ชีวิตคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
บทที่ 1
ชีวิตคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
“สวัสดีค่ะพี่ไก่ มาส่งขนมค่า”
เสียงหวานใสที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของหญิงสาวร่างเพรียวระหงดังขึ้นอย่างอารมณ์ดี ทำให้เจ้าของร้านกาแฟวัยกลางคนจำได้ทันทีที่ได้ยิน
“สวัสดีค่ะน้องฟาง วันนี้มาส่งเร็วนะเนี่ย” พี่ไก่ซึ่งยืนหันหลังรีบวางภาชนะสำหรับชงกาแฟที่กำลังล้างลงบนซิงก์ แล้วหันหน้ามายิ้มทักทายสาวสวยที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนท่าทางทะมัดทะแมง ซึ่งรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดีในระดับหนึ่ง
“พอดีวันนี้ฟางมีธุระต้องเข้ากรุงเทพฯ น่ะค่ะ เลยออกมาส่งไว จะได้รีบกลับไปเก็บกระเป๋าต่อ เมื่อคืนต้องเร่งทำขนม ไม่มีเวลาเก็บของเลยค่ะ” กัญญาวีร์บอกสาเหตุที่ต้องนำขนมออกมาส่งเร็วกว่าปกติ เพราะเย็นนี้เธอต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปร่วมงานแต่งเพื่อนสนิทซึ่งจะจัดขึ้นในคืนวันพรุ่งนี้
อันที่จริงจากอำเภอปากช่องไปกรุงเทพฯ ใช้เวลาขับรถสองถึงสามชั่วโมงโดยประมาณ ทว่าสาเหตุที่เลือกเดินทางวันนี้ก็เพราะว่าเย็นนี้กลุ่มเพื่อนของเธอนัดปาร์ตี และมีหมายเหตุแบบเฉพาะเจาะจงว่าเธอต้องไปร่วมงานปาร์ตีนี้ให้ได้ โดยเพื่อนให้เหตุผลว่าไม่ได้เห็นหน้าเธอนานแล้ว
ซึ่งก็จริง ตั้งแต่ตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่อำเภอบ้านเกิดอย่างปากช่อง เธอก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้าเมืองหลวงสักเท่าไร ได้เจอกันบ้างตอนที่เพื่อนบางคนมาเที่ยวเขาใหญ่และแวะเยี่ยมเยียน
“อ้าวเหรอ เจ้าหมูป้องก็ไปด้วยใช่ไหม” เจ้าของร้านกาแฟถามต่อ
“ไปค่ะ ถ้าไม่เอาไปด้วยก็ไม่รู้ว่าจะให้อยู่กับใคร เลยถือโอกาสพาไปเที่ยวด้วยซะเลย” กัญญาวีร์ว่าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยิ้มกว้างอีกเมื่อนึกถึงสีหน้าดีใจและตื่นเต้นสุดขีดของปกป้องลูกชายวัยสี่ขวบของตน ตอนที่แกได้รู้ว่าจะได้ไปเที่ยวสวนสนุกที่มีเครื่องเล่นมากมาย
“ดี ๆ สัปดาห์นี้หยุดยาวด้วยนี่ ได้เที่ยวสามวันเต็ม ๆ เลย”
“ใช่ค่ะ นาน ๆ จะมีโอกาสพาแกไปเที่ยวที” เพียงแค่จินตนาการไปถึงวันที่จะได้พาลูกไปเปิดหูเปิดตา นึกถึงสีหน้าและแววตาอยากรู้อยากเห็นของลูกเมื่อเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่แปลกใหม่ กัญญาวีร์ก็รู้สึกสุขใจจนแทบจะหุบยิ้มไม่ได้
“หมูป้องคงดีใจ” พี่ไก่ว่ายิ้ม ๆ นึกเอ็นดูเด็กชายอยู่ไม่น้อย ด้วยเห็นมาตั้งแต่เริ่มตั้งไข่ จนตอนนี้พูดจาได้ฉะฉาน
“มาก ๆ เลยค่ะ เมื่อเช้าแทบไม่อยากไปโรงเรียน กลัวแม่ไม่รอ ต้องกล่อมกันอยู่นาน กว่าแกจะเข้าใจ” คุณแม่ลูกหนึ่งเอ่ยกลั้วขำพลางส่ายหน้าอ่อนใจ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่กล่องขนมแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “พี่ไก่ลองเปิดเช็กดูค่ะ รอบนี้ฟางทำมาส่งเยอะกว่าปกตินิดหน่อย เพราะไม่แน่ใจว่าเย็นวันจันทร์จะมีแรงทำขนมไหม เลยทำมาเผื่อขายถึงวันอังคารเลย เฉพาะพวกคุกกี้นะคะ ส่วนเค้กกับขนมปังทำมาปกติ ไม่อยากให้เหลือค้างคืนนาน”
“จะอยู่ถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เห็นหมดก่อนทุกที” หญิงวัยกลางคนเอ่ยพลางเปิดกล่องเช็กขนมที่กัญญาวีร์นำมาส่ง “พี่กล้าฟันธงเลย ไม่เกินวันอาทิตย์หรอก หมดแน่ ๆ พี่บอกให้ทำมาเยอะ ๆ เลย”
“ฟางก็อยากทำเยอะ ๆ ค่ะ อยากรวยไว ๆ จะแย่อยู่แล้ว แต่ทำไม่ไหวจริง ๆ เท่านี้ก็เต็มลิมิตแล้ว มากกว่านี้ฟางคงไม่ได้นอน” กัญญาวีร์ยู่ปากว่าอย่างแสนเสียดาย ถ้าเป็นไปได้เธออยากให้หนึ่งวันมีสักสามสิบชั่วโมง จะได้มีเวลาทำขนมออกมาขายเยอะ ๆ
“โยกที่ไปส่งร้านอื่นมาไว้ที่ร้านพี่สิ” เจ้าของร้านกาแฟที่ไร้ฝีมือการทำเบเกอรีพยายามโน้มน้าวอย่างที่เคยทำประจำ
เชฟขนมหวานมือสมัครเล่นระบายยิ้มอย่างอ่อนใจ ก่อนจะตอบแบบทีเล่นทีจริงอย่างเช่นทุกครั้ง “ไม่ได้หรอกค่ะ ของดีและอร่อยมีน้อยต้องแบ่ง ๆ กัน”
กัญญาวีร์ไม่ได้ทำขนมส่งแค่ร้านพี่ไก่ร้านเดียว แต่เธอยังส่งอีกสามร้านในตัวอำเภอ และทำคุกกี้กับบราวนี่ขายปลีกในช่องทางออนไลน์อีกนิดหน่อย อันที่จริงเธอก็อยากจะทำมากกว่านี้ ทว่างานของเธอไม่ได้มีแค่ทำขนมขายส่งเพียงอย่างเดียว หากเธอยังเป็นนักตัดต่ออิสระ ยิ่งช่วงนี้เทรนด์สร้างคอนเทนต์บนโลกออนไลน์มาแรง งานก็ยิ่งมีเยอะ แต่เธอก็รับได้ในจำนวนที่จำกัด เพราะต้องแบ่งเวลามาดูแลลูกชายที่อยู่ในวัยกำลังดื้อกำลังซน
แต่ถ้าถามว่าทำไมไม่เน้นไปที่งานตัดต่อเพราะเงินดีกว่า ก็ต้องตอบว่าเธอไม่ได้เป็นมืออาชีพ แม้จะก้าวเข้าสู่วงการนี้มาได้ประมาณปีกว่า แต่ด้วยไม่ได้เรียนสายนี้มาโดยตรง เธอจึงยังไม่มั่นใจในฝีมือ เลยไม่กล้าตั้งเรตค่าจ้างที่สูงสักเท่าไร ที่ทำอยู่ตอนนี้ก็เพื่ออยากเก็บประสบการณ์และฝึกฝนตัวเองไปเรื่อย ๆ เผื่อวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้น ชีวิตจะได้มีทางเลือกเหมือนอย่างคนอื่น ๆ เขาบ้าง
