ตอนที่ 13 ฉีดยา

1868 คำ
ตอนที่ 13 ฉีดยา คุณหมอประจำยิ้มทักทายทันที เมื่อผมจูงมือลูกชายเข้าไปภายในห้องตรวจ ตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้ ทันทีเมื่อตื่นเช้า คาลวินร้องท้วงบอกว่าวันนี้ต้องพาพี่เข้มาหาหมอ ลูกชายคนนี้เห็นทีจะได้นิสัยความเถรตรงเรื่องของเวลาและการรักษาสัญญาไปจากผม “ว่ายังไงครับ คาลวินวันนี้ไม่สบายเหรอครับคนเก่ง” “วิ่นพาพี่...หาหมอ” ตุ๊กตาจระเข้ยักษ์ห่อพันไว้ด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์นุ่มฟู ถูกอุ้มยื่นส่งไปให้คุณหมอแทนคำตอบ “เอ๊ะ พี่จระเข้ไม่สบายเหรอครับเนี่ย” “เจ็บ พี่เจ็บ” นิ้วสั้นป้อมชี้บอกลงไปยังบาดแผลตะเข็บปริ ของตุ๊กตาจระเข้ “ได้ครับ เดี๋ยวคุณหมอรักษาพี่ให้นะ แล้ววันนี้คาลวินไม่สบายเป็นอะไรครับ” “วิ่น...ปวดหัว” มือน้อยๆ ยกขึ้นมาทาบหน้าผากเหม่งของตัวเอง “โอ้ ปวดหัวอย่างนั้นเหรอครับ ไหนมาให้คุณหมอตรวจหน่อยสิครับ ไหนปวดตรงไปครับบอกหมอได้หรือเปล่า” “ปวดตรงนี้” มือน้อยๆ ย้ำจับหน้าผากตัวเองพร้อมบอกคุณหมอ โดยที่พ่อแม่อย่างผมและอีวานไม่ต้องพูดอะไร “พัฒนาการคาลวินไปไกลอีกแล้วนะครับ แค่หนึ่งขวบ หกเดือน แต่สามารถแยกแยะและบอกอาการ ความรู้สึกของตัวเองได้ ถือว่าก้าวกระโดดจริงๆ” คุณหมอเด็กใจดียิ้มอ่อนโยนหันมาพยักหน้ากับผมและอีวานที่ยิ้มรับตอบกลับอย่างภูมิใจ “ครับ ช่วงนี้คาลวินมีอะไรแปลกๆ มาให้พวกเราประหลาดใจเสมอ เมื่อวานช่วงค่ำๆ คาลวินตัวอุ่นๆ แล้วก็มีน้ำมูกด้วยครับ” ผมแจ้งอาการ พร้อมทั้งอุ้มลูกชายวัยหนึ่งขวบหกเดือนขึ้นมานั่งบนเก้าสำหรับตรวจวัดไข้ “ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนครับ ระวังอย่าให้ออกไปโดนลม เดี๋ยวหมอตรวจให้นะครับ แล้วเดี๋ยวเคาะปอดให้” คุณหมอโน้มตัวลงไปทำท่าจะตรวจคนไข้ตัวน้อย หากแต่ตัวอ้วนกลมเบี่ยงหลบ ยังคงชี้นิ้วไปทางตุ๊กตาจระเข้ด้วยความห่วงใย “พี่เข้...” “เดี๋ยวคาลวินให้คุณหมอตรวจก่อนนะลูก แล้วเดี๋ยวค่อยให้คุณหมอตรวจพี่เข้นะครับ” ผมเอียงหน้าลงไปอธิบายให้ลูกชายฟัง “เดี๋ยวเราให้พี่จระเข้ไปชั่งน้ำหนักกับวัดส่วนสูงรอก่อนนะครับ ต้องตรวจตามคิวนะ” คุณหมอใจดีทำท่าอุ้มจระเข้หางขาด ไปส่งให้พยาบาลที่ยื่นมือมารับไปวางไว้บนเตียงตรวจด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง นับว่าทั้งหมอ ทั้งพยาบาลให้ความสำคัญกับความรู้สึกคนไข้ตัวน้อยอย่างมากทีเดียว “โอเค” เมื่อเห็นว่าพี่เข้ถูกพยาบาลนำไปขึ้นตราชั่ง และวัดส่วนสูงตามลำดับ เด็กน้อยที่มีอาการเป็นหวัด คัดจมูกจึงยอมนั่งลงนิ่ง เพื่อให้หมอใช้หูฟังแตะลงมาบนหน้าอกอ้วน ผมยืนอยู่เคียงข้างลูกชายจนกระทั่งหมอตรวจเสร็จ วันนี้โชคดีที่คาลวินไม่จำเป็นต้องฉีดยาเพราะเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น แต่จระเข้ป่วยนั่นดูอาการจะหนักเอาเรื่อง “ยา” ลูกชายตัวกลมของผม ขึ้นไปนั่งตบตูดจระเข้ พร้อมกับชี้นิ้วให้คุณหมอ ช่วยดูรอยขาดตะเข็บด้ายที่มันปริแยกออกจากกัน “อ้า อย่างนี้ต้องทำแผลให้พี่จระเข้แล้วล่ะ” คุณหมอเด็ก สวมบทบาทให้พยาบาลนำถาดพร้อมอุปกรณ์สำหรับทำแผลมาให้ จากนั้นใช้ผ้าก๊อซพันรอบหางยาว ด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจ ท่ามกลางสายตาขึงขึงจริงจังของเด็กน้อยวัยขวบครึ่ง “แล้วคาลวิน อยากให้คุณหมอฉีดยาพี่จระเข้ด้วยมั้ยครับ” คุณหมอหันมาถามเจ้าของจระเข้ใหญ่ “อืม” หน้ากลมพยักรับทันที “ถ้าอย่างนั้นคาลวินช่วยคุณหมอจับพี่จระเข้ไว้นะครับ” “โอเค” ไม่น่าเชื่อว่าคาลวินจะเลียนแบบผมกับอีวานได้เหมือนเป๊ะ เจ้าอ้วนปุ๊กปิ๊กขยับเข้าไปใกล้พี่จระเข้ แขนสั้นโอบกอดรอบหัวจระเข้ยาวก่อนจะตบมือลงไปเบาๆ ด้วยท่าทางปลอบโยน หน้าอ้วนกลมซบบ้างซุกบ้าง สลับจูบ สลับจุ๊บเหมือนที่ผมทำกับลูกเสมอเวลาที่เขาจำเป็นต้องฉีดยา “โอ๋...ไม่เจ็บนะ ไม่เจ็บนะ” ผม อีวาน คุณหมอและพยาบาลอมยิ้มกันจนปวดแก้ม แต่ไม่กล้าหัวเราะออกมาเพราะกลัวลูกชายจะเสียความมั่นใจ สลิงหลอดพลาสติกเปล่าๆ ถูกนำมาจำลองแทนเข็มฉีดยา จิ้มลงไปบนตัวตุ๊กตานุ่ม ตามมาด้วยสำลีก้อนแปะทับทำท่าสมจริงทุกอย่าง “เรียบร้อยครับ คืนนี้ระวังพี่จระเข้อาจจะมีไข้ด้วยนะครับ” คุณหมอวางมือลงมาลูบหัวคนไข้ประจำอย่างเอ็นดู “โอเค” เสื้อโค้ตตัวเดิมถูกนำมาสวมทับให้พี่จระเข้มือน้อยๆ พันทบจนเห็นแต่ปากยาวยื่นออกมาเท่านั้น “คาลวินครับ เดี๋ยวแม่เข้าไปให้คุณหมอฉีดยา คาลวินอยู่กับพ่อดูแลพี่จระเข้ให้ดีนะลูก” “วิ่น ไปด้วย” “หือ คาลวินจะไปกับแม่เหรอครับ” “วิ่น โอ๋แม่” ลูกชายยืนขึ้นมากางแขนกางขาขอให้ผมอุ้ม “ขอฉันตามเข้าไปด้วย” อีวานพยักหน้าอุ้มคาลวินขึ้นมา แล้วเกี่ยวเอวผมเดินเข้าไปในห้องสำหรับฉีดยาคุมกำเนิด “คุณจะตามเข้ามาทำไม” “อยากเห็น ขอเข้ามาดูหน่อย” อีวานเดินไปลากเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียงยาวโดยมีเจ้าหนูคาลวินน้องจ้องผมตาเขม็ง “แม่ ไม่สบายเหรอ” “แม่มาฉีดยา ทำให้คาลวินไม่มีน้องครับ” อีวานเอียงหน้าลงไปคุยกับลูกขณะที่คุณหมอเปิดประตูเดินตามเข้ามาในห้องพร้อมพยาบาล “วิ่นไม่มีน้องเหรอ” “ใช่ครับ แม่เขาไม่อยากมีน้อง คาลวินอยากมีน้องมั้ยลูก” “อือ” “อีวาน อย่ามาใช้มุกนี้กับผมนะ” “มุกอะไร ฉันเปล่า” “แม่ ไม่ชอบมีน้องเหรอ” ผมรู้ว่าคาลวินยังไม่เข้าใจคำว่า “มีน้อง” หรือ “ไม่มีน้อง” แต่ที่ลูกพูดเจื้อยแจ้วอยู่นี้ก็แค่พูดตามคำที่ผู้ใหญ่ชี้นำเท่านั้น แล้วคนเจ้าเล่ห์อย่างอีวาน คงหวังยืมมือคาลวินมาทำให้ผมใจอ่อน “แม่ไม่มีน้องหรอกครับ เพราะแม่มีคาลวินแล้วยังไงล่ะลูก” “วิ่นเหรอ” “ครับ แม่มีคาลวินแล้ว แม่ไม่จำเป็นต้องมีน้องอีก โอเคมั้ยครับ” “แต่พ่ออยากมีน้องอีก” “พ่อมีน้องเหรอ” “ใช่ครับ...พ่ออยากมีน้อง พ่ออยากมีน้องที่สุดในโลกเลย ทำยังไงดีล่ะคาลวิน” อีวานทำท่าเสียใจเล่นละครฉากใหญ่ตบตาลูกชาย “พ่อเสียใจเหรอ” มือป้อมกับนิ้วสั้นจับหน้าคนเป็นพ่อพลิกไปพลิกมา แววตาพยายามจับสังเกตอาการ “ครับ เพราะพ่ออยากมีน้องมากเลย” “ถ้าจะเข้ามาก่อกวนคุณหมอละก็ ออกไปรอข้างนอกเลยไป” “รอนอกเลยไป” ลูกชายหันไปไล่พ่อเมื่อเห็นว่า อีวานกำลังทำให้ผมหงุดหงิด “แต่พ่ออยากอยู่กับแม่ พ่ออยากโอ๋ๆ เวลาแม่ฉีดยา” “โอ๋แม่เหรอ” “ถ้าจะอยู่ก็นั่งเงียบๆ” ผมเอนตัวลงไปนอนบนเตียงเพื่อรอให้คุณหมอฉีดยาคุมกำเนิดแบบระยะ 3 เดือนเหมือนทุกคราว “คุณจีนพอดีวันนี้เป็นยาคุมตัวใหม่ หมอจะฉีดให้ตรงต้นแขน ไม่ต้องฉีดที่สะโพกเหมือนเดิมแล้วครับ” คุณหมอหยิบเข็มฉีดยามาจากถาดสเตนเลสในมือพยาบาล “ยาตัวใหม่เหรอครับ” “ครับ ยาคุมแบบใหม่ แบบนี้ประสิทธิภาพดีมากเลย” “อันนี้ดีเหรอ” เจ้าตัวเล็กนั่งเอียงคอมองเข็มฉีดยาตาแป๋ว “ใช่ครับ....” คุณหมอยิ้มอย่างสุภาพ ผมจึงขยับตัวลุกขึ้นมานั่งในท่าเดิมก่อนจะเอียงข้าง ปลดกระดุมเสื้อเปิดหัวไหล่ให้คุณหมอฉีดยาให้ หลังจากช่วงเช้าเราสามคนพ่อแม่ลูกพาลูกและตุ๊กตาไปหาหมอเรียบร้อยแล้ว อีวานเสนอแนวคิดให้พาคาลวินไปเดินช้อปปิ้งเพื่อเปิดหู เปิดตาบ้าง ตั้งแต่มาใช้ชีวิตอยู่ที่รัสเซียผมนับนิ้วจำนวนครั้งในการมาเดินห้างเพื่อซื้อของได้ไม่ถึงสามครั้ง