ห้างแกรนด์พีรา
ภายในห้องทำงานของรองประธานบริหาร ในยามเช้าตรู่ซึ่งคนอื่นๆ ยังไม่มาทำงาน ทำให้ธีย์ ภาคย์พินดนย์ได้มีเวลาอิ่มหนำสำราญกับมื้อเช้าอันแสนเร้าใจ
ร่างสูงกำยำนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ ใบหน้าคมคายซุกลงกลางเต้าขาวอวบที่กำลังกระเพื่อมสั่น ในขณะที่หล่อนขยับกายที่กำลังคร่อมร่างกำยำไว้ กลีบฉ่ำโอบครองลำร้อนแข็งชันประสานเป็นหนึ่ง เสียงครวญครางจากการร่วมรักของเจ้านายและเลขาสาวดังไปทั่วห้อง
"อื้ม...คุณธีย์...อ๊าส์"
"อ้าส์! ขยับเร็วขึ้นอีก จะแตกแล้ว โอวส์" ธีย์ออกคำสั่งให้เขมมิกาเร่งเร้าจังหวะการร่วมรัก หล่อนจึงยอมทำตามคำเรียกร้องของเขาอย่างว่าง่าย ความสัมพันธ์ของทั้งสองเกิดขึ้นมาแล้วนานนับปี ทว่าธีย์กลับไม่เคยคิดจะบอกเรื่องของตนและเลขาสาวกับใครแม้แต่พี่ชายของตนเอง
วันจันทร์เวลาก่อนแปดโมงเช้า เหล่าพนักงานออฟฟิศต่างเร่งรีบขึ้นลิฟต์มายังชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าหรูหรากลางเมืองซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของห้าง รวมถึงพีย์ ภาคย์พิรดนย์ก็เช่นกัน
"รายงานยอดขายเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาวางอยู่บนโต๊ะทำงานแล้วนะครับ" วรากรรายงานเจ้านายระหว่างที่เขายืนรออยู่หน้าห้องผู้บริหาร
"นั่นมันหน้าที่เลขา ไม่ใช่หน้าที่ของนาย" พีย์พูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด ผู้ช่วยหนุ่มสังเกตเห็นสีหน้าของเจ้านาย จึงพอจะเดาออกว่าเขาคงมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจ
"ท่านประธานก็ทราบดี ว่าลลิตายังไม่ค่อยจะเข้าใจงานเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เธอเข้าใจดี ก็คือการพยายามทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับท่านประธานครับ" วรากรหมายถึงเลขาคนใหม่
"มองออกขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"ใครเห็นก็มองออกทั้งนั้นแหละครับ เธอมองคุณพีย์ราวกับจะกลืนกินซะอย่างนั้น" ลลิตาเพิ่งเข้ามาทำงานหลังจากที่พีย์หย่าขาดจากดารารัตน์ เพราะอดีตเลขาสนิทสนมกับอดีตภรรยา เขาจึงตัดสินใจให้หล่อนไปทำงานส่วนอื่นแทน
"แล้วจะให้ฉันทำยังไง เขาเป็นเลขาที่คุณพ่อหามาให้ ถึงจะทำงานไม่ค่อยเป็นก็ต้องพยายามสอนเขาไม่ใช่หรือยังไงกัน"
"ผมทราบครับ แต่หนึ่งเดือนที่ผมพยายามสอน ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยใส่ใจเรื่องงานเท่าไหร่" พีย์เริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้ เขาเป็นถึงผู้บริหารห้างสรรพสินค้าอันดับต้นๆ ของประเทศไทย จะให้มีเลขาที่ทำงานไม่เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร อยู่ๆ ก็นึกถึงธีย์ขึ้นมา
"อ้อ เห็นธีย์มาทำงานหรือยัง?" เขาถามหาน้องชาย
"มาแล้วครับ แต่ดูเหมือนตอนนี้จะยุ่งอยู่ ผมว่าท่านประธานอย่าเพิ่งไปรบกวนเลยครับ" วรากรมาทำงานแต่เช้าตรู่ทุกวัน ทำให้เขารู้เห็นเรื่องอื่นๆ ภายในบริษัท รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ของธีย์และเลขาสาวด้วย พีย์ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องทำงานโดยมีผู้ช่วยหนุ่มเดินตามเข้าไป
"ท่านประธานมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ อยากให้ผมจัดการให้หรือเปล่า?" วรากรทำงานร่วมกับเจ้านายคนนี้มาร่วมสิบปี จึงรู้จักนิสัยใจคอกันดีราวกับเป็นเพื่อนสนิท พีย์เองก็ไว้เนื้อเชื่อใจผู้ช่วยหนุ่มมากเช่นเดียวกัน
"ฉันยื่นข้อเสนอให้มิลไปว่าฉันอยากเลี้ยงดูเขา ตอนเช้าวันเสาร์ฉันไปส่งมิลที่คอนโด แต่สองวันที่ผ่านมาเขาไม่ยอมติดต่อกลับมาหาฉันเลย หมายความว่ายังไง?" พีย์ว้าวุ่นใจจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอน วันนี้ที่มาทำงานแต่เช้าก็เพราะอยากไม่อยากคิดฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวที่บ้าน
"แล้วทำไมท่านประธานไม่โทรกลับไปหาเธอล่ะครับ?" เขาขมวดคิ้ว เพราะโดยปกติแล้วไม่ค่อยจะโทรหาผู้หญิงคนไหนก่อน จำความได้ว่าแต่งงานกับอดีตภรรยามาห้าปี ก็มีแต่ดารารัตน์ที่เป็นฝ่ายโทรหาตนก่อน
"นั่นน่ะสิ งั้นนายออกไปทำงานเถอะ ฉันจะลองโทรดู" วรากรคลี่ยิ้มให้เจ้านาย จากนั้นจึงหมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานไป
มหาวิทยาลัย
"เหม่อ เหม่อแต่เช้า ไหนเสาร์อาทิตย์บอกว่าจะไปกินชาบูกันไง บอกมาว่าทำไมถึงยกเลิกนัด?" ริลภัสจ้องมองมิลล่าที่ยังคงเอาแต่เหม่อลอย วันนี้เพื่อนสนิทแลดูแปลกไปจนน่าสงสัย
"ทำงานเหนื่อยก็เลยไม่อยากออกไปไหน อยากนอนอยู่บ้านเฉยๆ" มิลล่าตอบไม่เต็มเสียง ความจริงเธอกำลังรู้สึกสับสนว้าวุ่นใจเรื่องของพีย์ต่างหาก
"คนอย่างแกเหนื่อยไม่เป็นหรอก มีเรื่องไม่สบายใจมากกว่า ไหนเล่ามาซิ" หญิงสาวรู้ดีว่าเพื่อนเป็นห่วง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน ในการเล่าเรื่องที่มีผู้ชายมาขอส่งเสียเลี้ยงดูให้เพื่อนฟัง
"เผื่อจะทำให้มินรู้สึกสบายใจขึ้น" ดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่ถูกยื่นมาตรงหน้ามิลล่าพร้อมกับเสียงที่คุ้นเคย เธอแหงนหน้าขึ้นมองจึงเห็นว่าเป็นคินทร์เพื่อนชายคนสนิท เขาฉีกยิ้มกว้างก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างกาย
"ขอบใจนะคินทร์ แต่เมื่อไหร่จะเลิกซื้อดอกไม้ให้มิลคะ มันเปลืองตังค์" แม้จะพูดเช่นนั้นแต่ก็ยอมรับดอกไม้มาถือไว้ พร้อมทางจรดปลายจมูกโด่งลงบนกลีบกุหลาบเพื่อสูดดมกลิ่นหอมของมัน
"หลังจากพยายามจีบมิลมาเกือบหนึ่งปี ตอนนี้ก็เริ่มปลูกกุหลาบไว้ที่บ้านแล้ว เวลาจะให้แต่ละทีก็จะไปตัดที่ต้นมันมาจะได้ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อ ถึงแม้ว่าบ้านผมจะรวยมาก" ที่เขาพูดออกมาเป็นความจริงทุกอย่าง
"แหม นี่เพื่อนนะไอ้คินทร์ แกจะจีบก็จีบให้มันเบาๆ หน่อย ออกตัวแรงมาก" ริลภัสแซว
"จะเรียกว่าออกตัวแรงได้ยังไงภัส เราจีบของเรามาเกือบปีแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะใกล้เลย" เขาพูดพลางชำเลืองมองมิลล่า เธอเอาแต่อมยิ้มเมื่อฟังเพื่อนทั้งสองคนพูดคุยกัน
"ว่ายังไงมิล คินทร์มันพูดขนาดนี้แล้วจะยอมใจอ่อนบ้างหรือเปล่า?" ริลภัสเปลี่ยนใจเป็นแม่สื่อแม่ชักเสียอย่างนั้น
"เอาความจริงนะ คินทร์หล่อเกินไปสำหรับมิล ถ้าเกิดว่าเราตกลงเป็นแฟนกันมีหวังมิลโดนสาวๆ ของคินทร์จ้องเขม่นเป็นแน่ ดูน้องปีหนึ่งปีสองสิ ตามติดชีวิตคินทร์อย่างกับเป็นไอดอลเกาหลีอย่างซะอย่างนั้น มิลรับแรงกดดันไม่ไหวหรอกนะ" ทั้งหมดที่มิลล่าพูดออกไปเป็นเพียงแค่เหตุผลรอง เพราะเหตุผลหลักแล้วเธอไม่ได้มีความรู้สึกเฉกเช่นคนรักให้กับคินทร์ แต่เห็นเขาเป็นเพื่อนที่เธอรักมากคนหนึ่งก็เท่านั้น
"มิลพูดแบบนี้ คินทร์จะคิดว่ามิลยังไม่ปฏิเสธนะครับ จะจีบต่อไปจนกว่ามิลจะใจอ่อน" เขายื่นใบหน้าเข้ามาใกล้และพูดด้วยรอยยิ้ม มิลล่าจึงขยับมือเล็กขึ้นมาบีบจมูกโด่งของเพื่อนเป็นการหยอกล้อ
"ไม่ปฏิเสธ แต่ไม่ได้ตอบตกลงนะจ๊ะ" เธอว่า ทำให้ริลภัสหัวเราะร่าออกมา
"ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ไปเข้าห้องน้ำกันเถอะมิล อีกไม่กี่นาทีก็จะเข้าห้องเรียนแล้ว" ริลภัสเอ่ยชวน มิลล่าจึงฝากกระเป๋าและหนังสือทั้งหมดไว้ที่คินทร์เช่นทุกครั้ง จากนั้นสองสาวจึงจับมือกันเดินไปเข้าห้องน้ำ
ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของมิลล่าซึ่งอยู่ในกระเป๋าสะพายของเธอก็ดังขึ้น คินทร์เห็นว่าเพื่อนลืมปิดเสียงโทรศัพท์จึงถือวิสาสะหยิบออกมาจากกระเป๋าเพื่อปิดเสียงให้ก่อนเข้าห้องเรียน จากนั้นเขาจึงเก็บมันลงไว้ในกระเป๋าเช่นเดิม
ทว่าแรงสั่นของมือถือในกระเป๋ากลับดังขึ้นอีก คินทร์จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเห็นว่าเป็นหมายเลขเดิม ชายหนุ่มรู้ดีว่าหมายเลขโทรศัพท์ส่วนใหญ่ที่โทรหามิลล่ามักจะเกี่ยวกับเรื่องงานของเธอเสมอ เขาชะเง้อมองไปทางห้องน้ำแต่ยังไม่เห็นทีท่าว่าเพื่อนจะเดินออกมา จึงตัดสินใจกดรับสายแทนเพราะเกรงว่าจะเป็นเรื่องงาน
(ฮัลโหล) คินทร์ขมวดคิ้วแปลกใจ เมื่อปลายสายเป็นเสียงของผู้ชายที่ฟังดูแสนสุภาพ
"สวัสดีครับ ตอนนี้มิลเข้าห้องน้ำอยู่ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรจะฝากไว้หรือเปล่าครับ หรือจะสะดวกให้มิลโทรกลับไปครับ?" คำพูดแสนธรรมดา ทว่ากลับทำให้ปลายสายมีน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป
(หมายความว่ายังไงมิลเข้าห้องน้ำอยู่ คุณเป็นอะไรกับเธอ?) น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ ทำให้คินทร์เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
"เอาเป็นว่าตอนนี้มิลยังไม่สะดวกคุย ถ้าเกิดว่าเธอว่างแล้วผมจะให้ติดต่อกลับไปก็แล้วกันนะครับ แค่นี้นะครับ" ชายหนุ่มตัดสินใจจบบทสนทนา เพราะตอนนี้ตนกำลังเสียมารยาทคุยโทรศัพท์ของคนอื่น แถมปลายสายยังแสดงความไม่พอใจผ่านน้ำเสียงออกมาอีกด้วย
"อย่าบอกนะว่ามิล...แอบมีแฟน" คินทร์พึมพำด้วยความแปลกใจ จากนั้นจึงเก็บโทรศัพท์เข้าไว้ในกระเป๋าของมิลล่าเช่นเดิม
พี่เขาหึงแหละ หึงโดยยังไม่มีฐานะ55555 โปรดติดตามอนาคตของน้องมิลต่อไป และส่งกำลังใจมาให้ปันหยีด้วยนะคะ ขอบพระคุณค่ะ♥