“ไง”
“อืม”
“อืมอะไรของมึง”
“เปล่า”
“เอ้า ไอห่านี่”
เสียงพูดคุยที่กึ่งก่นด่าดังขึ้น เมื่อเอลเลริคเปิดประตูเข้าไปนั่งในห้องทำงานของอีธาน เพื่อนสนิทของตนเองที่อาศัยและทำงานอยู่ที่เมืองไทยเช่นเดียวกับเขาโดยไม่เคาะประตูหรือส่งสัญญาณบอกก่อนเหมือนดังเช่นทุกครั้ง
“มีอะไร ทำไมทำตึงแบบนั้น” อีธานเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อมองเห็นเอลเลริคนั่งเอนกายพิงโซฟาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่เขารู้ดีว่าเอลเลริคกำลังรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง
“เบื่อ”
“มีนาเหรอ”
“เปล่า แค่ของเล่นชิ้นใหม่”
“งั้นก็ช่างมันไปสิ ของใช้แล้วทิ้ง จะเก็บมาคิดทำไมให้เสียเวลา”
“ก็คงงั้น ช่วงนี้มีอะไรสนุกๆไหม”
“ไม่มี เออ กูว่าจะแนะนำให้มึงรู้จัก คนนี้กูกำลังตามจีบ”
“หืม จริงจัง?”
“ใช่ คนนี้กูจริงจัง”
เอลเลริคมองอีธานโดยไม่ได้พูดอะไร เขาไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนของเขาจะอยากจริงจังกับใครสักคน เพราะที่ผ่านมาอีธานก็ทำตัวเหมือนเขามาตลอด
“ไม่เชื่อมึงก็รอดู” อีธานโวยวายเบาๆก่อนจะเบนความสนใจของตนเองกลับไปยังหน้าจอบนโต๊ะทำงานต่อ
ร่างสูงใหญ่ของเอลเลริคพิงพนักโซฟาคิดอะไรอยู่เงียบๆ ชายหนุ่มกับอีธานโตมาด้วยกันเพราะทั้งคู่มีมารดาเป็นคนไทย เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยทำงานจึงย้ายมาตั้งรากฐานที่ไทยตามมารดาของทั้งคู่ที่เป็นเพื่อนกัน
นานหลายชั่วโมงที่เอลเลริคนั่งเงียบอยู่แบบนั้น และอีธานก็นั่งทำงานของตัวเอง จนกระทั่งถึงเวลาพอสมควร อีธานจึงปิดคอมพิวเตอร์และส่งสัญญาณบอกเอลเลริค ก่อนที่จะพากันเดินออกจากห้องไปโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา
ไม่นานทั้งคู่ก็พากันมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง อีธานพาเอลเลริคตรงไปยังโต๊ะประจำที่เขาเคยมาทุกครั้งอย่างคุ้นเคยจนเอลเลริคแปลกใจ
“มึงมาบ่อยเหรอ”
“ก็ตามจีบเจ้าของร้านอยู่ ก็ต้องมาบ่อยดิวะ”
“สวย?”
“ดูเอาเอง”
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่ เอลเลริคนั่งมองบรรยากาศรอบๆด้วยความสนใจ ก็มีร่างหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาอีธานเพื่อทักทายเหมือนดังเช่นทุกครั้งที่เขามา
“สวัสดีครับคุณมุก”
“สวัสดีค่ะคุณอีธาน วันนี้มาดึกกว่าทุกวันนะคะ”
“พอดีวันนี้งานเยอะน่ะครับ คุณมุก นี่เพื่อนรักของผม เอลเลริค เพื่อนสนิทของผมครับ”
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ เรียกผมว่าเรย์เหมือนธานก็ได้ครับ”
“ได้ค่ะคุณเรย์ คุณก็เรียกมุกเหมือนคุณธานได้เลยนะคะ”
“ครับผม” เอลเลริคลอบมองปฏิกิริยาของหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสนใจ
ฟาริดา หรือ มุก หญิงสาวเจ้าของร้านอาหาร เธอเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์พร้อมทั้งรูปโฉมและฐานะ
หญิงสาวมีดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ปากบนได้รูปสวยเป็นกระจับ ปากล่างอวบอิ่มน่าจุมพิต จมูกโด่งเรียวสวยรับใบหน้ารูปไข่ ล้อมกรอบด้วยผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสยายถึงบั้นเอว ส่วนสูงที่มากถึง 170 เซนติเมตร แต่น้ำหนักแค่ 45 กิโลกรัม ส่งผลให้เธอดูบอบบาง ถึงแม้ว่าส่วนสูงของเธอจะมากกว่ามาตรฐานหญิงไทยทั่วไปก็ตาม
หลังจากพูดคุยกันสักพัก ฟาริดาก็ขอตัวกลับไปทำงาน ปล่อยให้สองหนุ่มได้มีเวลาพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว
“เป็นไง สวยไหมวะ”
“ก็พอได้”
“พอได้บ้าอะไร สวยจะตาย”
“แล้วแต่จะคิด”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงปกติราวกับเขาเห็นเธอเหมือนพวกผู้หญิงทั่วไป อีธานจึงเปลี่ยนเรื่องคุยไปโดยปริยาย
ฟาริดาหายไปไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับการแต่งกายที่เปลี่ยนไป จากชุดสุภาพในการทำงาน เธอกลับออกมาด้วยชุดเดรสคล้องคอตัวยาวกรอมเท้าสีขาวมุก เปิดเผยแผ่นหลังขาวสว่าง นวลเนียนดุจไข่มุกสมชื่อของเธอ
“เจอกันที่งานเลยนะคะ” หญิงสาวเดินตรงมายังโต๊ะที่ทั้งสองหนุ่มนั่งอยู่แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“คุณมุกไปยังไงครับ” อีธานที่รู้อยู่แล้วว่าหญิงสาวกำลังจะไปไหนเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“ขับรถไปเองค่ะ”
“ไปกับพวกเราก็ได้นะครับ ขากลับเดี๋ยวผมแวะไปส่ง”
“ยังไงก็ได้ค่ะ”
“งั้นเดินทางเลยไหมครับ”
“ได้ค่ะ”
ฟาริดารอให้เอลเลริคกับอีธานลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารและเดินนำออกไปหลังจากนั้นเธอก็เดินตามโดยไม่ห่างเกินไปและไม่ได้ใกล้ชิดเกินไปจนน่าเกลียด
เมื่อเดินมาถึงที่รถ ประตูทั้งสองฝั่งถูกเปิดออก ฟาริดาได้เกียรติให้ก้าวขึ้นก่อน ตามด้วยอีกสองหนุ่มที่นั่งลงตรงข้ามกับเธอ ก่อนที่ประตูรถจะปิดลงและเพียงไม่กี่นาที รถยนต์คันหรูก็เคลื่อนตัวออกไป
เสียงพูดคุยในรถไม่ดังมาก แต่ก็ไม่เบาจนบุคคลที่ 3 อย่างเอลเลริคได้ยินด้วยตามมารยาทที่บุคคลทั้งคู่พึงมี ชายหนุ่มแอบสังเกตทั้งการวางตัวและกริยาของหญิงสาว เธอไม่ได้เสแสร้งหรือฝืนทำแม้แต่น้อย ราวกับมันเป็นบุคลิกโดยเนื้อแท้ของเธอ
หลังจากมาถึงภายในงานเลี้ยง ด้วยความที่ทั้งเอลเลริคและอีธานเป็นนักธุรกิจแนวหน้า อีกทั้งรูปร่างหน้าตาและชื่อเสียงของพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้น้อยหน้ากันแม้แต่น้อย ทำให้ทั้งคู่ต้องคอยยิ้มและพูดคุยทักทางบรรดาแขกของเจ้าภาพงานที่สลับกันเข้ามาทักทายพวกเขาไม่ขาด อีกทั้งตัวฟาริดาเองก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องคอยทักทายแขกผู้ใหญ่ที่รู้จักกับมารดาของเธอ นั่นจึงทำให้หญิงสาวเริ่มมีอาการเหนื่อยล้าหลังจากที่ผ่านมาหลายชั่วโมง
ดังนั้น เมื่อถึงเวลาพอสมควร พวกเขาจึงทำการร่ำลาเจ้าภาพงานและขอตัวกลับกันก่อนอย่างช่วยไม่ได้
“คุณอีธาน ไหวไหมคะ” หญิงสาวมองเอลเลริคที่เดินตามหลังอีธานที่เดินเซเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้วระหว่างที่อีธานขึ้นไปทิ้งตัวนั่งบนเบาะรถแล้วเอนศรีษะพิง
“พอไหวครับ ผมคออ่อนกว่าเรย์เยอะ พอต้องดื่มเยอะเลยเมาไวกว่าเจ้านี่”
“เดี๋ยวไปส่งมึงก่อน เสร็จแล้วเลยไปส่งคุณมุก แล้วกูค่อยกลับไปเอารถที่บริษัทมึง” เอลเลริคพูดสรุปเสียงเรียบอย่างคนเคยชินกับการออกคำสั่ง
“ไม่ต้องๆ มึงไปส่งกูที่บ้าน แล้วเอารถกูไปส่งคุณมุก แล้ววันไหนว่างมึงค่อยมาสลับรถ”
“อืม ตามนั้น”
หญิงสาวมองสองหนุ่มคุยกันระหว่างที่รถยนต์กำลังเคลื่อนที่โดยไม่ได้พูดอะไร เธอเองก็ดื่มมาบ้างตามมารยาทของงาน แต่ก็คงไม่ได้ดื่มเยอะเท่าทั้งสองหนุ่ม จึงมองทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วง
หลังจากที่นั่งเงียบกันอยู่ไม่นาน รถยนต์คันหรูก็มาจอดที่หน้าเฉลียงบ้าน ที่จะเรียกว่าคฤหาสน์ก็คงไม่ผิด ในเมื่อฐานะของเอลเลริคและอีธานไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
อีธานเดินเข้าบ้านโดยมีลูกน้องคนสนิทออกมาช่วยพยุงผู้เป็นเจ้านาย เอลเลริครอจนอีธานเดินหายเข้าไปในบ้านก็เดินไปที่ห้องเก็บรถของอีธาน หยิบกุญแจคันที่เขาใช้ประจำเวลาต้องมาส่งอีธานที่นี่ ก่อนจะเดินตรงไปที่รถ และเพียงไม่นาน รถสปอร์ตสัญชาติอิตาลี่ก็เคลื่อนตัวมาหยุดที่หน้าเฉลียงบ้าน ที่มีร่างของหญิงสาวที่มาด้วยกันยืนรออยู่
ฟาริดาไม่รอให้เอลเลริคต้องลุกมาเปิดประตูให้เธอ หญิงสาวคว้ากระโปรงยกขึ้นเพื่อป้องกันการสะดุด ก่อนที่เธอจะเปิดประตูรถและหย่อนตัวลงนั่ง เมื่อเธอปิดประตูรถและคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เอลเลริคก็พาเธอออกจากบ้านไปด้วยรถยนต์คันหรูของอีธาน