เนื่องจากการเดินไปไหนมาไหนข้างอีวานในที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากต้องแกล้งไม่สนใจของคนนับพันที่มองมาด้วยความอิจฉาผมยังต้องพยายามทำตัวให้ชินกับบอดี้การ์ดเกือบสิบคนที่เดินล้อมหน้าล้อมหลัง และต้องเดินระวังไม่ให้มีใครเอาปืนมายิงหัวได้จากระยะไกล นี่คือชะตากรรมของการมีสามีชื่ออีวาน “แม่ วิ่นเอานี้ได้มั้ย” ลูกชายวิ่งไปคว้ากล่องโมเดลจระเข้ตัวเล็กๆ มายื่นให้ “จระเข้อีกแล้วเหรอครับ ที่บ้านเรามีหลายตัวแล้วนะครับ” ผมย่อตัวลงไปนั่งคุยกับลูกชาย” “แต่ไม่มีตัวนี้” “ซื้อให้ลูกเถอะนะจีน...นะ...ตัวนิดเดียวเอง” คนที่ตามใจลูกเกือบทุกอย่างนั่งลงมาด้านข้างสะกิดผมอยู่ยิกๆ “ที่บ้านนั่นน่ะ จะเป็นฟาร์มจระเข้อยู่แล้วนะ” “น่านะ...คาลวินชอบ ใช่มั้ยลูก” “วิ่นชอบ” “โอเคครับ ซื้อก็ได้” แผนกของเล่น ของใช้เด็กภายในห้างขนาดใหญ่ แทบไม่มีคนกล้าเดินเข้ามาจับจ่ายเลือกซื้อสิ่งของ เพราะรอบๆ เต็มไปด้วยบอดี้การ์ดหน้าโหดยืนคุมคุ้มกันไม่ห่างสายตา หนังสือนิทานสีสวยเล่มใหม่ถูกลูกชายของผมหยิบใส่ตะกร้าพร้อมกับ ของเล่น ตัวต่อ จิ๊กซอว์รูปต่างๆ โดยผมกับอีวานปล่อยให้ลูกเลือกและตัดสินใจเอง “ตรงนั้น มีร้านอาหารไทยด้วย” อีวานเดินเข้ามาชี้นิ้วข้ามหัวบอดี้การ์ดที่เดินล้อมหน้าล้มหลังไปทางร้านอาหาร ป้ายชื่อภาษาไทยอ่านแล้วความหมายประหลาด ภาพประกอบเป็นต้มยำกุ้ง ปูผัดผงกะหรี่ และอีกหลายเมนูขึ้นชื่ออาหารไทย “แค่กินอาหารไทย มันไม่ช่วยให้ผมรู้สึกว่าได้กลับบ้านหรอกนะ” “รอลูกโตกว่านี้อีกนิดนะ ตอนนี้มันยังมีโรคไข้หวัดระบาดอยู่ คาลวินยังเด็กอีกอย่างเมืองไทยร้อนอย่างกับนรก คาลวินไม่ชินแน่” ความคิดถึงบ้าน คิดถึงเมืองไทยของผมมันลดลงเมื่อคิดถึงข้อเท็จจริงนี้ คาลวินเกิดและเติบโตมาในรัสเซียและแทบไม่เคยเจออากาศที่อุณหภูมิมากกว่ายี่สิบห้าองศา แม้ในช่วงเวลาฤดูร้อนของที่นี่อากาศก็ยังถือว่าดีเย็นสบาย และเหนือเหตุผลอื่นใดคือผมกังวลเกี่ยวกับสุขภาพลูกชายมากกว่าความคิดถึงบ้านจึงไม่ได้คิดเอาชนะคะคานค้านอีวานมากนัก เพราะเท่าที่ติดตามข่าวสารช่วงนี้สภาพอากาศเมืองไทยดูจะไม่ค่อยน่าพาลูกกลับไปเท่าไหร่ “ฉันไม่ได้หวงหรือไม่อยากให้นายกลับเมืองไทย แต่ที่ยื้อไว้เพราะ...” “เพราะกลัวว่าผมจะไปแล้วไปลับ ไม่กลับมา...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม