กล่องสีทองขนาดยาวสองฟุตถูกคุณลุงเทียนถือประคองมาอย่างดี ทั้งมือยังใส่ถุงมืออีกด้วยทำให้ซูจิ้งหนานมองมันอย่างสงสัยว่านั่นคือสิ่งใดกันพลางนึกทบทวน แต่ความสงสัยของเธอไม่ทันได้ทำให้ความกระจ่างนั้นปรากฏขึ้น จนได้ยินเสียงของพี่อวิ๋นไห่เฉินที่ขัดขึ้นกลางวงสนทนา
“คุณปู่ นั่นเป็นไหมตกทอดมาจากรุ่นบรรพบุรุษนะครับ”
คำว่าไหมที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษทำให้ซูจิ้ง หนานเบิกตากว้าง สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงคือสายตาของคุณปู่อวิ๋น มองไปยังหลานชายคนเดียวของเขาด้วยสายตาเจือความหงุดหงิดผสมความกรุ่นโกรธที่ไม่อาจเก็บเอาไว้ได้
“หุบปาก”
เสียงนั้นทำให้ซูจิ้งหนานสะดุ้ง เพราะไม่เคยคิดว่าคุณปู่จะดุหลานชายต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้ อีกอย่างเขายังเป็นผู้สืบทอดตระกูลนั่นยิ่งทำให้เขาอับอาย และสายตาของอวิ๋นไห่เฉินมองเธอราวกับ...
ศัตรูหมายเลข 1
โอเค...เธอเป็นวิญญาณที่ตายจากโลกปัจจุบันในอีกสี่สิบห้าปีข้างหน้า เพื่อมาเกิดในร่างนางร้าย และโดนเหล่าชายหนุ่มตระกูลใหญ่เกลียด
ขอบคุณในโชคชะตานี้
ขณะที่คิดอย่างปลดปลง ก็รู้สึกเหมือนใครอีกคนที่มองเธออย่างเงียบ ๆ สายตานั้นคล้ายจับผิด แต่เธอก็ไม่เคยสนทนากับเขา แต่เอาเถอะ ก็คงไม่ต่างจากอวิ๋นไห่เฉินหรือ เธอจะรวมพวกเขาเป็นหนึ่งในคนที่รังเกียจเธอด้วยก็แล้วกัน
‘เข้ามาตระกูลอวิ๋น มีศัตรูเพิ่มสงสัยจะอยู่ชานเมืองกับคุณยายยาว ๆ ไม่กลับเข้าเมืองอีกแล้วล่ะ’
แต่ว่ามหาวิทยาลัยดันอยู่ในเมืองนี่สิ เธอปวดหัวเหลือเกิน ‘หรือเธอจะเปิดโรงเรียนสอนออกแบบเองมันเสียเลย’
“มานี่สิหลานรัก”
อวิ๋นฉ่ายกวักมือเรียกซูจิ้งหนาน ทำให้เธอค่อย ๆ คลานเข่าเข้าไปหานั่งลงที่พื้นข้าง ๆ คุณปู่ เพราะรู้ดีการนั่งเสมอผู้ใหญ่ไม่ควรนักในยุคนี้ แต่ทว่าคุณปู่กลับดึงเธอมานั่งข้าง ๆ ก่อนจะวางกล่องนั้นให้เธอ
“นี่คือของที่ปู่รักที่สุด เอาไปเถอะซ่อมชุดนั้นให้เสร็จแล้วเอามาให้ปู่ดูหน่อยนะ”
ซูจิ้งหนานยิ้มก่อนจะรับมาเปิดดูเป็นไหมที่คล้ายเส้นไยทองคำ เธอไม่รู้ว่ามันทำได้อย่างไร ดูเหมือนเก่าแก่มาก ๆ แต่กลับมีสีสันเปล่งประกายอีกด้วย
เรื่องงานฝีมือเธอก็ไม่ได้ด้อยกว่าผู้ใด แม้ไม่ได้เป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดัง แต่ก็อยู่ในวงการออกแบบมาไม่น้อย ดังนั้นการซ่อมชุดเป็นสิ่งที่เธอถนัด
“จะไม่เสี่ยงไปหน่อยหรือคะ” สวี่เซียนหรูรู้ดีว่านี่คือของสำคัญของสหายอย่างอวิ๋นฉ่าย
“ฉันจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้...อยากให้ของชิ้นนี้ได้ใช้ประโยชน์และอยากเห็นมันก่อนตาย”
คำพูดของอวิ๋นฉ่ายไม่มีใครห้ามได้ เพราะถือเป็นคำสั่งเด็ดขาด แต่ติดก็ตรงที่หานอวี้เฉิงขัดใจที่ซูจิ้งหนานผู้หญิงร้าย ๆ คนนั้นน่ะสิ ที่นั่งปั้นหน้าต่อหน้าคุณปู่อวิ๋นเช่นนั้น มันขัดหูขัดตาเขาเสียเหลือเกิน
ทั้งที่เมื่อก่อนเขามองผู้หญิงคนนี้เหมือนเป็นอากาศที่ไม่มีตัวตน แต่พยายามให้ทุกคนมองเธอ แต่เมื่อมองอย่างนี้กลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจลึก ๆ ที่มีคนสนใจคนอย่างเธอ
มารยาของเธอไม่ใช่แค่หลอกสหายอย่างซ่งเยี่ยนซิน แต่กลับมาหลอกใช้กับคนแก่อีกอย่างนั้นเหรอ
เสน่ห์เธอมันเหลือล้นจริง ๆ ให้ตายสิเขาอยากจับเธอมาบีบคอจริง ๆ
“เรื่องการค้าทั้งหมดกับโรงสีตระกูลซู นับจากนี้ไปจะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลอวิ๋น เข้าใจหรือไม่ อวิ๋นไห่เฉิน”
คำสั่งเฉียบขาดนั้นใครจะกล้าขัด
ส่วนซูจิ้งหนานที่ไม่ได้สนใจเรื่องความร่วมมือการค้าใด ๆ เธอสนก็เพียงแค่ของที่อยู่ในมือ ที่ใช้ปลายนิ้วที่ตะไบเล็บอย่างสวยงามค่อย ๆ ลูบมันอย่างทะนุถนอม ราวกับได้พบสิ่งล้ำค่า
“แล้วงานเลี้ยงยายหนูหนานหนานจะยังมาหรือเปล่า”
ซูจิ้งหนานได้สติเมื่อคุณปู่หันมาเอ่ยถาม แต่ทว่าเธอกลับยิ้มเศร้า ๆ แล้วกล่าว “คงไม่ได้ไปแล้วล่ะค่ะคุณปู่ หนานหนานต้องไปอยู่กับคุณยายที่ชานเมืองแล้ว”
เธอไม่สะดวกด้วยแล้วก็ไม่อยากพบเจอบุรุษสี่ตระกูลสักพัก วันนี้เจอสองตระกูลและก็รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่ส่งมา ทำให้รู้ว่านางร้ายคนนี้ควรหลีกหนีคนพวกนี้สักพักเถอะ
เธอเหนื่อย!
“ได้ที่ไหน...แล้วเธอไม่คิดจะมางานเลี้ยงบ้างรึ”
ซูจิ้งหนานหันขวับทันที ที่คุณปู่พูดกับคุณยายอย่างนั้น ให้ตายเถอะขอร้องอย่าให้คุณยายมางานเลี้ยงเลย เธอกำลังจะเปลี่ยนชะตานางร้ายให้รอด แต่เหมือนมีมือที่กำลังดึงให้เธอมาตายเหมือนเดิม
“หนานหนานไม่อยากมา ฉันก็คงจะอยู่กับหลาน อีกอย่างคงยังไม่สบายใจนัก”
ใช่เพราะครั้งนี้ตระกูลซ่งจัดงาน ตระกูลซูย่อมเข้าร่วมอยู่แล้ว แม้ว่าเส้นทางการค้าไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่ว่าในเรื่องความสัมพันธ์คงละเลยไม่ได้
แต่คนที่แปลกใจยังคงเป็นหานอวี้เฉิง ที่มองซูจิ้ง หนานไม่วางตา เพราะงานนี้ซูจิ้งหนานควรจะมาเปิดตัว และหาทางเป็นข่าวกับสหายของเขาสิ แล้วเหตุใด...
“เช่นนั้นก็ไม่บังคับ แต่ว่า...ตัดสินใจอีกทีก็แล้วกัน”
คุณปู่ดูไม่ล้มเลิกความตั้งใจ แต่ซูจิ้งหนานตัดใจไปแล้ว เธอไม่ชอบสังคมอะไรแบบนั้นแล้วล่ะ มันจอมปลอม เธอไม่อยากเป็นจุดเด่นให้ใครมามองเธออย่างเหยียดหยามอีกแล้ว
เมื่อคุยธุระกันเสร็จ ซูจิ้งหนานเดินตามหลังคุณยายออกจากบ้านของคุณปู่อวิ๋น แต่ทว่าสายตาของเธอก็มองไปยังเงาที่กำลังเดินเข้ามาในระยะไกลลิบ ๆ แต่คาดคะเนแล้ว น่าจะเป็นคุณพ่อ แม่เลี้ยง และแม่นางเอกอะไรนั่น เธอสะบัดหน้าก่อนจะก้าวขึ้นรถ ทว่ากลับมีมือหนึ่งเข้ามาแย่งที่จับตรงประตูรถ
ดวงตากลมโตไร้เดียงสาเงยหนาขึ้นสบกับคนที่มาแย่งเธอเปิดประตู แต่เมื่อเห็นว่าเป็นคุณชายหาน เธอก็มองนิ่ง ๆ คล้ายกับไม่ได้อยากจะสนทนาด้วย แต่ชายคนนั้นกลับเลือกที่จะ...
ข่มขู่!
“ฉันจะจับตาดูเธอ...อย่าคิดว่ามารยาแค่นี้จะทำให้ภาพความร้ายกาจของเธอลบหายไป ของที่คู่ควรก็สมควรอยู่กับคนที่คู่ควร”
เฮอะ...นางเอกยังไม่ทันมาถึง เหล่าพระรองออกโรงปกป้องกันขนาดนี้ ไม่ส่งของหมั้นไปสู่ขอแม่นางเอกเลยล่ะ เธอจะอวยพรให้รักกันจนตราบชั่วฟ้าดินสลายเลย
แต่ซูจิ้งหนานกลับยิ้มเต็มใบหน้าก่อนกล่าวออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
“ไม่นึกว่าเรื่องของฉันจะน่าสนใจจนทำให้คุณชายรองหานใส่ใจขนาดนี้ ขอบคุณนะคะ”
ยิ้มหวานปานน้ำผึ้งผสมยาพิษนั้นทำให้หานอวี้เฉิงชะงัก นอกจากเธอไม่เกรงกลัวแล้วยังทำเหมือนเขาคือสหายวิ่งเล่นด้วยกัน ทั้งที่เขาอายุห่างจากเธอตั้งหลายปี
ยายเด็กร้ายคนนี้!