“เขาไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่นอนค่ะน้าสา เขาพูดกรอกหูพุดอยู่ตลอดเวลาว่าอย่าปล่อยให้พลาด คนแบบนี้เหรอคะจะรับผิดชอบพุดกับลูก” พุดพิชญาเอ่ยออกมาด้วยความขมขื่น คนอย่างเขาไม่มีทางจะสนใจเธออยู่แล้ว เธอไม่รู้เลยว่าเขามีหัวใจหรือเปล่า ทำไมเขาถึงใจดำและด้านชากับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง
“งั้นก็ตามใจพุดเถอะนะ น้าก็ไม่มีใคร น้าจะอยู่ข้างๆ พุด ช่วยพุดเลี้ยงเจ้าตัวเล็กเอง” น้าสาเดินเข้าไปกอดหญิงสาวด้วยความเวทนา ในเมื่อเธอตัดสินใจแบบนี้ น้าสาก็คงได้แค่เพียงทำหน้าที่ช่วยดูแลเธอและลูกเท่านั้น
“ขอบคุณนะคะน้าสา ถ้าไม่ได้น้าสา พุดก็ไม่รู้จะอยู่ยังไงเลย” พุดพิชชากอดน้าสาไว้ด้วยความอ้างว้าง อ้อมกอดอุ่นที่เธอเคยได้จากยาย มันไม่มีอีกแล้ว ตอนนี้เธอต้องเข็มแข็งทำใจให้สบาย เพื่อลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมา
“ต่อไปนี้ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วนะ ยิ้มเยอะๆ ลูกเกิดมาจะได้หน้าไม่บึ้ง” น้าสารีบหยอกอินผู้ที่เป็นดังหลานสาวด้วยรอยยิ้มอ่อน
“น้าสาก็ว่าไปนั่น ถ้าเป็นอย่างที่น้าสาพูดจริง ป่านนี้เจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องคงหน้างอง้ำแล้วมั้งคะ” พุดพิชชาเช็ดน้ำตาที่ซึมออกมาเล็กน้อย ก่อนจะยอมคลายอ้อมกอดแล้วหันมายิ้มทั้งน้ำตาให้กับน้าสา
“มัวแต่เล่นกับเราอยู่ พรุ่งนี้ร้านจะเปิดแล้ว ยังไม่รีบจัดร้านอีก เดี๋ยวก็ไม่เสร็จกันพอดี” น้าสากล่าวก่อนที่เดินไปทำงานต่อ ในขณะที่พุดพิชญารู้สึกตื้นตันใจเหลือเกินที่มีน้าสาอยู่เคียงข้างในวันที่เธอไม่เหลือใครเช่นนี้
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะน้าสา” พุดพิชญาเดินมาใกล้ๆ แล้วกล่าวซึ้งกับน้ำสา
“น้าเปลี่ยนคำขอบคุณเป็นบอกให้เรานั่งพักเฉยๆ ได้มั้ยล่ะ” น้าสาเอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วง เพราะนอกจากหญิงสาวจะเหนื่อยกายแล้ว เธอยังเหนื่อยใจอีก เธอกลัวว่าทารกน้อยที่บริสุทธิ์จะจากไปเพราะมารดาที่อ่อนแอทั้งกายและใจ
“ก็ได้ค่ะ พุดจะนั่งมองน้าสาทำงาน” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างยอมจำนน เธอรู้ดีว่าร่างกายตนเองนั้นไม่ได้แข็งแรงดังเช่นก่อนตั้งครรภ์
“ดีมาก ว่าง่ายๆ แบบนี้เจ้าตัวเล็กจะได้ไม่งอแง” น้าสาทำท่าทางราวกับผู้ใหญ่ที่กำลังดุเด็กอยู่
“ได้ค่าาา” เสียงใสตอบรับนัยน์ตาเศร้า แต่พยายามฝืนอย่างที่สุด เพื่อให้น้าสาไม่ต้องเป็นห่วงเธอมากไปกว่านี้