“ผมต้องไปส่งคุณที่ไหน”
ชายหนุ่มถามเธอหลังจากที่รถได้เลี้ยวเข้าถนนใหญ่ รอจนหญิงสาวบอกที่อยู่เสร็จเรียบร้อย เขาจึงพยักหน้ารับ ปลายเท้าแตะคันเร่งเพื่อตรงไปยังจุดหมายปลายทาง
ฟาริดาลอบมองใบหน้าหล่อเหลาพลางครุ่นคิด เอลเลริคกับอีธานเป็นลูกครึ่งเหมือนกัน แต่คนละสไตล์กันเลย อีธานดูเป็นผู้ชายเจ้าสำราญที่มีลูกเล่นและการพูดคุยแพรวพราว ส่วนเอลเลริคดูเป็นคนเงียบๆ นิ่งขรึม น่าจะร้ายกว่าอีธานเยอะพอสมควร ดูจากการที่มีแต่คนเข้าหาเขา ภายในงานเลี้ยง ไม่ว่าจะบรรดานักธุรกิจที่เข้าหาด้วยท่าทางเกรงใจ หรือบรรดาสาวๆที่เข้าหาเพราะต้องการเป็นของเล่นของเขาบนเตียง
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่คิดว่าคุณกับคุณอีธานไม่เหมือนกันเลย”
“เหรอ ยังไงที่ว่าไม่เหมือน”
“อุปนิสัยล่ะมั้งคะ คุณอีธานมีบุคลิกและนิสัยของผู้ชายเจ้าชู้ แต่คุณมีนิสัยและบุคลิกนิ่งเงียบ ดูเหมือนจะไม่ชอบพูดหรืออธิบายอะไร นอกจากต้องคอยสังเกตหรือคุ้นชิน ถึงจะเดาใจคุณออก”
“เก่ง ผมเป็นแบบนั้น”
“.....” ฟาริดาอมยิ้มน้อยๆ เธอตั้งใจจะหันมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง
“คุณรู้จักกับอีธานได้ยังไง”
“คะ อ๋อ แค่บังเอิญรู้จักตอนออกงานนี่แหละค่ะ พอดีตอนแรกคุณอีธานกำลังคั่วอยู่กับเพื่อนของฉัน แต่ไปๆมาๆ ดูเหมือนว่าคุณอีธานจะมาจีบฉันแทน ส่วนเพื่อนของฉันก็ไปคบกับหนุ่มออสจนดูเหมือนว่าจะแต่งงานกันอีกในไม่นานนี้ค่ะ”
“อีธานจีบคุณนานแล้วเหรอ”
“ก็อาจจะเรียกว่านานได้แล้วล่ะมั้งคะ เพราะที่ผ่านมา ฉันก็เว้นช่องว่างของคำว่าเพื่อนเอาไว้เสมอ”
“อืม”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่า”
หญิงสาวพยักหน้ารับ ก่อนจะมองออกไปด้านนอก เมื่อเอลเลริคเห็นดังนั้นจึงไม่ได้ชวนเธอคุยต่อ เขาหันมาสนใจกับท้องถนนที่โล่งเพราะตอนนี้ก็ดึกพอสมควร
ชั่วโมงกว่าที่ฟาริดานั่งมองนั่นมองนี่ จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้าสู่หมู่บ้านที่เธออยู่ เธอจึงรวบกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า แล้วบอกทางเขาจนกระทั่งมาถึงหน้าบ้าน
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ คุณจะได้ไม่ต้องวนเข้าไป”
“หมู่บ้านคนรวยเหมือนกันนะ”
“คงไม่ถึงครึ่งของพวกคุณล่ะมั้งคะ”
“ผมขอเข้าไปดูบ้านหน่อยได้ไหม”
“.....เชิญค่ะ”
ฟาริดาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเปิดกระเป๋าแล้วหยิบรีโมทย์ออกมากดเปิดประตูใหญ่ เพื่อให้เอลเลริคขับเข้าไปจอดภายใน
“คุณอยู่คนเดียวเหรอ” ชายหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ เมื่อรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านแล้วประตูบ้านยังเงียบอยู่
“อยู่กับแม่บ้าน 2 คน คนรถ 1 คนค่ะ บ้านฉันไม่ได้ใหญ่มาก ฉันจึงไม่ได้จ้างคนเยอะค่ะ”
“แต่เปิดร้านอาหาร”
“มันไม่ใช่ร้านหรูนี่คะ แค่ร้านอาหารขนาดกลางที่ฉันพอบริหารไหว”
“.....จากที่ผมเห็น บ้านคุณไม่ได้เล็กเลยนะ ทั้งราคาที่ดินบริเวณนี้ ทั้งราคาบ้าน ทั้งราคาของตกแต่งสวน”
เอลเลริคมองหญิงสาวตรงหน้าเต็มตา ฟาริดาถ่อมตัวว่าบ้านของเธอไม่ใหญ่ แต่จากที่เขาเห็น ฐานะของหญิงสาวไม่ได้ด้อยไปกว่าบรรดาผู้คนที่เรียกตัวเองว่าไฮโซเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งหนึ่งที่เธอพูดถูกคือมันยังไม่ได้ครึ่งของเขาจริงๆ
“เชิญค่ะ เข้าไปดื่มน้ำก่อน” หญิงสาวยิ้มน้อยๆแล้วเชิญเขา ก่อนที่เธอจะก้าวลงจากรถแล้วเดินไปเปิดประตูบ้าน
เอลเลริคดับรถแล้วเดินตามหญิงสาวเข้าไปในบ้าน แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด ของตกแต่งภายในบ้านเป็นของสั่งทำ ของแบรนด์ดังที่ราคาแรง รวมทั้งของนำเข้าอีกมากมายที่หญิงสาวใช้ตกแต่งบ้าน
“ดื่มอะไรดีคะ”
“ขอกาแฟครับ เดี๋ยวผมกลับไปทำงานต่อ”
“งั้นสักครู่นะคะ”
หญิงสาววางกระเป๋าลงบนโซฟา ก่อนจะเดินหายเข้าไปด้านในที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นห้องครัวภายในบ้าน ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับกาแฟร้อนหอมกรุ่น เจ้าของบ้านนำแก้วมาวางลงบนโต๊ะหน้าโซฟาพร้อมกับหย่อนตัวนั่งลง
“ไม่รู้จะถูกปากหรือเปล่านะคะ”
“ผมดื่มได้หมด ขอบคุณครับ” เอลเลริคยกแก้วกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก ก่อนจะชะงักเล็กน้อย เมื่อมันได้รสชาติกำลังดีราวกับเธอรู้ใจเขา
“พอได้ไหมคะ”
“ครับ งั้นเดี๋ยวผมกลับเลยละกัน คุณจะได้พักผ่อน”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“ไว้เจอกันครับ”
“.....ค่ะ ไว้เจอกัน”
ฟาริดาชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเขาเอ่ยราวกับว่าเธอกับเขาอาจจะได้เจอกันบ่อยๆ เธอรอจนเอลเลริควางแก้วกาแฟลงแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จึงเดินตามหลังไปส่งเขาที่ประตูหน้าบ้านโดยไม่พูดอะไร รอจนชายหนุ่มเคลื่อนตัวรถยนต์ไปเล็กน้อยก็กดรีโมทย์เปิดประตูรั้ว และยืนรอจนรถเคลื่อนพ้นไปแล้วก็กดปิดประตูอีกครั้ง ก่อนจะหันมาล็อกประตูบ้านจนเรียบร้อย แล้วเดินหายขึ้นบันไดไป
โดยที่หญิงสาวไม่ได้รู้เลยว่าหลังจากที่รถยนต์คันหรูเคลื่อนพ้นประตูรั้วไปแล้ว เอลเลริคได้จอดรถแล้วรอจนประตูรั้วของเธอเลื่อนจนปิดสนิทเขาถึงขับออกไป
“ไม่ต้องรอ ฉันจะเข้าบริษัท” สิ้นเสียงพูดที่เฉียบขาด รถยนต์คันหรูก็เพิ่มความเร็วเพื่อตรงไปยังจุดหมายปลายทาง
อาจเป็นเพราะถนนหนทางที่โล่งเนื่องจากเป็นเวลาค่อนข้างดึก จึงทำให้เอลเลริคมาถึงบริษัทภายในเวลาไม่นาน อันที่จริงบ้านของฟาริดาอยู่ใกล้กับบ้านและบริษัทของเขามากกว่าอีธาน เขาจึงมาถึงที่นี่เร็วกว่าการที่เวลาเขาไปหาอีธานแล้วกลับมาที่บริษัท
บ้านของเอลเลริคและบริษัทอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะชายหนุ่มต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ถึงอย่างนั้นบ้านของเขาก็อยู่ติดถนนใหญ่ เพียงแต่พื้นที่บริเวณนี้เป็นของเขาแทบจะทั้งหมดจากการที่เขากว้านซื้อมันมา
เอลเลริครับผิดชอบธุรกิจต่อจากบิดามารดา บ้านของเขาทำธุรกิจค้าอัญมณี ไม่ว่าจะนำเข้า ส่งออก หรือแม้แต่ผลิตเครื่องประดับจากเพชร พลอย หรือไข่มุกก็ตาม เรียกง่ายๆว่าครอบคลุมธุรกิจเกี่ยวกับอัญมณีนั่นเอง
อีกทั้งหลังจากที่ชายหนุ่มเข้ามาเป็นนักธุรกิจเต็มตัว เขาเริ่มเข้าซื้อหุ้นและเป็นหุ้นส่วนโรงแรมและคอนโดมิเนียมหรูหลายแห่ง ธุรกิจและการเงินของเขาจึงงอกเงยแบบก้าวกระโดด รวมทั้งอิทธิพลของเขาด้วยเช่นกัน
ชายหนุ่มก้าวยาวๆเข้าลิฟต์เพื่อตรงไปยังห้องทำงานของตนเองที่อยู่ชั้นบนสุด แววตาคมดุ ใบหน้านิ่งขรึม สมองหวนคิดไปถึงใบหน้าสวยหวานที่เพิ่งได้รู้จักกัน ฟาริดาดูเป็นผู้หญิงที่ใครหลายคนตามหา ผู้หญิงที่ทำงานรับผิดชอบอะไรหลายๆอย่าง ถ่อมตัว ถึงแม้ว่าพื้นฐานของตนจะมีมากกว่าใครหลายคน แต่ก็ไม่ได้โอ้อวดหรือฟุ้งเฟ้อ อีกทั้งรูปร่างหน้าตาที่เด่นสะดุดตา ผิวพรรณที่ไม่ว่าใครได้เห็นก็ต้องหันกลับมามอง เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอีธานถึงได้ติดตาติดใจฟาริดา
นานหลายชั่วโมงที่ชายหนุ่มกลับเข้าไปทำงานต่อ ช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังมีการแข่งขันสูงมาก อีกไม่นานจะมีการเปิดตัวเครื่องประดับชิ้นใหม่จากบริษัทคู่แข่ง เขาจึงต้องพิจารณาแบบที่ฝ่ายออกแบบช่วยกันคิดและออกแบบขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่ามันยังไม่ถูกใจเขาเท่าที่ควร
ร่างสูงนั่งนิ่ง เมื่ออยู่ๆความคิดก็หวนนึกไปถึงหญิงฟาริดาอีกครั้ง ตัวตนของหญิงสาว อ่อนโยน สดใส แต่ก็แข็งแกร่งภายในเวลาเดียวกัน ตัวตนของอัญมณี!!!
มือหนาคว้าโทรศัพท์ส่วนตัวมาต่อสายหาอีริคแทบจะทันที และเพียง 2 ชั่วโมง ห้องประชุมก็ได้เปิดขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางนักออกแบบของบริษัท รวมทั้งพนักงานในส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่เข้าร่วมการประชุมด่วนในครั้งนี้
ช่วงเช้าวันต่อมา เอลเลริคสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาเลี้ยงพนักงานทุกคนที่เขาสั่งให้มาทำงานกลางดึกเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงานของพวกเขา จนกระทั่งงานเริ่มมีความคืบหน้า เขาจึงสั่งให้ทุกคนไปนอนพักก่อนที่จะกลับมาทำงานต่อในช่วงบ่าย
ก๊อก ก๊อก
“นาย ได้แล้วครับ” อีริคเคาะประตูเพียงสองครั้งเพื่อให้รู้ว่าเป็นเขา ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของเขาที่ก้าวเข้ามาภายในห้องทำงานของเอลเลริคพร้อมกับไอแพดรุ่นล่าสุดในมือที่ส่งให้กับผู้เป็นเจ้านาย
“หืม แม่เสียไปแล้ว บิดาไม่ปรากฏอยู่ในประวัติ ผู้มีอิทธิพลสินะ”
“คิดว่านะครับ เพราะหายังไงก็หาไม่เจอ อีกอย่างมารดาของคุณฟาริดาเป็นผู้ดีเก่าครับ หลังจากที่เสียชีวิตไปจึงทิ้งมรดกไว้ให้คุณฟาริดาค่อนข้างมาก”
“อืม เรียนจบบริหารมาเสียด้วยนะ”
เอลเลริคสั่งให้อีริคสืบหาประวัติของฟาริดามาให้เขา ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะเข้ามาวิ่งวนอยู่ในความคิดของเขาโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว
ชายหนุ่มกวาดตามองข้อมูลของหญิงสาวก่อนจะส่งไอแพดคืนให้อีริค รอจนลูกน้องคนสนิทเดินออกจากห้องไปจึงเปิดเมล์ที่อีริคส่งมาให้ ดวงตาคมมองหน้าจอนิ่ง พลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่เขาพอจะทำได้และต้องการจากความเป็นตัวตนของฟาริดา
เสี้ยววินาที มือหนาคว้าเอากุญแจรถของตนเองที่มักจะจอดทิ้งเอาไว้ที่บริษัท แล้วลุกออกจากโต๊ะทำงานโดยไม่สนใจเสื้อสูทที่แขวนอยู่แม้แต่น้อย ก้าวยาวๆตรงไปยังลิฟต์ส่วนตัวโดยผ่านหน้าโต๊ะทำงานของอีริคที่พอจะเดาออกว่าผู้เป็นเจ้านายจะไปไหน
“จัดารงานด้วย เดี๋ยวกลับมา”
“รับทราบครับนาย”
และเสี้ยววินาทีต่อมา ร่างสูงใหญ่ของเอลเลริคก็หายเข้าลิฟต์ไป โดยที่อีริคได้แต่มองความคิดเร็วทำเร็วของผู้เป็นเจ้านายด้วยความเคยชิน