“มาแล้ว มาแล้ว” เสียงหวานดังขึ้นมาแต่ไกล ร่างบางปรากฏตัวที่ระเบียงคอนโดฯ พร้อมกับขวดไวน์ติดมือ พลันเดินไปทรุดตัวนั่งลงข้างเตชินท์ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“อารมณ์ดีขนาดนั้นเลย” เสียงทุ้มเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างตนเอง เพียงแค่เห็นว่าเธออารมณ์ดีกว่าปกติ
“มาก รู้ไหม? กว่าจะได้ที่ฝึกงาน หนูนี่ลุ้นจนนอนไม่หลับ” ใบหน้าสวยหวานประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้างเป็นเครื่องยืนยันชั้นดี
“ได้ยินเสียงกรนทุกคืน” เตชินท์ส่ายศีรษะเบา ๆ เต็มไปด้วยอาการเอือมระอา เพียงแค่ทุกคืนได้ยินเสียกรนเบา ๆ ดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
“หนูไม่กรนสักหน่อย” เกวลินค้านหัวชนฝา ผู้หญิงตัวเล็กแบบเธอจะกรนได้ยังไง? และแน่นอนว่าเรื่องที่เตชินท์กล่าวหาเป็นเท็จทั้งปวง
“แน่ใจ” เตชินท์เลิกหางคิ้วเชิงเอ่ยถามย้ำคำตอบจากเกวลิน นัยน์ตายังคงจับจ้องมองใบหน้าสวยเสมือนรอคำตอบ
“ไม่รู้สิ คนหลับไปแล้วจะรู้ได้ยังไง” แก้มนวลพองลมเล็กน้อย พลันตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ใบหน้าเลิ่กลั่ก เมื่อเจอเตชินท์ยิงคำถามกลับ
“ของคุณ” เกวลินรินไวน์แดงใส่แก้ว ยื่นส่งเตชินท์อย่างรู้งาน พลันหาทางเปลี่ยนเรื่องคุยที่น่าอายสำหรับตนเอง
“ชอบดื่มเหรอ” เพียงแค่เห็นท่าทางรินไวน์ดั่งคนชำนาญ จนเตชินท์ที่เห็นการกระทำของหญิงสาวเอ่ยปากถามขึ้น
“ไม่หรอกค่ะ ดื่มแค่ตอนดีใจกับตอนเสียใจ” เธอไม่ได้ดื่มเป็นชีวิตจิตใจ แต่หากวันไหนมีเรื่องดีใจที่ต้องฉลองหรือมีเรื่องเสียใจที่ต้องดื่มให้ลืมก็แค่นั้น
“ถ้าไม่ดื่มคืออารมณ์ปกติ”
“ถูกต้อง” หากวันไหนไม่ดื่มคืออารมณ์ปกติคงที่ ไม่ได้มีอะไรพิเศษดั่งเช่นวันนี้ วันที่เธอลุ้นตัวโก่งอยู่หลายวัน
เตชินท์นั่งดื่มอยู่กับเกวลินสักพัก กลับรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของคนตัวเล็กที่มีพวงแก้มและแววตาแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่กำลังเล่นงานร่างกายของเธอ
“เธอเมาแล้ว”
“ไม่เมาหรอก หนูแค่มึน” เกวลินตอบปฏิเสธ ยกมือเล็กขึ้นนวดคลึงขมับตนเองเบา ๆ
“แน่ใจ?” ท่าทางเกวลินบ่งบอกว่าเธอกำลังเมา จนทำให้เตชินท์เอ่ยปากถามย้ำให้แน่ใจอีกครา
“แน่ใจสิ เพราะหนูคอแข็งมาก” นิ้วเล็กดีดลำคอระหงของตนเอง โชว์ศักยภาพอันล้นหลามที่มั่นใจให้กับชายหนุ่มได้เห็น
“เชื่อได้จริง ๆ ใช่ไหม” เตชินท์ทำได้เพียงส่ายศีรษะเบา ๆ เอือมระอา แต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มบางปรากฏขึ้น
“ได้สิ หนูไม่เคยโกหก” เกวลินพยักหน้าหงึก ๆ สายตาบ่งบอกถึงความมั่นใจอันเปี่ยมล้น
“จริงเหรอ”
“จริงแท้ แน่นอน”
“งั้นขอถามอะไรหน่อยสิ” ในเมื่อเวลานี้คือโอกาสทอง เตชินท์ที่มีคำถามค้างคาใจมากมาย จึงรีบใช้โอกาสนี้ตั้งคำถามกับหญิงสาวที่กำลังเมา
“คำถามละหนึ่งพัน ยอมจ่ายไหมล่ะ” แน่นอนว่าเธอไม่ยอมเสียเปรียบเด็ดขาด แม้ว่าจะเมาหรือป่วย เธอไม่มีทางเสียเปรียบใครเด็ดขาด
“เธอเป็นเมียหรือเป็นรถไถกันแน่” เตชินท์สบถออกมา นัยน์ตายังคงจับจ้องมองใบหน้าหวานด้วยสายตาทึ่ง
“เป็นได้หมดค่ะ”
“คำถามแรก” ณ เวลานี้คงต้องยอมหยิบเงินจากกระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่ไม่ไกลออกมาปึกหนึ่ง
“จ่ายมาก่อน” เพียงแค่เห็นเงินปึกหนึ่งในมือเตชินท์ มือเล็กแบตรงหน้าชายหนุ่มด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ทันที
“งกจริง” เตชินท์บ่นเล็กน้อย แต่ก็ยอมวางธนบัตรสีเทาหนึ่งใบบนมือเล็ก อย่างไร้ทางเลือก
“ขอบคุณค่ะ เริ่มคำถามได้เลยค่ะ” รอยยิ้มกริ่ม สายตาพึงพอใจปนภาคภูมิใจในวิธีหาเงินของตนเอง
“เธอรู้สึกยังไง? ที่ต้องแต่งงานกับฉัน” คำถามแรกคือคำถามที่เตชินท์ค้างคาใจมาโดยตลอด แม้จะทราบคำตอบบางส่วนดีอยู่แล้วก็ตาม แต่เจ้าตัวกลับอยากได้ยินคำตอบจากปากหญิงสาว
“อื้ม ไม่อยากแต่งเลย คุณอายุตั้งเท่าไหร่? เราห่างกันมาก อีกอย่างฉันก็ยังเรียนอยู่ด้วย ยังอยากใช้ชีวิตวัยรุ่น”
“แต่งงานกับฉันเธอใช้ชีวิตวัยรุ่นไม่ได้รึไง” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เอ่ยถามเสียงเข้ม
“จ่ายมาค่ะ อย่าให้ทวง” เกวลินแบมือตรงหน้าเตชินท์ กระดิกนิ้วเล็กน้อยเสมือนกำลังไถเงินก็ไม่ปาน
“รวบยอดไหม”
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวคุณโกง”
“เอาไป” เตชินท์ถอนหายใจพรืดยาว วางธนบัตรสีเทาบนมือเล็กด้วยสีหน้าจำใจ ไร้ทางต่อรอง
“ตอนแรกไง เป็นเรื่องวิตกกังวลครั้งแรก แต่พอได้ใช้ชีวิตอยู่กับคุณก็ไม่ได้แย่” น้ำเสียงและใบหน้าจริงจังตอบกลับอย่างจริงใจ เพราะทุกคำพูดล้วนออกมาจากความรู้สึกนึกคิด
“ยังอยากหย่าอยู่ไหม” คำถามนี้เตชินท์วางธนบัตรหนึ่งใบลงบนมือเล็กโดยไม่ต้องร้องขอ นัยน์ตาจับจ้องมองใบหน้าสวยเสมือนรอคำตอบใจจดใจจ่อ
“ก็ยังอยากหย่าอยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่หย่าหรอก”
“ทำไม” เตชินท์เอ่ยถามกลับเสียงเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มหงุดหงิดกับคำตอบที่ได้รับจากหญิงสาวเนือง ๆ
“อ้าว ก็ฉันยังเรียนไม่จบ หย่ากับคุณตอนนี้จะเอาอะไรกินคะ? ชีวิตต้องกินต้องใช้นะ”
“หัวธุรกิจฉิบ” เตชินท์สบถออกมาด้วยอาการหัวเสีย เกวลินไม่ใช่ผู้หญิงใสซื่ออย่างที่เขาคิดมาโดยตลอด แต่เธอคือผู้หญิงที่มีหัวด้านธุรกิจ
