หานอวี้เฉิงไม่ได้มีนิสัยชอบสุงสิงกับใครนัก ยิ่งเวลาที่เขาเดินอยู่ในเขตหวงห้ามของตระกูลอวิ๋น ก็ยิ่งต้องการความเงียบสงบมากกว่าคำทักทายใด ๆ จากคนของตระกูลนี้ วันนี้เขาเป็นตัวแทนตระกูลมาหารือกับนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋น
แต่แล้วจังหวะก้าวเท้ากลับต้องหยุดลง
ในมุมสายตา เขาเห็นรถยุโรปสีดำคันหนึ่ง รถประจำตระกูลหลิวที่มีตราสัญลักษณ์พิเศษซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้าสู่เขตหวงห้ามของตระกูลอวิ๋นได้โดยไม่ต้องรายงาน
และต่างรู้กันว่านี่คือรถของผู้นำตระกูลหลิวที่ยามนี้คือคุณยายสวี่เซียนหรู หรือนายท่านผู้เฒ่าหลิว สตรีผู้หนึ่งที่เก่งกาจจนเป็นที่นับถือของสี่ตระกูล รวมทั้งตระกูลหานอีกด้วย
แต่ดวงตาคมกลับเห็นว่ามีร่างหนึ่งนั่งพิงเบาะอยู่ข้างใน ใบหน้าที่เคยฉาบทาด้วยเครื่องสำอางที่จัดจ้าน ที่เคยเห็นในงานเลี้ยงต่าง ๆ ยังคงจำได้ดี แต่วันนี้ท่าทางเย่อหยิ่งอวดดีนั้นหายไป
ซูจิ้งหนาน คุณหนูผู้ขึ้นชื่อเรื่องนิสัยเสีย เอาแต่ใจ และช่างหาเรื่องที่สุดในบรรดาบุตรีตระกูลดัง ฉายานี้ไม่ได้มาเพราะข่าวซุบซิบ แต่เพราะเธอทำตัวเอง และหานอวี้เฉิงมักมองสตรีผู้นี้อยู่ห่าง ๆ
แต่วันนี้…เธอกลับนั่งก้มหน้าซุกอกคุณยายของตนเอง ราวกับเด็กที่เพิ่งผ่านเรื่องร้ายแรงมา สีหน้าของเธออ่อนลง ไหล่ไหวสั่น และดวงตาคู่นั้นเปียกชื้น
‘ร้องไห้?’
หานอวี้เฉิงเลิกคิ้วเล็กน้อย
มันไม่น่าจะใช่ภาพที่เขาคาดว่าจะได้เห็นจากผู้หญิงคนนี้เลย
เขาจำได้ดีในงานเลี้ยงครั้งก่อน เธอแต่งตัวสะดุดตา และเอาแต่ปั่นหัวคุณชายซ่งแบบไม่มีใครห้ามได้ ทั้งยังกลั่นแกล้งพี่สาวคนเดียวที่เกิดกับเมียนอกทะเบียนของคุณลุงซู จนซ่งเยี่ยนซินต้องเข้าไปปลอบใจ
แต่ตอนนี้…เธอกลับเหมือนคนละคน
เขาขยับเข้าใกล้รถโดยไม่รู้ตัว ร่างสูงใหญ่สะท้อนกับกระจก เงาเข้มของเขาปรากฏตรงหน้าต่างด้านข้างพอดี เขาต้องการจะมองให้ชัด ๆ ว่าที่ตัวเองนั้นไม่ได้ตาฝาดไป
และเมื่อซูจิ้งหนานเงยหน้าขึ้นมา เธอก็สบตากับเขาเข้าตรง ๆ
…ดวงตาของเธอสั่นไหวเล็กน้อย แต่ว่าม่านน้ำตาที่วาบในดวงตาคู่นั้นเหมือนประกายดาวที่ส่องสว่างบนท้องฟ้า แม้ว่ายามนี้จะเป็นยามกลางวันก็ตาม
หานอวี้เฉิงมีความรู้สึกสะดุดเล็กน้อย แต่เพียงแค่เศษเสี้ยวของลมหายใจ ก่อนจะดึงอารมณ์เย็นเช่นเดิมกลับคืนมา
เขาไม่ชอบผู้หญิงสวมหน้ากาก แต่แววตาคู่นั้นในตอนนี้ มันดูจริงเสียจนคิดว่าเธอคือคนละคน
เธอพัฒนาการแสดงได้ดีเยี่ยม
เหมือนคนที่ผ่านอะไรบางอย่างมาแล้วจริง ๆ
เขาคิดเงียบ ๆ
ริมฝีปากของเขาขยับแผ่วเบา…
“เด็กนั่นดูเหมือน เปลี่ยนไป”
และเขาไม่แน่ใจว่า…ชอบหรือไม่ชอบ
แต่ที่แน่ ๆ เขาไม่ได้ละสายตาจากเธอเลยสักวินาที ไม่ใช่เพราะสนใจแต่เพราะสงสัยต่างหาก
‘จะมาไม้ไหนอีก’
หานอวี้เฉิงคิดอย่างระแวง ก่อนที่ประตูรถจะเปิดลงมานั้น อวิ๋นไห่เฉินคุณชายใหญ่อวิ๋น สหายของเขาก็เดินเข้ามาพร้อมกับทักทายผู้มาเยือนอย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับคุณยายหลิว”
“สวัสดี...นี่ไห่เฉินใช่หรือไม่” สวี่เซียนหรูยิ้มให้กับหลานชายตรงหน้า ไม่ได้พบกันเสียนาน โตเป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้แล้วหรือนี่ ยิ่งหันไปมองหลานสาวที่หน้าตาน่ารักสดใส ยิ่งทำให้ทอดถอนใจ
แต่เอาเถอะเรื่องนี้ให้หลานสาวของเธอตัดสินใจจะดีกว่า เมื่อมองเลยไปอีกฝั่งก็เห็นบุรุษหนุ่มอีกคน แต่เนื่องจากพบเจอกันบ้างในงานเลี้ยงก็พอจำได้
“หานอวี้เฉิงใช่หรือไม่” สวี่เซียนหรูเอ่ยทักชายหนุ่มท่าทางเย็นชา ที่จ้องมาอยู่ก่อนแล้วก่อนจะเห็นว่าเขาก้มหัวแล้วทักทายเธอกลับ
“ครับ...สวัสดีครับ”
ซูจิ้งหนานมองสองหนุ่มที่ทักทายคุณยาย ทำให้เธอยืนเงียบ ๆ อย่างมีมารยาท ทั้งไม่เข้าไปพูดแทรกหรือขัดการสนทนา ที่เธอไม่รู้เลยว่าท่าทางอ่อนน้อมของเธอเปลี่ยนไป จนอีกสองหนุ่มสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ แต่ทว่าไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา จนกระทั่งเข้าไปด้านใน พบกับคุณปู่อวิ๋นซูจิ้งหนานจึงเอ่ยปากออกมา
“สวัสดีค่ะคุณปู่อวิ๋น สบายดีนะคะ”
แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่เธอคิดมารอบคอบแล้ว เพราะคุณปู่อวิ๋นนั้นเอ็นดูหลานสาวเป็นพิเศษ ทั้งตระกูลมีแต่หลานชาย การที่เธอทักทายผู้อาวุโสกว่าก่อนและยิ้มแย้มด้วยใบหน้าที่นอมน้อมทำให้เหมือนดอกไม้ที่กำลังผลิบานในบ้านที่มีเงามืดแห่งนี้
อวิ๋นฉ่ายแย้มริมฝีปากกว้างเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี นั่นทำให้แม้แต่หานอวี้เฉิงเองก็แปลกใจ หันมองหน้าสหายอย่างอวิ๋นไห่เฉิงคล้ายกับเจอเรื่องมหัศจรรย์
“นั่น...อาอี้หรือ” เสียงแหบพร่าของผู้เฒ่าตระกูลอวิ๋นทำให้สวี่เซียนหรูยกหลังมือปาดน้ำตา คิดถึงลูกสาวที่อายุสั้นต้องจากไปก่อน
ผู้เฒ่าอวิ๋นรู้ข่าวยังต้องหลังน้ำตาเสียอกเสียใจกับสหายอย่างสวีเซียนหรูด้วยซ้ำ ทั้งไว้ทุกข์อยู่นาน แต่ทว่าเมื่อเห็นซูจิ้งหนานกลับให้นึกถึงเด็กน้อยคนนั้นที่เขาเคยอุ้มตั้งแต่เด็ก
“คุณปู่...นี่หนานหนานเองค่ะ คุณแม่ไปสวรรค์แล้ว” เธอว่าเสียงเครือเช่นกัน เหมือนก้นบึ้งหัวใจของร่างที่คิดถึงคุณแม่ของเธอไม่เปลี่ยน เมื่อเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ก็กักเก็บน้ำตาไว้ไม่ไหว
“นั่นสิเนอะ...ยายเด็กตัวน้อยใจร้ายคนนั้นทิ้งพวกเราไปแล้ว”
สวี่เซียนหรูรู้ดีกว่าใครว่า อวิ๋นฉ่ายเอ็นดูลูกสาวเธอแค่ไหน ทั้งยังเสียใจที่ลูกสาวเลือกผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้น
แต่เอาเถอะตอนนี้ก็ได้หลานกลับคืนมาแล้ว
“พี่ฉ่าย...วันนี้ฉันมีเรื่องอยากหารือเรื่องตระกูลซู” ถ้อยคำของสวี่เซียนหรูทำให้สองบุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ตั้งท่าจะเดินออก แต่ทว่ากลับถูกรั้งให้อยู่ก่อน
“หลานสองคนนั้นก็อยู่เถอะ”
หานอวี้เฉิงและอวิ๋นไห่เฉินหันหน้ามามองกัน ก่อนจะนั่งลงที่โซฟารับแขกใกล้ ๆ และนั่งฟังเงียบ ๆ โดยไม่ออกความคิดเห็น
“ว่ามาเถอะ”
“พี่ฉ่าย...เรื่องสัญญาการค้าที่หลิวอี้เคยขอร้องพี่เอาไว้ ตอนนี้ฉันเป็นตัวแทนลูกสาว ขอยกเลิกทั้งหมดค่ะ”
อวิ๋นฉ่ายขมวดคิ้วแน่น สัญญานี้ยายเด็กคนนั้นเข้ามาออดอ้อนและดูแลเขาอยู่นานนับเดือน กว่าจะได้ไป แต่ครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น
“มีเรื่องอะไรหรือ”
“ซูเหวินเฉียงผู้ชายชั่วคนนั้นมันทำร้ายลูกสาวฉันไม่พอ ยังทุบตีหลานสาวของฉันอีก ฉันว่าฉันอดทนมามากพอแล้วค่ะ”
คำว่าทุบตีทำให้สองบุรุษหนุ่มมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย เรื่องแบบนี้เขาไม่เคยรู้มาก่อน คุณลุงซูอาจจะแค่สั่งสอนเด็กดื้ออย่างซูจิ้งหนานก็ได้ ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าเธอร้ายกาจแค่ไหน
“บังอาจ”
เพล้ง!
ถ้วยชาบนโต๊ะถูกปัดทิ้งจนแตกกระจายทำให้ทุกคนสะดุ้ง นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมคุณปู่อวิ๋นถึงได้โกรธขนาดนั้น ไม่มีใครรู้ได้นอกเสียจากผู้เฒ่าสองคนนั้นเท่านั้น
“มันทำอะไรหลานฉัน”
คราวนี้เป็นอวิ๋นฉ่ายที่มองหน้าคุณยายสวี่เซียนหรู ทำให้สิ่งต่าง ๆ ถูกบอกเล่าออกมา แม้แต่ซูจิ้งหนานเองก็ไม่คิดว่าคุณยายรับรู้มาตลอด เพียงแต่อดีตนางร้ายคิดว่าไม่มีใครช่วยตัวเองได้ ต้องดิ้นรนกำจัดสองแม่ลูกนั้นด้วยตนเอง
ซูจิ้งหนานจึงทำได้แค่ถอนหายใจ ถูกแล้วที่เธอคิดว่าเจ้าของร่างแท้จริงเห็นโจรเป็นพ่อ
แต่ทว่าเมื่อสายตาฉ่ำวาวของเธอช้อนสบเข้ากับบุรุษที่ใบหน้าเรียบเฉยเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งในกองหิมะ กลับรับรู้ได้ว่าสายตานั้นมันเต็มไปด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินมา
ฮึ!
อย่าบอกนะ คุณชายหานผู้ลึกลับอะไรนี่จะมีใจให้แม่นางเอกนั่นด้วยอีกคน นี่คนเหล่านี้มองมารยาสตรียุคนี้ไม่ออกหรือว่าแกล้งโง่เพราะความใสซื่อน่าสงสารกันแน่
อย่างว่าซูจิ้งหนานไม่ใช่สตรีในแบบที่เหล่าบุรุษพวกนี้ให้เกียรติ พวกเขาย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่ขอเถอะอย่าคิดว่าเธอสร้างเรื่องมาเรียกร้องความสงสารก็แล้วกัน
“ไม่ต้องใช้แซ่ซูก็ดี...จะมาเป็นหลานบุญธรรมของฉันก็ได้” อวิ๋นฉ่ายกล่าวขึ้นท่ามกลางความตกใจของอวิ๋นไห่เฉิน และซูจิ้งหนานเห็นแววตามองมาอย่างน่ารังเกียจนั้นแล้วก็ถอนหายใจ
ใครอยากแซ่อวิ๋นเหมือนเขากัน
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะคุณปู่ แค่คุณปู่เอ็นดูหนานหนานก็พอแล้ว คนทั้งเมืองมองหนานหนานเป็นคนไม่ดี เดี๋ยวจะพาเสียชื่อเสียงคุณปู่เสียเปล่า ๆ” ซูจิ้งหนานกล่าวอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่กลับเรียกความสงสารให้กับคนแก่ที่ชอบหลานสาวอย่างอวิ๋นฉ่าย
“ใครกล้าดีก็ลองดู”
ดูเหมือนคุณปู่ก็ดื้อเหมือนกัน แต่เธอไม่ต้องการเป็นปรปักษ์กับคุณชายใหญ่อวิ๋นหรอกนะ จึงเปลี่ยนเรื่องดีกว่า
“คุณยายคะ เรื่องชุดแต่งงานของคุณแม่หนูทราบว่าใช้ไหมทองคำประจำราชวงศ์ถักทอ หนูอยากซ่อมมันด้วยตัวเอง คุณยายจะว่าอะไรไหมคะ” ซูจิ้งหนานแม้ไม่รู้ว่าไหมพวกนี้ได้มาได้อย่างไร แต่เธอพร้อมเรียนรู้และซ่อมชุดแต่งงานที่ล้ำค่านี้ด้วยตัวเอง
“เฮ้อ...ไหมไม่มีอีกแล้วล่ะหลาน”
คุณยายกล่าวอย่างถอดใจ แต่ทว่าคุณปู่กลับไม่คิดเช่นนั้น
“อาเทียน...เอากล่องนั้นมาให้ฉัน”
อาเทียนเป็นผู้ดูแลของคุณปู่อวิ๋น เมื่อได้รับคำสั่งก็โค้งก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเก็บสมบัติของตระกูล แล้วหยิบกล่องล้ำค่าขึ้นมา นั่นทำให้อวิ๋นไห่เฉินเบิกตากว้าง