่นกับมัน”
ผมยื่นแขนออกไปหวังให้ลูกชายโผเข้ามาหา แต่เปล่าเลยลูกน้อยติดพ่อร้องกรี๊ดด้วยท่าทีกระดี้กระด๊ายกขาสั้นๆ ทำท่าจะปีนกลับขึ้นเตียงไปหาพ่อเสียอย่างนั้น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า มาหาพ่อดีกว่าใช่มั้ยลูก ต้องอย่างนี้สิคาลวินลูกรักของพ่อ”
“เอ๋” เจ้าตัวแสบมุดหัวเข้าไปใต้ซอกรักแร้พ่อ ก่อนจะก้มลอดหว่างขามาร้องจ๊ะเอ๋กับผม
มันน่าน้อยใจก็ตรงนี้แหละ ผมสู้อุตส่าห์อุ้มท้องตั้ง 8 เดือน แต่ลูกชายของผม นอกจากหน้าจะเหมือนพ่อมันอย่างกับถอดแบบกันมา สิ่งที่ทำให้ผมหนักใจที่สุดในเวลานี้ คือคาลวินติดพ่อมาก และนั่นแหละ เป็นสาเหตุทำให้อีวานปีกกล้าขาแข็งกับผมมากขึ้นทุกวัน
“ตกลงว่าจะอยู่กับอีวาน ไม่มาหาแม่แน่นะ” ผมยกมือขึ้นมากอดอกมองลูกชายพร้อมกับทำท่างอน
“เอ๊ย” มือเล็กเกาะแขนพ่อพร้อมกับค่อยๆ ก้าวไปหลบอยู่ด้านหลัง ตาโตเอียงมองพร้อมกับยิ้มเหมือนอยากชวนผมให้เล่นด้วย
“ถ้าอยู่กับอีวาน อย่างนั้นนมนี่แม่เอาไปเก็บนะ” ผมชูขวดนมขึ้นมาเขย่าเบาๆ เท่านั้นเองเจ้าลูกชายถึงได้ตาลีตาเหลือกล้มตัวลงแล้วรีบคลานเข้ามาหา
“ไม่อยู่กับอีวานแล้วเหรอ”
“หม่ำ หม่ำ หม่ำ”
“ว่ายังไงครับ หม่ำมั้ย”
“หม่ำ หม่ำ...” แขนสั้นยื่นชูขึ้นมาพร้อมขาอ้วนเป็นมัดๆ พยายามลุกขึ้นยืน
“หม่ำก็ต้องไปกับแม่นะ”
“หม่ำ..หม่ำ”
“อย่านอกใจแม่เข้าใจมั้ย ไม่อย่างนั้นไม่ได้หม่ำๆ นมนะ” ผมยกคิ้วกระตุก 2-3 ที เยาะเย้ยอีวาน จากนั้นก้มลงไปอุ้มเจ้าอ้วนขึ้นมาแล้วพาไปนอนลงยังเบาะนอนประจำ
“เฮอะ รอให้โตกว่านี้อีกหน่อย นมก็ไม่สำคัญแล้ว”
“จีน อาทิตย์หน้าเป็นวันเกิดของคุณปู่ ท่านให้ฉันมาชวนนาย แล้วก็ให้พาคาลวินไปร่วมงานวันเกิดของท่าน” สามีนอนเปลือยกายกอดผมไว้ภายใต้ผ้าห่มอุ่น
“งานวันเกิดของปู่คุณ เท่ากับญาติทุกคนจะไปรวมตัวกันที่นั่น ใช่หรือเปล่า” ผมนอนอยู่ตรงกลางระหว่างซอกแขน ขยับเปลือกตายกขึ้นมามองหัวผมแข็งของผัวเก่า
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้น ผมไม่ไป…”
“ทำไม?” อีวานขยับตัวเล็กหน่อยพร้อมกับก้มหน้าช้อนสายตาลงมามอง
“เพราะผมไม่อยากไปทะเลาะกับญาติของคุณ เหมือนครั้งที่ผ่านมา”
ตั้งแต่งานเฉลิมฉลองวันครบรอบหนึ่งเดือนของคาลวิน แล้วผมอาละวาดต่อยหน้าญาติผู้น้องของอีวาน ผมก็กลายเป็นคนอันธพาลในสายตาผู้คน แต่ผมไม่สนสักนิด ที่ผมยังทนอยู่รัสเซีย โดยไม่กระเสือกกระสนดิ้นรนหาทางกลับเมืองไทย ก็ไม่ใช่เพราะผมยังรักใคร่หรือห่วงหาอาลัยในตำแหน่งเมียมาเฟียงี่เง่านี่ แต่เพราะเห็นว่าคาลวินยังเล็กมาก และยังจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลใกล้ชิดของคุณหมอเด็ก และข้อขัดแย้งใหญ่หลวงนั่นคือไอ้อีวานมันไม่ยอมเซ็นยินยอมในเอกสารเพื่อให้ผมพาลูกกลับไปง่ายๆ ผมจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ต่อไป
“แต่งานนี้ลูกหลานทุกคน ต้องไปรวมตัวกันเพื่ออวยพรคุณปู่”
“คุณลืมอะไรไปหรือเปล่าครับ ผมไม่ใช่ญาติของพวกคุณ ผมเป็นแค่เมียเก่า เราหย่ากันแล้ว ญาติของคุณเขาก็รับรู้กันทุกคนนี่ ดังนั้นตอนนี้เท่ากับผมเป็นคนนอก ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปที่นั่น” ผมดึงตัวเองออกมาจากอ้อมแขนแล้วกลับไปนอนยังหมอนหนุนของตัวเอง
“แต่ยังไง นายก็ชื่อว่าเป็นแม่ของคาลวิน แล้วคุณปู่ท่านก็คงไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเกี่ยวกับเรื่องนั้น ท่านอยากเจอคาลวิน ท่านคิดถึงเหลน” น้ำเสียงนั้นเริ่มแข็งขึ้นตามระดับอารมณ์
“ผมไม่อนุญาต”
“จีน มีเหตุผลหน่อยสิ”
“ผมก็มีเหตุผลอยู่นี่ไง จำไม่ได้เหรอครั้งก่อนคนพวกนั้นพูดถึงผม พูดถึงลูกผมยังไง ผมไม่มีวันยอมให้ลูกชายของผมเข้าไปอยู่ในวงล้อมของพวกผู้ดีจอมปลอม...อีวาน ตั้งแต่วันที่เราเจอกัน ผมรู้...ว่านี่จะเป็นหนึ่งในหลายๆ ปัญหาที่ผมต้องเจอ ความต่างชั้นทางฐานะและสังคม นั่นถึงเป็นสาเหตุที่ผมพยายามไม่เข้าไปก้าวก่ายทั้งงาน ทั้งเงินของคุณ”
“คนพวกนั้นเขาแค่ไม่รู้...”
“ไม่รู้...กับไม่มีมารยาท มันต่างกันนะอีวาน”
“ถ้านายไม่อยากไป ฉันจะไม่บังคับ แต่คาลวินต้องไป...” เสียงของอีวานเริ่มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ผมอยู่กับอีวานมานานจนรู้ว่าเมื่อคนเอาแต่ใจไม่ได้อะไรอย่างที่ต้องการ เขาจะแสดงอาการอย่างไร
“ถ้าผมไม่ไป คาลวินก็ไปไม่ได้” ผมลุกขึ้นสะบัดผ้าห่มออกไป จากนั้นก้มเก็บเสื้อกางเกงขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็วเพราะรู้ว่าอีกไม่นานเราสองคนจะกลับเข้าโหมดทะเลาะกันบ้านแตกอีกครั้ง
“จีน..แต่คุณปู่คิดถึงคาลวิน”
“ถ้าเขาคิดถึง ก็ให้เขามาหาคาลวินที่นี่ ไม่ว่ายังไง...ผมไม่อนุญาตให้คุณพาลูกของผมไปไหนทั้งนั้น” ผมชิงเดินหนีเพื่อกลับไปนอนกับลูกเพราะไม่อยากอยู่ต่อให้เราต้องทะเลาะกันหนัก
“เวร เอ๊ย!” มาเฟียถูกขัดใจร้องสบถคำเคยชินออกมาเสียงดังไล่ตามหลังมา
“อีวานนนนน!!!”
ผัวเก่าเอาแต่ใจอาศัยช่วงเวลาที่ผมเผลอ แอบขโมยลูกใส่รถ เพื่อไปร่วมงานวันเกิดของคุณปู่ เป็นเหตุให้ผมต้องกระโจนขึ้นรถ แล้วบึ่งออกจากบ้านมาทันทีที่รู้ว่าลูกหาย
ผมมาถึงงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบแปดสิบปี ของอดีตมาเฟียรุ่นใหญ่ ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของประเทศรัสเซีย ก่อนจะปลดระวาง ตัวเอง แล้วส่งต่ออำนาจนั้นให้กับลูกหลานในรุ่นถัดๆ มา
“คุณจีน!” บอดี้การ์ดสามคนที่ยืนเฝ้าประตูด้านหน้าหันมาพร้อมกับก้มศีรษะใหญ่ บานประตูใหญ่ถูกเปิดออกโดยปราศจากการขัดขวางห้ามปราม
ภายในคฤหาสน์หลังงาม งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นหรูหราสมฐานะเศรษฐีผู้มีอำนาจ ญาติฝรั่งทั้งหัวทอง หัวเทา หัวขาว นั่งบ้าง ยืนบ้างหันขวับมาทางที่ผมเดิน
บนโต๊ะอาหารยาวเกือบสิบเมตร เจ้าของงานวันเกิดนั่งยิ้มอย่างร่าเริงไปกับเสียงหัวเราะของลูกชายวัยเจ็ดเดือนของผม
“จีนคือว่าฉัน...”
ผัวะ! ความโกรธที่ถูกขโมยลูก ทำให้ผมขาดสติและไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหม ผมระดมหมัดอัดใส่หน้าผัวท่ามกลางวงล้อมญาติพี่น้องของมัน แต่ผมตบมันไปได้เพียงแค่ 2 หมัดเท่านั้นหมัดหนักก็ถูกใครบางคนยื้อยุดฉุดเอาไว้
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ใครคนหนึ่งดึงกระชากผมออกไปพร้อมกับเงื้อหมัดสูง
“หยุดนะ!” เสียงกัมปนาทจากเจ้าของงานวันเกิดดังขึ้น หยุดทุกคนภายในห้องไม่ให้เคลื่อนไหว ยกเว้นลูกชายผมที่ส่งเสียงร้องไห้จ้าขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของงานเลี้ยงใหญ่
ผมปรายตาหันไปมองหน้าอีวานที่กำลังยืนนิ่งไม่ไหวติง ซีกแก้มขาวเห็นเป็นรอยช้ำแดงด้วยกำปั้น ถัดไปนั้นปลายกระบอกปืนนับสิบจ่อเล็งตรงมายังสมองของผม แต่นั่นมันไม่น่ากลัวพอที่จะหยุดผม
“มึงขโมยลูกของกูมา...” อยู่ๆ ตัวของผมก็สั่น ความรู้สึกหลากหลายเกินกว่าจะแยกได้ว่ามันมีอารมณ์ใดบ้าง แต่ที่ชัดเจนที่สุดคงเป็นความโกรธที่ถูกฉกลูกออกมา ทั้งที่ผมคิดว่าตัวเองพูดทุกอย่างชัดเจนแล้ว
“ฉันก็แค่อยากให้...” มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาแตะสัมผัสแก้มตัวเอง
“นั่นลูกกู...”
“ฉันบอกให้ อีวานพาคาลวินมาหาฉันเอง” เสียงของคุณปู่ลอยมาจากโต๊ะที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก
“ด้วยการขโมย!!!” ผมหันไปถลึงตาตวาดเสียงแข็ง ต่อสู้กับสายตารังเกียจไม่พอของคนมากมายในงานเลี้ยง
“คาลวินเปฺนเหลนของฉัน เป็นลูกหลานตระกูลเรา ตามธรรมเนียมเขาต้องมาที่นี่”
“แล้วธรรมเนียมของคุณไม่ได้สอนเหรอว่า การจะพาลูกใครมา ต้องได้รับอนุญาตจากแม่เขาก่อน”
“มันจะเกินไปแล้วนะ ไอ้คนชั้นต่ำ”
ผัวะ! ไม่ใช่หมัดของผมแต่เป็นอีวานสวนหมัดอัดใส่หน้าญาติคนหนึ่ง เสียงอื้ออึงราวกับทุกคนคาดไม่ถึงว่าอีวานจะกล้าลงมือทำร้ายพี่น้องตัวเอง
“อีวาน นายบ้าไปแล้วเหรอ นายกำลังปกป้อง”
“เมียฉัน...จีนเป็นเมียฉัน ถ้าพวกนายยังกล้าพูดจาไม่ให้เกียรติเขาอีก...เจอดีแน่”
“เธอพังงานวันเกิดฉัน” ฝรั่งร่างสูงใหญ่แม้อยู่ในวัยแปดสิบปีแล้วแต่ยังดูแข็งแรงคล่องแคล่วทะมัดทะแมง ลุกจากโต๊ะอาหารอุ้มลูกชายของผมขยับเดินมาหา
“แต่คุณ...พังความเชื่อใจของผม ที่มีต่ออีวาน....”
แม้ครู่ผมจะได้รับการปกป้องจากอดีตสามี แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับความเชื่อใจของผมที่มันป่นปี้ไปแล้วเมื่อสามสี่ชั่วโมงก่อนตลอดระยะทางหลายร้อยไมล์ที่ผมขับรถมาด้วยหัวใจอันร้อนรุ่ม ระหว่างผมกับอีวานเราทะเลาะกับเป็นพันครั้งแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมรู้สึกเสียใจ และเจ็บปวดเท่าครั้งนี้
“จีน...” อีวานวางโอเวอร์โค้ดตัวใหญ่ ทับลงมาบนหัวไหล่ผม
เนื่องจากความรีบร้อน ผมกระโจนขึ้นรถแล้วขับมาทั้งที่สวมเพียงเสื้อผ้าสำหรับใส่อยู่บ้าน ทั้งที่เวลานี้อากาศภายนอกนั้นหนาวจนเหลืออุณหภูมิเป็นเพียงเลขตัวเดียว
“พรุ่งนี้....ผมจะพาลูก...กลับเมืองไทย” ผมหันไปสบตากับอีวานตรงๆ ก่อนจะหันตาขวางกลับไปมองคุณปู่ จากนั้นยื่นมือไปอุ้มลูกกลับเข้ามากอดไว้แนบอก
“ไม่!”
“เอาล่ะ.....ฉันขอโทษ” .
ฮือ เสียงฮือฮาดังหึ่งๆ มาจากรอบทิศ ผมหันขวับกลับไปยังต้นเสียง คุณปู่วัยแปดสิบปีถอนหายใจเฮือกใหญ่ยื่นมือมาจับแขนลูกชายที่เวลานี้เอาแต่หันหน้าหนี คงเพราะตกใจเสียงขู่ตะคอกเมื่อครู่ แขนสั้นกอดรัดเหนี่ยวต้นคอผมเอาไว้แน่น
“จีน ฉันขอโทษเธอแทนหลานชายฉัน อีวานน่ะ...เขาปฏิเสธฉันแล้ว เขาบอกว่าเธอจะโกรธถ้าหากฉันพาเจ้าเหลนคาลวินมา ฉันเอง...ฉันเองที่ส่งคนไปรับเจ้าเหลน คาลวินตัวเล็กมาที่นี่ ฉันขอโทษ”
“ขอโทษ..งั้นเหรอ” ผมปรายหางตามองหน้าคนทั้งสองพร้อมกับประคองฝ่ามือพยายามปลอบลูกชาย
“ฉันเองก็เคยเป็นนักเลง ในมอสโคนี่ฉันไม่เคยเกรงกลัว ไม่เคยก้มหัวขอโทษใครมาก่อน หกสิบปีรู้มั้ยจีน ฉันไม่เคยก้มหัวขอโทษใครมาก่อน เอาล่ะวันนี้ฉันผิด...ฉันขอโทษ”
“คำขอโทษของคุณ...ไม่ได้ทำให้ผมโกรธเขาน้อยลง”