“เขาเป็นใครนะ???”
มณีรินคิดไม่ออกจริงๆ เพราะหลังจากที่เธอประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อสามเดือนก่อนขณะขับรถออกต่างจังหวัดอย่างเร่งรีบ ด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ แม้แต่ตัวเธอเอง เธอก็จำอะไรไม่ได้เลย
เธอถูกนำตัวเข้ารับการผ่าตัดจนรอดชีวิตมาได้
ทว่า...เธอกลับลืมความจำในช่วงห้าปีก่อนเกิดอุบัติเหตุไปเสียหมด เธอไม่รู้จักใครหลายๆคนที่มาปรากฏตัวล้อมรอบเตียงเธอและพูดคุยยิ้มแย้มกับเธอสักคน เว้นแต่อรนารี ซึ่งเป็นเพื่อนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยม
“เธอจำอะไรไม่ได้เลยเหรอริน แปลกจัง”
“ฉันจำเรื่องสี่ห้าปีหลังไม่ได้ แต่ฉันจำตัวฉันเองได้ จำครอบครัวฉันได้ ฉันจำเธอและเพื่อนๆได้” พ่อแม่ของเธอนั้นเสียไปนานแล้ว เธอเหลือแค่พี่สาวเท่านั้น ซึ่งมีสามีเป็นชาวอเมริกันและได้ย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเสียหลายปีแล้ว “แต่ฉันลืมเรื่องที่ทำงานไปหมดเลย ลืม ลืมทุกอย่างเลย”
“โห...ทำไมแกโชคร้ายอย่างนี้วะ แล้วมันจะมีทางรักษามั้ย?”
“หมอบอกว่ามันเป็นแค่อาการชั่วคราว แต่ก็บอกไม่ได้ว่าไอ้ชั่วคราวนี่มันจะนานแค่ไหน”
“ว้า...อย่างงี้ก็มีด้วย...ว่าแต่แกไปทำอะไรที่พัทยาวะริน ห๊า แล้วขับรถออกมาทำไม ดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนั้น อันตรายจะตาย”
เธอนิ่งคิด...แต่ก็คิดไม่ออก “ไม่รู้สิ”
“แกไปหาใคร...ทำไมเรื่องมันดูแปลกๆวะ”
“ใช่...แปลก คุณหมอบอกฉันว่า ตอนร่างฉันถูกนำเข้ามาที่โรงพยาบาล ฉัน...” เธอหยุดไว้แค่นั้น...เพราะไม่อยากจะพูดมันออกไปว่าผลการตรวจร่างกายพบว่ามีร่องรอยการร่วมเพศจากดีเอ็นเอของผู้ชายสองคนซึ่งทำให้น้องหนูของเธอบอบช้ำหนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันอาจเป็นความสมัครใจของเธอเองก็ได้ เธออาจจะนัดเจอกับผู้ชายสองคนในคืนเดียวกัน สนุกกันจนหนำใจ ก่อนจะขับรถออกจากโรงแรมแล้วประสบอุบัติเหตุดังกล่าว “ตกลงว่า ฉันไม่มีแฟนใช่มั้ย...ไม่มีแฟนจริง ๆ เหรอ?”
“หืม...ถามหลายครั้งแล้วนะ จำไม่ได้เหรอ เธอยังไม่มีแฟนจริงๆ แต่มีผู้ชายมาจีบเพียบ เรียกว่าเนื้อหอมเลยล่ะ ฉันสืบๆจากเพื่อนที่ทำงานของเธอเอานะ ว่าสถานการณ์ชีวิตเธอ ประมาณนี้”
“น่าเสียดายที่โทรศัพท์ฉันหายไปตอนรถชน”
“อืม...ไม่เป็นไรหรอก อีกไม่นาน แกก็จำทุกอย่างได้”
“ฉันก็หวังอย่างนั้นแหละ” เพื่อที่ว่า...เธอจะได้รู้ว่าผู้ชายสองคนที่เธอนอนด้วยในคืนนั้นเป็นใคร...และเกิดอะไรขึ้นในคืนเกิดเหตุ “แต่...แกห้ามบอกใครเรื่องอาการของฉันนะ...ฉันไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วงน่ะ โดยเฉพาะพี่สาวฉัน ที่สำคัญ ฉันอยากให้ทุกคนปฏิบัติตัวกับฉันเหมือนเดิม”
เธอคุยกับอรนารีเพื่อนรัก ก่อนจะออกจากโรงพยาบาลนั่นล่ะ และหนึ่งสัปดาห์มาแล้วที่เธอกลับมาทำงานที่เดิม บริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสามสิบสามในตึกสูงใจกลางเมือง
ติ๊ด...เสียงสัญญาณโทรศัพท์บนโต๊ะของเธอดังขึ้น เป็นเสียงจากเจ้านายที่อยู่ในห้องทำงาน
มณีรินกลับมาทำงานเป็นเลขาหน้าห้องเจ้านายอีกครั้ง หลังจากพักรักษาตัวอยู่นานสามเดือนเต็ม แต่กลับมาคราวนี้ โต๊ะของเลขาเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งโต๊ะ ตั้งอยู่ใกล้กับโต๊ะของเธอนั่นเอง ผู้ชายที่นั่งประจำโต๊ะนั้นชื่อธนินทร์ เดิมเป็นคนขับรถและบอดี้การ์ดของเจ้านาย ช่วงที่เธอไม่อยู่ เขาถูกเลื่อนขั้นมาเป็นเลขาชั่วคราว
หมอนี่เอาแต่นั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์เสียเป็นส่วนใหญ่ และไม่ค่อยพูดกับใคร ถ้าไม่จำเป็น
“คุณริน...เข้ามาหาผมหน่อย”
“ค่ะเจ้านาย” เธอผละจากโต๊ะแล้วเคาะประตูห้องสองครั้ง แล้วเดินเข้าไปหาเจ้านายด้วยท่าทีเรียบร้อยอ่อนหวานกว่าที่เขาเคยเห็น จนทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย
“อย่างกับไม่ใช่คุณ”
เธอชะงักไปนิด ก่อนจะยิ้มหวานออกมา
“ไม่ทราบว่าเจ้านายมีอะไรจะใช้ฉันคะ”
“มีสิ” ชายวัยกลางคนที่ทำธุรกิจมาทั้งชีวิต ผู้มีหน้าตาดุดัน แต่เต็มไปด้วยอำนาจ แววตาเจ้าเล่ห์ แต่ฉลาดน่ายำเกรง เขาสูงร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ หุ่นกำยำ แข็งแรง สมาร์ท เนี๊ยบ แบรนด์เนมไปทั้งตัวเลยเทียวล่ะ “อ่า...คืนนี้ เราเจอกันหน่อยดีมั้ย?”
“เจอกัน?” เธออึ้งกับคำถาม สำคัญกว่านั้น สายตาของชายวัยกลางคนอายุราวๆสี่สิบห้า จ้องเธอด้วยสายตาไม่ธรรมดา
“ไม่เอาน่าริน ตั้งแต่คุณกลับมาทำงาน เรายังไม่ได้เจอกันเลยนะ ผมคิดถึงคุณใจจะขาดแล้วเนี่ย” คิดถึงเธอใจจะขาด...แต่เท่าที่เธอรู้มา เขามีเมียอยู่แล้วนี่นา หมายความว่ายังไง “ริน...เจอกันที่เดิมได้มั้ย...ไหนคุณบอกว่าถ้าผมเครียดเรื่องครอบครัว เรื่องงาน คุณจะช่วยผมไง”
“ช่วย?” มณีรินหน้าซีดเผือด เธอคิดไม่ออกและคิดไม่ถึงเลยว่าเธอเคยนอนกับเจ้านายที่มีครอบครัวแล้วเพื่ออะไร...ไต่เต้าเหรอ...ไต่เต้าเป็นอะไร...เป็นเมียน้อยอย่างนั้นหรือ? สวยๆอย่างเธอ หาผัวไม่ได้เลยรึไง? ผู้ชายโสดๆรวยๆแซ่บๆมันหายากนักรึไงห๊า!!! “ฉัน...ฉันไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ ถ้าเจ้านายไม่ได้จะสั่งเรื่องงาน งั้นขอตัวก่อนนะคะ”
“ริน”