ร้านอาหารกึ่งบาร์ร้านประจำกลุ่มเตชินท์ที่มักนัดพบเจอกันอยู่เป็นประจำ และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ดารินเดินกรีดกรายในชุดกระโปรงสั้นเดินมาหยุดที่โต๊ะ พลันเอ่ยถามหาบุคคลที่เธอไม่เห็นหน้า
“เตชินท์ยังไม่มาเหรอ” ดวงตากลมกวาดตามองไปโดยรอบบริเวณ กลับยังคงไม่พบบุคคลที่เธอต้องการเจอ
“มาถึงก็ถามหาแต่ไอ้เตชินท์เลยนะ” ดนุนัยเอ่ยแซวขึ้น เหล่ตามองธนิน พลันยกยิ้มมุมปากดั่งคนเจ้าเล่ห์
“ฉันเบื่อพวกนายไง” ดารินตอบกลับด้วยสีหน้าเซ็งแซ่ หมดหนทางเลือกจึงทำได้เพียงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างมีจริต
“ไอ้ธนินช่วยกูจัดการดารินหน่อยสิวะ” ดนุนัยเอ่ยปากเรียกธนินที่นั่งเงียบ เอาแต่จ้องมองหน้าดาริน พลันจิบไวน์ท่าทางสบาย ต่างจากดนุนัยที่ร้อนรนโดยการฟ้องให้ธนินช่วยเสมือนเด็กกำลังถูกรังแก
“ดื้อด้านแบบนี้ ใครจะจัดการไหว” ธนินตอบกลับด้วยน้ำเสียงและใบหน้าเรียบเฉย ประโยคที่ไม่เจาะจง แต่สามารถทำให้เจ้าตัวอย่างดารินรับรู้ได้
“ธนิน” ดารินแว้ดเสียงใส่ธนินด้วยสีหน้าไม่พอใจ พลันยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความโมโห
“เจอกันเมื่อไหร่ กัดกันตลอด ระวังได้กันเองนะเว้ย” ดนุนัยอดแซวทั้งคู่ไม่ได้ เพียงเพราะไม่นานมานี้ เวลาเจอกันทั้งคู่มักตั้งแง่ใส่กันมาตลอด โดยไม่มีใครทราบสาเหตุนอกจากเจ้าตัว
“ไม่มีทาง/หุบปาก ไอ้เวร” ดารินและธนินสบถขึ้นมาพร้อมกัน พลันพร้อมใจกันส่งสายตาอาฆาตใส่ดนุนัยที่กำลังพูดจาไม่เข้าท่า
“อะไรวะ? กูทำอะไรให้ถึงต้องมาหงุดหงิดใส่ขนาดนี้” ดนุนัยเลิกลักไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าประโยคที่ตนเองพูดออกมา จะทำให้ดารินและธนินหงุดหงิดขึ้นฉับพลันเช่นนี้
ดารินตั้งท่าจะเดินออกจากโต๊ะ แต่กลับถูกธนินเอ่ยปากติเตือนเสมือนผู้ใหญ่กำลังสั่งสอนเด็กที่มักหนีปัญหาก็ไม่ปาน
“ทำตัวเป็นเด็กไปได้”
“วันนี้ไอ้เตชินท์ไม่มาหรอก ต้องอยู่สอนการบ้านเมีย” ดนุนัยตัดสินใจเอ่ยปากบอกดารินด้วยน้ำเสียงจริงจังไร้ท่าทางล้อเล่น เพียงแค่เห็นท่าทางหงุดหงิดแบบจริงจัง จนทำให้ดารินให้ความสนใจและทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม
“เมียเตชินท์เรียนอยู่เหรอ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ดนุนัยบอกเล่าเลยสักนิด
“ได้ยินไอ้เตชินท์บอกว่าไปรับที่มหา’ลัย ถ้าไม่ใช่เมียก็คงเป็นเด็กที่มันแอบซุกเอาไว้” หากไม่ใช่เมียก็คงเป็นเด็กนักศึกษาที่เตชินท์รับเลี้ยงเอาไว้ แต่หากให้พวกเขาทั้งสามลงความเห็นก็คงต้องเป็นภรรยาแน่นอน
“เตชินท์ไม่ได้นิสัยเหมือนนายดนุนัย”
“คนไม่พูดมาก ไม่เจ้าชู้แบบไอ้เตชินท์นี่แหละที่น่ากลัว” ดนุนัยยกยิ้มมุมปากเสมือนมีความในใจ
“น่ากลัวยังไง” ดารินอดเอ่ยถามกลับไม่ได้ เนื่องจากคำพูดชวนให้สงสัยจนอยากทราบเรื่องต่อ
“เพราะเวลามันคลั่งรัก มันจะทำทุกอย่างเพื่อตะครุบเหยื่อไม่ให้หนีรอดไปไหน” หากเดานิสัยเตชินท์ไม่ผิด ผู้ชายที่ดูทรงไม่สนใจผู้หญิงคนไหน แต่หากได้สนใจแล้ว นั่นแสดงว่าถูกล็อกเป้าเอาไว้เรียบร้อยและคงไม่มีทางหนีพ้นแน่นอน
“พูดซะน่ากลัวเลย” ดารินอดแซวคำพูดของดนุนัยไม่ได้ คำว่าคลั่งรัก เธอไม่เคยเห็นจากผู้ชายอย่างเตชินท์เลยสักครั้ง
เพราะทุกครั้งมักมีคำว่าเย็นชา เย็นยะเยือกต่อผู้หญิงคนอื่น และคงเว้นไว้กับเธอเล็กน้อย เพียงเพราะเธอคือเพื่อนสนิทของเขาเท่านั้น
“ไม่น่ากลัวหรอก เวลาถูกใครคลั่งรักคงดีจะตาย”
“พูดเหมือนนายกำลังมีความรัก” ดารินหรี่ตาจับผิดดนุนัย ผู้ชายที่ขึ้นชื่อเจ้าชู้ตัวพ่อในวงการธุรกิจ ลื่นไหลดั่งปลาไหลในน้ำ
“ไม่มีทางครับ เสืออย่างกระผมไม่มีวันหลงเหยื่อเด็ดขาด” ดนุนัยปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะมีความรักในเวลานี้แน่นอน
“กูจะคอยดู” ธนินนั่งฟังเงียบ ๆ อยู่นาน พูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ส่งสายตาเสมือนกำลังสาปแช่งดนุนัยให้เจอผู้หญิงที่สามารถจัดการกับชายหนุ่มให้อยู่หมัดได้ในเร็ววัน
“ถ้าเตชินท์ไม่มา ฉันขอตัวกลับ” บทสนทนาทุกอย่างจบลง ดารินจึงรีบขอตัวกลับทันที เพียงเพราะไม่ชอบสายตาคู่หนึ่งที่มักมองมาทางเธออยู่เสมอ
“จะรีบไปไหน” ธนินยันตัวลุกขึ้นตามดาริน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยดั่งเช่นทุกครั้ง
“ไม่ใช่เรื่องของนาย” เมื่อเจอคำถามของธนิน ดารินจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
“เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่ต้อง เพราะฉันไม่อยากอยู่ใกล้นาย” ดารินสะบัดหน้าหนีธนินเสมือนไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าด้วยซ้ำไป
“ทำไม? อยากอยู่ใกล้ไอ้เตชินท์ว่างั้น” คำพูดประชดประชันหลุดออกจากปากธนิน แสดงท่าทีไม่สบอารมณ์ออกมาชัดเจน
“ก็ใช่ไง ฉันอยากอยู่ใกล้เตชินท์คนเดียวเท่านั้น” ดารินประกาศเสียงกร้าวต่อหน้าธนินและดนุนัย และดีไม่น้อยที่เธอได้พูดแบบนี้ออกมาให้เพื่อนในกลุ่มได้ทราบ ยกเว้นเตชินท์ ที่ยังคงไม่รับรู้อะไร
“แต่ฉันเป็น” ธนินพยายามจะพูดประโยคหนึ่งออกมา แต่กลับถูกดารินตวาดเสียงแหลมขัดขึ้นเสียก่อนที่ประโยคนั้นจะหลุดออกมาจากปากธนิน
“หุบปากของนายซะ”
“เฮ้อ! ใจเย็นก่อนดิวะ ทะเลาะอะไรกันไม่เข้าเรื่อง” ดนุนัยที่นั่งคั่นกลางหันซ้าย หันขวามองหน้าทั้งคู่สลับกันและรีบยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้
แทรกกลางระหว่างธนินและดาริน พลันเอ่ยปากห้ามปรามทั้งคู่ให้หยุดโต้เถียงกัน จนกระทั่ง ดารินเป็นฝ่ายเดินหนีออกจากร้านไป
ธนินและดนุนัยจ้องมองแผ่นหลังบางที่เดินออกจากร้านไปด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจความคิดของดารินในเวลานี้
“มึงดูดารินดิวะ? รู้ทั้งรู้ว่าไอ้เตชินท์แต่งงานแล้ว ยังไม่เลิกยุ่งอีก”
“แต่กูกลับรู้สึกว่าดารินไม่ได้ชอบไอ้เตชินท์แบบชู้สาว” แม้ดารินจะแสดงตัวตนเช่นนั้นออกมา แต่ลึก ๆ แล้ว ดนุนัยกลับรู้สึกว่าทุกอย่างที่ดารินกำลังกระทำอยู่มีเหตุผลบางอย่างแอบแฝงในนั้น
“มึงเอาอะไรมาพูด ตามไอ้เตชินท์ขนาดนั้น” ธนินตอบกลับท่าทางหัวเสียกับความดื้อรั้นของดาริน
“เหมือนเธอกำลังพยายามใช้ไอ้เตชินท์ปกปิดบางเรื่องอยู่ รึเปล่า” ดนุนัยวิเคราะห์ตามความรู้สึกตนเอง แต่สิ่งที่ดนุนัยพูดออกมานั้น กลับทำให้ธนินชะงักไปเล็กน้อยและสงบอารมณ์ลงนั่งดื่มไวน์ต่อเงียบ ๆ
@คอนโดฯ หรูกลางกรุง
“ในที่สุดฉันก็ได้ที่ฝึกงานสักที” เกวลินเฮดังลั่นเพียงแค่เธอได้รับอีเมลตอบกลับจากบริษัทวัฒนะกุลหมาด ๆ
“เป็นอะไร” เตชินท์เดินออกมาจากห้องนอน มุ่งตรงไปหาเกวลินที่อยู่หน้าทีวีด้วยความสังสัยปนอยากรู้
“คุณฉันได้ที่ฝึกงานแล้ว” เพียงแค่เตชินท์เดินไปหยุดตรงหน้าเกวลิน ด้วยความรู้สึกดีใจจนเผลอลืมตัวกระโดดกอดชายหนุ่มแน่น
กึก! ร่างสูงโปร่งที่ถูกกอดรัดด้วยความดีใจ ยืนนิ่งอึ้งเสมือนตนเองกำลังฝันไป เพียงเพราะได้ยินน้ำเสียงสดใสปนดีใจและอ้อมกอดแรกจากภรรยา
“ดีใจชะมัดเลย”
“ได้ที่ไหน?” เสียงทุ้มเตชินท์เอ่ยถามขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มร้ายที่ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา
“บริษัทคุณไง แถมยังได้ฝ่ายบริหารตามสายที่เรียนมาด้วย”
“จะกอดอีกนานไหม” เมื่อเห็นว่าเกวลินไม่มีท่าทีหนีห่าง เตชินท์จึงเป็นฝ่ายกระแอมและบอกกล่าวให้เธอรับรู้การกระทำตนเองในเวลานี้
“อุ้ย! โทษที ลืมตัวไปหน่อย”
“ดีใจขนาดนั้นเลย” นัยน์ตาคมจ้องมองใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มกว้างที่สดใส นัยน์ตาประกายความสุขออกมาจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“ดีใจสิคุณ ก็ฉัน” เกวลินชะงักไปเล็กน้อย พลันนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนเองตอบกลับมาเบลไปแบบส่ง ๆ
“อะไร” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย คำพูดท้ายประโยคที่ขาดห้วงไป ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มดั่งนางมารร้าย
“เปล่าหรอก วันนี้ฉันอารมณ์ดี ดื่มไวน์กันไหม”
“เป็นเด็กเป็นเล็ก” เตชินท์ส่ายศีรษะเล็กน้อย เพียงเพราะถูกเกวลินที่เด็กกว่าตั้งหลายปีชวนดื่มของมึนเมา
“เด็กที่ไหน? เขามีสามีกัน” เด็กตรงไหน? ณ ตอนนี้เธอเรียนอยู่ปีสี่ ปีสุดท้ายของมหา’ลัยแถมยังมีสามีถูกต้องตามกฎหมายไปแล้ว แบบนี้ยังจะบอกว่าเธอเด็กอยู่อีกเหรอ?
“ก็ถูกของเธอ งั้นเอาสิ จะดื่มเป็นเพื่อน” เตชินท์พยักหน้ารับเบา ๆ เห็นด้วยกับประโยคคำพูดของหญิงสาว จึงพลันตอบตกลงดื่มเป็นเพื่อนเธอ