“แต่เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้ฟางว่าจะให้น้องที่อยู่บ้านใกล้ ๆ กันมาช่วย คงจะทำได้เยอะขึ้นอีกนิดหน่อย” หญิงสาวเกริ่นไว้คร่าว ๆ เพราะยังไม่แน่ใจและยังไม่ได้ทาบทามเด็กหญิงคนนั้น แต่เธอคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ด้วยเด็กคนนี้มักออกไปทำงานพิเศษข้างนอกอยู่แล้ว หากชวนมาทำงานด้วยกันช่วงปิดเทอมหรือหลังเลิกเรียน เจ้าหล่อนคงไม่ปฏิเสธ
“ดี ๆ รีบชวนมาเลย พี่พร้อมเพิ่มออร์เดอร์มาก ๆ” พี่ไก่รีบบอกทันที
“ได้ค่ะ ถ้าพร้อมเมื่อไร ฟางจะบอกพี่ไก่เป็นคนแรกเลย” กัญญาวีร์ว่ายิ้ม ๆ ที่จริงขนมจากร้านของเธอไม่พอขายมาสักพักแล้วละ แต่ที่หญิงสาวยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตเป็นเพราะว่าเธอยังไม่แน่ใจว่ามันยังจะขายดีอย่างนี้ไปตลอดหรือไม่ ด้วยกลัวว่าขนมอาจจะติดกระแสแค่บางช่วง กระทั่งตอนนี้เธอเริ่มมั่นใจขึ้นมาบ้าง และคิดว่าควรขยับขยายเสียที
“แล้วช่วงนี้ยอดออนไลน์เป็นไงบ้างล่ะ”
“มีออร์เดอร์เข้ามาทุกวันนะคะ แต่ก็รับได้จำนวนจำกัด”
“นั่นไง รีบ ๆ หาคนมาช่วยได้แล้ว ทำได้มากก็ได้เงินเยอะ”
“ฟางก็คิด ๆ เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก็กลัวจะไม่มีเวลาให้ลูก” สิ่งที่ทำให้กัญญาวีร์คิดหนักและยังลังเลก็คือลูกชาย หากเธอผลิตขนมในปริมาณที่เยอะขึ้น เธอก็จะมีเวลาให้ลูกน้อยลงไปอีก แน่นอนว่าการหาเงินเป็นสิ่งสำคัญและดีต่ออนาคต แต่ถ้าละเลยการดูแลเอาใจใส่ลูกในวันนี้ก็อาจจะส่งผลระยะยาวต่อลูกด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าเรื่องนี้มีทางออก ทว่าคงต้องใช้เวลาวางระบบการทำงานใหม่อีกสักพัก
“แต่ยังไงเงินก็สำคัญนะฟาง รู้ใช่ไหมว่าพอเจ้าป้องโตขึ้นยิ่งจะต้องใช้เงินเยอะ”
หญิงสาวพยักหน้า เธอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงลูกคนเดียว ไม่มีสามีคอยช่วยหาหรือช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังถือได้ว่ามีกันแค่สองคนแม่ลูก ส่วนพ่อแม่ของเธอนั้น แม้ไม่ได้ตัดขาด แต่พวกเขาก็ไม่ได้มาสนใจหรือมาดูดำดูดีเธอกับลูก เรียกได้ว่าต่างคนต่างอยู่ หนำซ้ำยังไม่ลงรอยกันสักเท่าไร ซึ่งกัญญาวีร์ไม่ได้รู้สึกแย่แต่อย่างใด ออกจะรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำที่พวกเขาไม่มาขอเงินเพิ่มหรือนำความเดือดร้อนมาให้เหมือนตอนที่เธอยังไม่มีปกป้อง
ทุกวันนี้เธอแค่จ่ายให้เป็นรายเดือนตามจำนวนที่ตกลงกันไว้ ไม่มีบวกเพิ่มให้ได้ใจอย่างแต่ก่อน เพียงแต่เธอต้องส่งไปให้ตรงเวลาทุกเดือน และห้ามช้าแม้แต่วันเดียว
“แค่ตอนนี้ก็กินเก่งจนฟางจะเลี้ยงไม่ไหวอยู่แล้วค่ะ” กัญญาวีร์พูดด้วยรอยยิ้ม เจ้าหมูปกป้องของเธออยู่ในวัยที่กำลังเจริญอาหาร เพราะฉะนั้นเรื่องกินเรื่องใหญ่มาก
“เด็กวัยนี้กำลังกินเก่งเลยละ นึกภาพเจ้าหมูป้องแล้วพี่ก็สงสารพ่อของแกเนอะ จะรู้ไหมเนี่ยว่ามีลูกชายน่ารักน่าชังขนาดนี้”
กัญญาวีร์เพียงแค่ปล่อยรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ได้ตอบโต้ใด ๆ กลับไป เพราะไม่รู้จะพูดอะไร สมองพลันนึกตามคำถามของพี่ไก่
นั่นสินะ...พ่อของเจ้าป้องจะรู้ไหมว่ามีลูกชายน่ารักขนาดนี้ หรือถ้ารู้เขาจะดีใจหรือเสียใจ...ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอไม่อาจคาดเดาได้เลย
“วันหลังพามาเล่นที่ร้านบ้างสิ พี่คิดถึง ไม่ได้เจอนานละ อยากฟัดพุง” พี่ไก่ว่าต่ออย่างมันเขี้ยว ไม่ได้สงสัยหรือพูดอะไรถึงพ่อของปกป้องต่อ เพราะกัญญาวีร์เคยบอกแบบตัดปัญหาไปตั้งแต่แรกแล้วว่าเลิกกัน และเธอสะดวกที่จะเลี้ยงลูกคนเดียวมากกว่า ทั้งที่จริง ๆ แล้วเธอกับเขาไม่น่าจะเรียกว่าเลิกกันได้ เพราะไม่ได้เป็นอะไรกันตั้งแต่ต้น
“ได้ค่ะ ไว้เสาร์หน้าฟางจะพามาส่งขนมด้วย” หญิงสาวตอบรับด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม ดีใจที่มีคนเอ็นดูลูกชายของตน จากนั้นคุณแม่ยังสาวก็ก้มมองนาฬิกาข้อมือ ครั้นเห็นว่าถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นไปสั่งกาแฟหนึ่งแก้วเพื่อดื่มแก้ง่วงระหว่างขับรถกลับบ้าน “เดี๋ยวฟางต้องกลับบ้านแล้ว วันนี้ขอเป็นอเมริกาโน่มะพร้าว เอาแบบจ่ายตังค์นะคะ”
เจ้าของร้านกาแฟระบายยิ้มพลางส่ายหน้าอ่อนใจเมื่อโดนดักอย่างรู้ทัน เพราะเห็นว่าเป็นคนกันเอง อีกทั้งกัญญาวีร์ยังแถมขนมให้มาขายเพิ่มกำไรอยู่บ่อย ๆ หล่อนจึงมักจะให้เครื่องดื่มฟรีเป็นการตอบแทนน้ำใจ หากอีกฝ่ายก็รั้นอยากจะจ่ายเงินแทบทุกครั้ง
“ก็ได้จ้ะ แต่เดี๋ยวพี่แถมโกโก้เย็นไปให้หมูป้องด้วย”
“ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งเหรอคะ” ลูกค้าสาวแซวยิ้ม ๆ แม้จะรู้สึกเกรงใจ เพราะเป็นของซื้อของขายและเธอก็อยากอุดหนุน แต่ก็ยอมรับข้อเสนอพิเศษนี้แต่โดยดี เพราะได้จ่ายหนึ่งแก้วก็คงดีกว่าไม่ได้จ่ายทั้งสองแก้ว