ตอนที่ 2 คนที่เพื่อนกำลังจีบ

1387 คำ
“ไง” “อืม” “อืมอะไรของมึง” “เปล่า” “เอ้า ไอห่านี่” เสียงพูดคุยที่กึ่งก่นด่าดังขึ้น เมื่อเอลเลริคเปิดประตูเข้าไปนั่งในห้องทำงานของอีธาน เพื่อนสนิทของตนเองที่อาศัยและทำงานอยู่ที่เมืองไทยเช่นเดียวกับเขาโดยไม่เคาะประตูหรือส่งสัญญาณบอกก่อนเหมือนดังเช่นทุกครั้ง “มีอะไร ทำไมทำตึงแบบนั้น” อีธานเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อมองเห็นเอลเลริคนั่งเอนกายพิงโซฟาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่เขารู้ดีว่าเอลเลริคกำลังรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง “เบื่อ” “มีนาเหรอ” “เปล่า แค่ของเล่นชิ้นใหม่” “งั้นก็ช่างมันไปสิ ของใช้แล้วทิ้ง จะเก็บมาคิดทำไมให้เสียเวลา” “ก็คงงั้น ช่วงนี้มีอะไรสนุกๆไหม” “ไม่มี เออ กูว่าจะแนะนำให้มึงรู้จัก คนนี้กูกำลังตามจีบ” “หืม จริงจัง?” “ใช่ คนนี้กูจริงจัง” เอลเลริคมองอีธานโดยไม่ได้พูดอะไร เขาไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนของเขาจะอยากจริงจังกับใครสักคน เพราะที่ผ่านมาอีธานก็ทำตัวเหมือนเขามาตลอด “ไม่เชื่อมึงก็รอดู” อีธานโวยวายเบาๆก่อนจะเบนความสนใจของตนเองกลับไปยังหน้าจอบนโต๊ะทำงานต่อ ร่างสูงใหญ่ของเอลเลริคพิงพนักโซฟาคิดอะไรอยู่เงียบๆ ชายหนุ่มกับอีธานโตมาด้วยกันเพราะทั้งคู่มีมารดาเป็นคนไทย เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยทำงานจึงย้ายมาตั้งรากฐานที่ไทยตามมารดาของทั้งคู่ที่เป็นเพื่อนกัน นานหลายชั่วโมงที่เอลเลริคนั่งเงียบอยู่แบบนั้น และอีธานก็นั่งทำงานของตัวเอง จนกระทั่งถึงเวลาพอสมควร อีธานจึงปิดคอมพิวเตอร์และส่งสัญญาณบอกเอลเลริค ก่อนที่จะพากันเดินออกจากห้องไปโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา ไม่นานทั้งคู่ก็พากันมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง อีธานพาเอลเลริคตรงไปยังโต๊ะประจำที่เขาเคยมาทุกครั้งอย่างคุ้นเคยจนเอลเลริคแปลกใจ “มึงมาบ่อยเหรอ” “ก็ตามจีบเจ้าของร้านอยู่ ก็ต้องมาบ่อยดิวะ” “สวย?” “ดูเอาเอง” ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่ เอลเลริคนั่งมองบรรยากาศรอบๆด้วยความสนใจ ก็มีร่างหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาอีธานเพื่อทักทายเหมือนดังเช่นทุกครั้งที่เขามา “สวัสดีครับคุณมุก” “สวัสดีค่ะคุณอีธาน วันนี้มาดึกกว่าทุกวันนะคะ” “พอดีวันนี้งานเยอะน่ะครับ คุณมุก นี่เพื่อนรักของผม เอลเลริค เพื่อนสนิทของผมครับ” “สวัสดีค่ะ” “สวัสดีครับ เรียกผมว่าเรย์เหมือนธานก็ได้ครับ” “ได้ค่ะคุณเรย์ คุณก็เรียกมุกเหมือนคุณธานได้เลยนะคะ” “ครับผม” เอลเลริคลอบมองปฏิกิริยาของหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสนใจ ฟาริดา หรือ มุก หญิงสาวเจ้าของร้านอาหาร เธอเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์พร้อมทั้งรูปโฉมและฐานะ หญิงสาวมีดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ปากบนได้รูปสวยเป็นกระจับ ปากล่างอวบอิ่มน่าจุมพิต จมูกโด่งเรียวสวยรับใบหน้ารูปไข่ ล้อมกรอบด้วยผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสยายถึงบั้นเอว ส่วนสูงที่มากถึง 170 เซนติเมตร แต่น้ำหนักแค่ 45 กิโลกรัม ส่งผลให้เธอดูบอบบาง ถึงแม้ว่าส่วนสูงของเธอจะมากกว่ามาตรฐานหญิงไทยทั่วไปก็ตาม หลังจากพูดคุยกันสักพัก ฟาริดาก็ขอตัวกลับไปทำงาน ปล่อยให้สองหนุ่มได้มีเวลาพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว “เป็นไง สวยไหมวะ” “ก็พอได้” “พอได้บ้าอะไร สวยจะตาย” “แล้วแต่จะคิด” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงปกติราวกับเขาเห็นเธอเหมือนพวกผู้หญิงทั่วไป อีธานจึงเปลี่ยนเรื่องคุยไปโดยปริยาย ฟาริดาหายไปไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับการแต่งกายที่เปลี่ยนไป จากชุดสุภาพในการทำงาน เธอกลับออกมาด้วยชุดเดรสคล้องคอตัวยาวกรอมเท้าสีขาวมุก เปิดเผยแผ่นหลังขาวสว่าง นวลเนียนดุจไข่มุกสมชื่อของเธอ “เจอกันที่งานเลยนะคะ” หญิงสาวเดินตรงมายังโต๊ะที่ทั้งสองหนุ่มนั่งอยู่แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “คุณมุกไปยังไงครับ” อีธานที่รู้อยู่แล้วว่าหญิงสาวกำลังจะไปไหนเป็นฝ่ายเอ่ยถาม “ขับรถไปเองค่ะ” “ไปกับพวกเราก็ได้นะครับ ขากลับเดี๋ยวผมแวะไปส่ง” “ยังไงก็ได้ค่ะ” “งั้นเดินทางเลยไหมครับ” “ได้ค่ะ” ฟาริดารอให้เอลเลริคกับอีธานลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารและเดินนำออกไปหลังจากนั้นเธอก็เดินตามโดยไม่ห่างเกินไปและไม่ได้ใกล้ชิดเกินไปจนน่าเกลียด เมื่อเดินมาถึงที่รถ ประตูทั้งสองฝั่งถูกเปิดออก ฟาริดาได้เกียรติให้ก้าวขึ้นก่อน ตามด้วยอีกสองหนุ่มที่นั่งลงตรงข้ามกับเธอ ก่อนที่ประตูรถจะปิดลงและเพียงไม่กี่นาที รถยนต์คันหรูก็เคลื่อนตัวออกไป เสียงพูดคุยในรถไม่ดังมาก แต่ก็ไม่เบาจนบุคคลที่ 3 อย่างเอลเลริคได้ยินด้วยตามมารยาทที่บุคคลทั้งคู่พึงมี ชายหนุ่มแอบสังเกตทั้งการวางตัวและกริยาของหญิงสาว เธอไม่ได้เสแสร้งหรือฝืนทำแม้แต่น้อย ราวกับมันเป็นบุคลิกโดยเนื้อแท้ของเธอ หลังจากมาถึงภายในงานเลี้ยง ด้วยความที่ทั้งเอลเลริคและอีธานเป็นนักธุรกิจแนวหน้า อีกทั้งรูปร่างหน้าตาและชื่อเสียงของพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้น้อยหน้ากันแม้แต่น้อย ทำให้ทั้งคู่ต้องคอยยิ้มและพูดคุยทักทางบรรดาแขกของเจ้าภาพงานที่สลับกันเข้ามาทักทายพวกเขาไม่ขาด อีกทั้งตัวฟาริดาเองก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องคอยทักทายแขกผู้ใหญ่ที่รู้จักกับมารดาของเธอ นั่นจึงทำให้หญิงสาวเริ่มมีอาการเหนื่อยล้าหลังจากที่ผ่านมาหลายชั่วโมง ดังนั้น เมื่อถึงเวลาพอสมควร พวกเขาจึงทำการร่ำลาเจ้าภาพงานและขอตัวกลับกันก่อนอย่างช่วยไม่ได้ “คุณอีธาน ไหวไหมคะ” หญิงสาวมองเอลเลริคที่เดินตามหลังอีธานที่เดินเซเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้วระหว่างที่อีธานขึ้นไปทิ้งตัวนั่งบนเบาะรถแล้วเอนศรีษะพิง “พอไหวครับ ผมคออ่อนกว่าเรย์เยอะ พอต้องดื่มเยอะเลยเมาไวกว่าเจ้านี่” “เดี๋ยวไปส่งมึงก่อน เสร็จแล้วเลยไปส่งคุณมุก แล้วกูค่อยกลับไปเอารถที่บริษัทมึง” เอลเลริคพูดสรุปเสียงเรียบอย่างคนเคยชินกับการออกคำสั่ง “ไม่ต้องๆ มึงไปส่งกูที่บ้าน แล้วเอารถกูไปส่งคุณมุก แล้ววันไหนว่างมึงค่อยมาสลับรถ” “อืม ตามนั้น” หญิงสาวมองสองหนุ่มคุยกันระหว่างที่รถยนต์กำลังเคลื่อนที่โดยไม่ได้พูดอะไร เธอเองก็ดื่มมาบ้างตามมารยาทของงาน แต่ก็คงไม่ได้ดื่มเยอะเท่าทั้งสองหนุ่ม จึงมองทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่นั่งเงียบกันอยู่ไม่นาน รถยนต์คันหรูก็มาจอดที่หน้าเฉลียงบ้าน ที่จะเรียกว่าคฤหาสน์ก็คงไม่ผิด ในเมื่อฐานะของเอลเลริคและอีธานไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย อีธานเดินเข้าบ้านโดยมีลูกน้องคนสนิทออกมาช่วยพยุงผู้เป็นเจ้านาย เอลเลริครอจนอีธานเดินหายเข้าไปในบ้านก็เดินไปที่ห้องเก็บรถของอีธาน หยิบกุญแจคันที่เขาใช้ประจำเวลาต้องมาส่งอีธานที่นี่ ก่อนจะเดินตรงไปที่รถ และเพียงไม่นาน รถสปอร์ตสัญชาติอิตาลี่ก็เคลื่อนตัวมาหยุดที่หน้าเฉลียงบ้าน ที่มีร่างของหญิงสาวที่มาด้วยกันยืนรออยู่ ฟาริดาไม่รอให้เอลเลริคต้องลุกมาเปิดประตูให้เธอ หญิงสาวคว้ากระโปรงยกขึ้นเพื่อป้องกันการสะดุด ก่อนที่เธอจะเปิดประตูรถและหย่อนตัวลงนั่ง เมื่อเธอปิดประตูรถและคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เอลเลริคก็พาเธอออกจากบ้านไปด้วยรถยนต์คันหรูของอีธาน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม