‘ตุ่มใส่น้ำ... ใส่น้ำให้เต็มตุ่ม ตุ่มใส่น้ำใส่น้ำให้เต็มตุ่มแล้วเราจะชื่นใจ แล้วเราจะชื่นใจ ตุ่ม ตะล่ะลุมตุ่มโป๊ะ โต๊ะ ตะล่ะโล๊ะโต๊ะตุ่ม วี๊ดบุ้ม ว้ายบุ้ม วี๊ดบุ้ม ว้ายบุ้ม เด้งซ้าย เด้งขวา เด้งหน้า เด้งหลัง เด้งซ้าย เด้งขวา เด้งหน้า เด้งหลัง เด้ง พร้อม ๆ กัน เด้งเด้งเด้งเด้งเด้ง เด้งเด้งเด้งเด้งเด้ง (ซ้ำ)’
เสียงเพลงและเสียงกลองรัวจังหวะไปพร้อมกัน นักศึกษาใหม่กว่าหลายร้อยชีวิตต่างยกขึ้นโยกย้ายส่ายเอวไปตามท่าเต้นของรุ่นพี่ แก้มใสที่ไม่อยากเต้นเลยสักนิดก็ทำได้เพียงกัดฟันเต้นตามเธอไม่อยากกลายเป็นแกะดำอยู่คนเดียว
“เป็นยังไงบ้างคะได้ออกกำลังกายแล้วใครที่ยังง่วงตื่นกันหรือยัง” รุ่นพี่ฝ่ายนันทนาการส่งเสียงผ่านไมโครโฟน ทุกคนต่างกระตือรือร้นมีเพียงแก้มใสเท่านั้นที่ได้แต่นั่งภาวนาในใจให้กิจกรรมนี้ผ่านพ้นไปสักที
ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วที่เธอชื่อของเธอเด่นจนถูกพวกรุ่นพี่หมายตาให้ออกไปเต้นหน้าแถว แถมยังมีคนถ่ายคลิปบรรยากาศเก็บไว้อีก น่าอายจะตายไป
“น้ำครับ” ในระหว่างกำลังนั่งพักก่อนจะเข้าสู่กิจกรรมช่วงสุดท้าย พี่ผู้ชายที่ชื่อพิทก็ยื่นขวดน้ำเย็นให้แก้มใส เธอไม่ค่อยชอบรับของจากคนแปลกหน้าแต่เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้หากปฏิเสธไปจะดูไม่ดีจึงจำใจรับน้ำขวดดังกล่าวมาไว้ในมือ
“พี่เขาชอบแก้มแน่เลย” หลังจากพิทเดินจากไป อิงอิงก็หันมากระซิบกระซาบ
“เหนื่อยไม่ใช่เหรอเอาไปดื่มสิ”
แก้มใสว่าพลางยื่นน้ำขวดดังกล่าวให้เพื่อน “จะดีเหรอ” อิงอิงนึกลังเลเพราะอย่างไรเสียน้ำขวดนี้พิทก็ตั้งใจเอามาให้แก้มใส
“ไม่เป็นไร พี่เขาให้เราแล้วก็ถือว่าเป็นของเรา เราจะให้ใครต่อก็เรื่องของเรา”
“พูดอีกก็ถูกอีกงั้นไม่เกรงใจแล้วนะ”
น้ำขวดดังกล่าวถูกอิงอิงที่กำลังคอแห้งผากดื่มจนเกือบหมด ซึ่งนั่งพักได้ไม่นานพวกรุ่นพี่ก็ประกาศเรียกรวมตัวอีกครั้ง สองสาวต่างเดินไปต่อแถวแล้วนั่งลงพร้อมกัน
เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงกิจกรรมที่แสนยาวนานตลอดทั้งวันก็จบลง สภาพของแก้มใสตอนนี้ไม่ต่างจากพวกทหารหน่วยรบพิเศษที่ต้องพรางตัวอยู่ในป่าเลย ใบหน้าของเธอเปรอะเปื้อนสีเต็มไปหมด โชคดีที่ตอนลงสีพวกรุ่นพี่แจกเสื้อสีดำของกิจกรรมรับน้องให้เปลี่ยน ไม่งั้นเธอนึกไม่ออกเลยว่าจะกำจัดสีพวกนี้ออกไปอย่างไรดี
“เสร็จสักที” อิงอิงเหยียดแขนบิดขี้เกียจ “แล้วนี่แก้มจะกลับที่พักเลยไหม”
“อื้ม”
ก่อนแยกจากกันทั้งสองคนก็จับมือกันไปล้างหน้าล้างตาจนสะอาด
“โอเคงั้นแยกกันตรงนี้เลยนะ เดี๋ยวเราขอกลับห้องก่อนหมดพลังมาก”
กล่าวจบอิงอิงก็โบกมือลาพร้อมกับหันหลังเดินจากไป แก้มใสทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์ของล่าคลื่นแต่แล้วกลับถูกพิทขัดจังหวะขึ้นก่อน
“น้องแก้มก้อน จะกลับแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ”
“พี่ไปส่งไหม” เจตนาที่ชัดเจนของพิททำให้แก้มใสรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ แก้มมีคนมารับแล้ว”
“ใครเหรอ”
“แก้มใส” ร่างบางหันไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะคลี่ยิ้มหวาน ล่าคลื่นเดินตรงเข้ามาหาเธอพร้อมกับยื่นชานมไข่มุกให้
“ให้หนูเหรอ”
“ไอ้กันต์บอกว่าเราชอบกิน เมื่อกี้ขับรถผ่านร้านชานมพอดีเลยแวะซื้อมาให้”
คนดีใจฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวรีบรับแก้วชานมไข่มุกมาเจาะหลอดดื่มทันที
“อื้ออร่อย ขอบคุณนะคะพี่คลื่น” ในที่สุดความเหนื่อยทั้งวันก็ถูกเยียวยาด้วยชานมไข่มุกหวานร้อยเปอร์เซ็นต์
“กลับกันเลยไหม”
“อื้ม” เธอพยักหน้าลงก่อนจะหันไปกล่าวลาพิท
“ใครเหรอ” ขึ้นมานั่งบนรถได้สักพักล่าคลื่นก็เอ่ยถาม
“รุ่นพี่ที่คณะค่ะ”
“เขามาจีบ?” ล่าคลื่นถามอย่างไม่อ้อมค้อม
“มั้งคะ หนูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“แล้วรู้สึกยังไง”
“ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แค่อึดอัดนิดหน่อย” การจู่โจมอย่างรวดเร็วของพิททำให้แก้มใสรู้สึกเหมือนถูกมัดมือชก
เขาแสดงออกกับเธออย่างตรงไปตรงมาต่อหน้าสาธารณะทำให้บางครั้งเธอปฏิเสธน้ำใจเขาไม่ได้เพราะกลัวจะทำให้อีกฝ่ายขายหน้า และเพราะว่าแก้มใสยังเป็นเด็กใหม่และเขาเป็นรุ่นพี่เธอจึงคิดว่าจำเป็นต้องไว้หน้าเขาบ้างจึงทำให้รู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ถูกเขาเอาใจต่อหน้าทุกคน
“ถ้าอึดอัดก็ปฏิเสธไปตรงๆ เขาจะได้เลิกยุ่ง”
“กิจกรรมรับน้องจบแล้วคงไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วมั้งคะ”
“แต่ยังไงก็เรียนคณะเดียวกัน”
“ไว้รอบหน้าถ้าเขายังเป็นแบบนี้หนูค่อยปฏิเสธละกัน”
“อืม”
ถนนเต็มไปด้วยรถสัญจรไปมา นั่งชมวิวข้างทางไปได้สักพักแก้มใสก็รู้สึกว่าเส้นทางเปลี่ยนไป แม้เธอจะยังไม่ชำนาญเส้นทางในกรุงเทพแต่ทว่าทางกลับคอนโดเธอก็พอจะจำได้อยู่บ้าง
“เราจะไปไหนกันเหรอ”
“กินข้าวเย็น”
ณ ร้านกะเพรามีเต้าเจ้าดัง
“ร้านนี้คือ...” แค่ชื่อร้านก็ทำให้คนที่เพิ่งเคยมาครั้งแรกชะงักนิ่งไปหนึ่งอึดใจแล้ว แต่ยังไม่ทันจะได้กล่าวอะไรเพื่อนพี่ชายอีกสี่คนที่นั่งรออยู่ในร้านก็ตะโกนส่งเสียงเรียก “น้องแก้มทางนี้”
ล่าคลื่นเดินนำเข้าไปในร้านโดยมีเด็กสาวเดินตามต้อยๆ ทันทีที่มาถึงโต๊ะพวกเพื่อนพี่ชายก็รีบลุกขึ้นมาเลื่อนเก้าอี้ให้แก้มใสประหนึ่งเป็นแก้วตาดวงใจของพวกเขา
“น้องแก้มใสอยากกินอะไรสั่งเลยนะเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
โป๊ก!
“โอ๊ยไอ้สกายกูเจ็บนะ” อชิหันไปโวยวายกับเพื่อนที่อยู่ดีๆ ก็ยกมือขึ้นมาโบกหัวเขา
“หมั่นไส้” กล่าวจบสกายก็เบนสายตามาที่แก้มใสก่อนจะเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งสุขุม
“ไอ้กันต์มันให้เงินพวกพี่ไว้แล้ว อยากกินอะไรก็สั่งเลยไม่ต้องเกรงใจ”
สกายยื่นเมนูให้แก้มใสกับล่าคลื่นคนละเล่ม ทั้งคู่ใช้เวลาไม่นานก็เลือกเมนูอาหารที่อยากทานได้ ล่าคลื่นสั่งเป็นกะเพราหมูกรอบไข่ดาวส่วนแก้มใสสั่งกะเพราเครื่องในไข่ข้น สั่งเสร็จก็มีพี่สาวคนหนึ่งเดินมารับออเดอร์
เดิมทีแก้มใสก็ไม่ทันได้สังเกตอะไรเพราะกำลังจดจ่ออยู่กับการชมบรรยากาศในร้าน กระทั่งเห็นริวมองพี่สาวคนนั้นตาเยิ้มเธอจึงลองหันมองตาม
อื้อหืออ สะบึ้มเลย
อกเป็นอก เอวเป็นเอว แถมยังตัวขาวจั๊วะ
“ที่แท้ผู้ชายก็ชอบแบบนี้เหรอ” เธอพึมพำเสียงเบาโดยไม่คิดว่าล่าคลื่นที่นั่งอยู่ข้างๆ จะได้ยิน
“ก็ไม่ทุกคนหรอก” เขาเอ่ยตอบพลางรินน้ำใส่แก้วให้ “บางคนก็ชอบแบบไซซ์มินิ” หญิงสาวได้ยินก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทำทันที
น่าไม่อาย!
เห็นสีหน้าแก้มใสบิดเบี้ยวด้วยอาการเขินล่าคลื่นก็รีบเอ่ยแก้ตัวขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าใจผิดไปไกลแล้วคิดว่าเขาเป็นพวกทะลึ่งตึงตัง
“พี่หมายถึงขนาดตัว”
“หนูก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
กล่าวถึงตรงนี้คนตัวเล็กก็ก้มลงไปดูดน้ำที่ล่าคลื่นเพิ่งรินให้ก่อนจะกล่าวถามต่อ
“ชื่อร้านคงไม่ได้มาจาก...” ล่าคลื่นเดาได้ว่าคนน้องกำลังคิดอะไรอยู่จึงเอ่ยอธิบายเพิ่มเติม
“ซิกเนเจอร์ของร้านนี้ไม่ได้มีแค่กะเพราแต่มีเมนูของหวานเป็นเต้าฮวยนมสดด้วยและเพื่อเป็นจุดขายดึงดูดลูกค้าเลยใส่ความเป็นสองแง่สองง่ามเข้าไปในชื่อ”
“อ๋อ”
“แต่พี่ว่าซิกเนเจอร์ที่แท้จริงคือลูกสาวเจ้าของร้านคนนั้นมากกว่านะ” ริวยังไม่เลิกมองพี่สาวโนตม (นมโต) ที่กำลังยืนรับออเดอร์ลูกค้าอยู่
“มึงอย่าโรคจิตต่อหน้าน้องดิ้ น้องยังสดใสบริสุทธิ์ผุดผ่อง” ไนน์หันไปด่าเพื่อนก่อนจะหันมาหาคนน้อง
“ว่าแต่น้องแก้มชอบผู้ชายแบบไหนเหรอ”
คำถามของไนน์ทำให้เพื่อนพี่ชายทั้งห้าคนต่างหันมองเธอเป็นสายตาเดียวกันไม่เว้นแม้แต่ล่าคลื่นที่นั่งอยู่ข้างๆ
แก้มใสใช้เวลาขบคิดอยู่สักพักก็เอ่ยตอบ
“ใจดี อ่อนโยน ตามใจ มีความเป็นผู้ใหญ่ สุขุม แล้วก็ต้องไม่เจ้าชู้” ที่แก้มใสกำลังพูดถึงอยู่ก็คือพ่อของเธอ เห็นแม่ใช้ชีวิตคู่กับพ่ออย่างมีความสุขทุกวันเธอเองก็อยากได้คู่ครองแบบพ่อบ้าง
“ตัดไอ้ริวทิ้งได้เลย” ไนน์โพล่งขึ้นซึ่งก็ทำให้คนอื่นในโต๊ะต่างหัวเราะเห็นด้วย ความเจ้าชู้ของริวต่างเป็นที่เลื่องลือไปทั่วมหาลัย
“มึงด้วยนั่นแหละไอ้ไนน์”
“กูทำไม?”
“เด็ก ปัญญาอ่อน ไม่สุขุมไม่เป็นผู้ใหญ่” ริวตอบ
“นั่นมันไอ้อชิต่างหากไม่ใช่กูสักหน่อย” ไนน์รีบโบ้ยใส่เพื่อน
“ก็ตัดทิ้งแม่งทั้งสองคนนั่นแหละ ส่วนไอ้สกาย...” ริวลูบปลายคางมองหน้าสกายอย่างใช้ความคิด “ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด ตัดทิ้งไป”
“มึงเล่นตัดทิ้งไปหมดแบบนี้แปลว่าในกลุ่มเราหาดีไม่ได้เลยเหรอ” ไนน์หันไปพูดกับริว
“มึงลืมไอ้ล่าคลื่นไปรึเปล่า” สกายเตือนพลันเหลือบตามองคนที่นั่งกอดอกฟังอยู่เงียบๆ
“กูไม่ได้ลืมนะ แต่กูตัดทิ้งไปคนแรกเลยต่างหากมึงดูดิ ใจดี อ่อนโยน ตามใจ สุขุม เพื่อนมึงมีอะไรในนี้บ้าง”
“บางทีมันอาจจะมีแต่ไม่ได้เก็บไว้ใช้กับมึงรึเปล่า”
“ไม่มีทางคนอย่างล่าคลื่นถ้าหาแฟนแบบน้องแก้มใสได้กูยอมใส่แต่บ็อกเซอร์มานั่งกินข้าวร้านนี้เลย” ริวกล่าวขึ้นอย่างท้าทาย
“มึงแน่ใจ” สกายอมยิ้มอย่างมีเลศนัย แต่ก็ไม่ได้สะเทือนความมั่นใจของริว
“แน่ใจ”
“หึ” ล่าคลื่นที่นั่งเงียบอยู่นานในที่สุดก็เริ่มมีปฏิกิริยา แก้มใสฟังพวกเพื่อนพี่ชายพูดคุยก็ได้แต่นั่งมองตาแป๋วเป็นลูกแมวน้อยในฝูงหมาป่า