“ขอบคุณที่ชมค่ะ” เกวลินพยักหน้ารับพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง แม้ว่าคำชมจะเต็มไปด้วยคำพูดประชดประชันก็ตาม
“ตอนนี้เธอมีแฟนหรือมีคนรักรึไง” เกวลินแอบตกใจกับคำถามที่ได้ยินจากปากเตชินท์ไม่น้อย ไม่ต่างอะไรจากเจ้าของคำถามที่กำลังเลิ่กลั่กกับคำถามของตนเอง
“ยังค่ะ หนูยังโสดสนิทแต่มีคนมาจีบเยอะมาก”
“ใคร?” เสียงเข้มถามกลับทันที นัยน์ตาคมราวกับใบมีดเสมือนกำลังเฉือนเกวลินเป็นชิ้น แต่กลับไม่ได้ทำให้เกวลินรู้สึกกลัวกับสายตาคมแม้แต่น้อย
“หลายคน บอกไปคุณจะรู้จักเหรอ” เกวลินไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มต้องการทราบไปทำไม? หากทราบไปคงไม่รู้จักพวกเขาเหล่านั้นอยู่ดี
“แต่ตอนนี้เธออย่าลืมว่าตัวเองมีสามีแล้ว”
“ฉันไม่ลืมหรอก และแน่นอนว่าฉันไม่มีทางผิดศีลแน่นอน”
“ตอบคำถามได้ดี งั้นเอาไปหมดเลย” ธนบัตรปึกหนึ่งวางบนมือเล็กด้วยฝีมือของเตชินท์ ที่รู้สึกดีใจกับคำถามจากเกวลิน
“เปย์ไม่หยุดไม่หย่อนจริง ๆ” เตชินท์จัดเป็นผู้ชายที่เปย์ดีมากโดยตลอด จนเกวลินต้องรีบเอ่ยปากชมด้วยความเหนื่อยใจ
“งั้นคำถามสุดท้าย” คนถามเผลอลืมจนต้องเอ่ยปากร้องขออีกครั้ง และครั้งนี้เกวลินกลับใจป๋าไม่เรียกร้องธนบัตรแต่อย่างใด
“ว่ามาค่ะ”
“ตอนนี้เธออยากทำอะไรมากที่สุด” นัยน์ตาคมจ้องมองใบหน้าสวยไม่ละสายตา นัยน์ตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง ที่แฝงไปด้วยแรงดึงดูดมหาศาล
“อือ อยากลองจูบคุณดู จะได้ไหมล่ะ” ดวงตากลมโตหวานเยิ้ม ยกยิ้มมุมปากดั่งนางมารร้าย จับจ้องสบประสานตาคมกริบไม่ถดถอย กวาดสายตาสำรวจใบหน้าหล่อเหลา จนกระทั่ง สายตานั้นหยุดบริเวณปากอมชมพู
“.......” เตชินท์กลับเงียบไร้คำตอบ แต่นัยน์ตาคมยังคงจับจ้องเกวลินไม่ละสายตา
“เงียบแสดงว่าไม่ อื้อ” เกวลินเม้มปากเสมือนกำลังลังเลใจ และกำลังจะตัดบททุกอย่าง
แต่ กลับถูกมือหนารั้งท้ายทอยเข้าไปประกบปากจูบ จูบที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวลชวนเคลิบเคลิ้ม สอดแทรกไปด้วยลิ้นร้อนเกลียวพันหยอกล้อไปมา จนแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่เร่าร้อนชวนลุ่มหลง
จนกระทั่ง! ทุกอย่างจบลงเพียงเพราะเกวลินตัดสวิตช์ชีวิตตนเอง เผลอหลับกลางอากาศ
“เกวลิน” เตชินท์เอ่ยปากเรียกเกวลินเบา ๆ พลันยกข้อมือเล็กขึ้นมาวัดชีพจรด้วยความเป็นห่วง จนร่างบางเซซบซุกหน้ากับแผงอกแกร่ง
“ตัวแสบ” เตชินท์กัดฟันกรอด ข่มอารมณ์บางอย่างที่ปะทุและโจมตีตนเองในเวลานี้ พลันต้องรีบอุ้มร่างบางเข้าไปนอนในห้อง และปรี่เข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการตนเอง