หลังจากเอลเลริคออกมาจากบริษัทของอีธาน ชายหนุ่มก็ขับรถไปเรื่อยๆ แต่เดิมที่คิดว่าคงจะไปหาจิรัชยาที่รออยู่ที่คอนโด เขากลับมีความรู้สึกว่าเบื่อหน่าย เพราะถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นเพื่อนของมีนา ถึงเขาจะไม่ได้จริงจังอะไรกับมีนามากนัก แต่หล่อนก็ได้ชื่อว่าคบกับเขาด้วยความเปิดเผย
ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆสมองก็หวนคิดไปถึงหญิงสาวรูปร่างบอบบาง ใบหน้าหวานซึ้ง หัวรถที่กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านหักเข้ายูเทิร์นกระทันหัน แล้วเลี้ยวไปยังเส้นทางที่มุ่งไปยังจุดหมายปลายทางอีกที่
“ป้าไปนอนเถอะค่ะ มุกปิดบ้านแล้วเดี๋ยวก็ขึ้นข้างบนแล้ว”
หญิงสาวเจ้าของบ้านบอกกับหญิงสูงวัยด้วยความเกรงใจ เมื่อเธอเพิ่งกลับมาจากที่ร้านแล้วตรงขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วถึงค่อยลงมาข้างล่าง ด้วยความที่ว่าปกติแล้วแม่บ้านจะอยู่ที่เรือนเล็กอีกหลัง เรือนใหญ่หลังนี้จึงค่อนข้างเงียบและเป็นส่วนตัวหลังจากเวลา 18.00 นาฬิกา เพราะมีเพียงแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่เท่านั้นที่เข้าออกเรือนหลังนี้ได้
“เมื่อไหร่คุณมุกจะจ้างคนเพิ่มเสียทีนะคะ อย่างน้อยที่นี่จะได้มีคนคอยเป็นหูเป็นตาให้มากกว่านี้” ดาหลา หรือป้าดาบ่นพึมพึมใส่เจ้านายสาวอย่างเปิดเผย
“ไม่เห็นเป็นอะไรนี่คะ ที่นี่ติดกล้องไว้เกือบทุกจุด อีกอย่าง ที่นี่มียามของหมู่บ้าน ปลอดภัยอยู่แล้วค่ะ” ฟาริดาเอ่ยอย่างคนไม่คิดอะไรมาก
“ป้าไม่เถียงกับคุณมุกแล้ว ค่ำแล้ว ปิดล็อกบ้านดีๆแล้วรีบเข้านอนนะคะ”
“รับทราบค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” ฟาริดายิ้มให้ดาหลา รอจนหญิงสูงวัยเดินออกไป เธอจึงปิดประตูล็อกกลอน
หญิงสาวหันซ้ายหันขวาอยู่ชั่วครู่ ก็ก้าวเท้ายาวๆตรงไปยังห้องครัวเพื่อหาผลไม้รองท้อง และเธอก็ไม่ผิดหวัง เมื่อในตู้เย็นมีจานผลไม้ที่ปอกแล้ววางอยู่ มือเล็กหยิบจานออกมาจากตู้เย็น แล้วเดินออกมาที่ชุดโซฟา ตั้งใจว่าจะจัดการให้เสร็จแล้วค่อยขึ้นไปนอน แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ข้างบนห้อง จึงหมุนตัวเดินกลับขึ้นบันไดไป
เมื่อฟาริดาขึ้นมาถึงบนห้อง เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูตามความเคยชิน ก่อนจะต้องสะดุ้ง เมื่อมันกำลังส่งเสียงแจ้งเตือนสายเข้าขณะอยู่บนมือเธอพอดี
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวส่งเสียงหวานตามความเคยชินขณะรับสาย
“มุก” เสียงนิ่งขรึมที่คุ้นเคยดังออกมาจนหญิงสาวแอบขมวดคิ้ว
“คุณเรย์เหรอคะ” เธอถามเขาเพื่อความแน่ใจ
“ครับ”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ โทรมาดึกเชียว”
“ผมจอดรถออยู่หน้าบ้านคุณ เปิดประตูหน่อยได้ไหม”
“หือ พูดจริงเหรอคะ”
“ครับ”
“เอ่อ สักครู่นะคะ”
ฟาริดาเปิดโทรศัพท์ดูกล้องตัวหน้าบ้าน หลังจากที่กดวางสายจากเอลเลริค เมื่อเห็นว่ารถของเขาคันที่มารับมาส่งเธอเมื่อเช้าจอดอยู่หน้าบ้านก็เหวอไป ก่อนจะกดรีโมทย์ให้ประตูรั้วเปิดออก รอจนเขาขับพ้นประตูเข้ามา ก็กดปิดประตูอีกครั้ง
เอลเลริครอจนแน่ใจว่าประตูรั้วปิดสนิท จึงเคลื่อนรถมาจอดที่หน้าเฉลียงบ้าน ก่อนจะลงจากรถแล้วยืนรอหญิงสาวมาเปิดประตูอยู่เงียบๆ
ไม่นาน ประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างบอบบางของฟาริดาที่ก้าวออกมาด้วยสภาพที่เรียบร้อยกว่าก่อนหน้านี้
หลังจากที่หญิงสาวกดรีโมทย์ปิดประตู เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่ชุดลำลองอยู่บ้านสบายๆแบบที่เธอชอบใส่เวลาไม่ต้องต้อนรับแขก แล้วรีบลงมาเปิดประตูเพราะคิดว่าเอลเลริคน่าจะเป็นคนไม่ชอบรอ
“ผมมารบกวนหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ มุกก็เพิ่งกลับมาถึงไม่นาน กำลังจะหาอะไรทานรองท้องพอดี”
ใบหน้าหวานพยักเพยิดไปทางชุดโซฟารับแขกให้เขาหันไปดู เมื่อเขาก้าวเข้ามาภายในบ้าน แล้วเธอปิดประตูลง
เอลเลริคมองไปตามทางที่หญิงสาวส่งสัญญาณ ก็เห็นมีจานผลไม้วางอยู่บนโต๊ะ แต่ดูเหมือนว่ามันยังไม่พร่องไปแม้แต่ชิ้นเดียว ราวกับว่าฟาริดายังไม่ทันได้กินมัน
“เชิญนั่งก่อนเถอะค่ะ” ฟาริดาเอ่ยทำลายความเงียบ เมื่อเอลเลริคยังยืนนิ่งอยู่แบบนั้น
หญิงสาวเดินนำเขาไปที่ชุดโซฟา ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงเมื่อเขานั่งลงเรียบร้อยแล้ว ดวงตากลมโตมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“พอดีผมมีอะไรให้คิดนิดหน่อย แต่ไม่รู้จะไปไหน”
“เลยมาบ้านมุก?”
“ก็ประมาณนั้น”
“ทานอะไรมาหรือยังคะ”
“ยัง”
“.....ทานอะไรไหมคะ”
“ก็ดี”
“งั้นสักครู่นะคะ”
ฟาริดาหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมา กดต่อสายหาใครบางคน เพียงไม่นานก็วางสาย และไม่กี่นาทีต่อมาประตูบ้านก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของหญิงสูงวัยเดินเข้ามา
“ขอโทษนะคะป้าดา พอดีเพื่อนมุกมา ช่วยทำอะไรง่ายๆให้ทานหน่อยได้ไหมคะ” หญฺงสาวพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ได้สิคะ งั้นรอป้าแป๊บนึงนะคะ” หญิงสูงวัยยิ้มเอ็นดูเจ้านายสาวที่เกรงใจเธอ ก่อนจะเดินหายเข้าไปด้านในบ้านเพื่อเข้าไปในห้องครัว
“ขอบคุณครับ”
เอลเลริคขอบคุณหญิงสาวพลางมองฟาริดาเต็มตา เธอดูสุภาพอ่อนน้อมกับผู้คนที่อายุมากกว่าเธอ ทั้งที่เธออยู่ในสถานะผู้เป็นเจ้านาย
ซึ่งมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือผู้คนเหล่านั้นจะเกรงใจเธอ แต่ข้อเสียคือหากผู้คนเหล่านั้นเห็นว่าหญิงสาวหัวอ่อน ไม่เด็ดขาด ก็จะไม่เกรงใจเธอ และอาจจะเป็นภัยต่อเธอได้ในภายหลัง
ไม่นานดาหลาก็เดินกลับมาพร้อมกับพาสต้า 2 จาน จากนั้นก็เดินหายกลับไปแล้วกลับออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเปล่า 2 แก้วและน้ำผลไม้ 2 แก้ว
“ขอบคุณค่ะ”
“ป้าไปนะคะ”
“ค่ะ”
หลังจากดาหลาเดินออกไป เอลเลริคก็มองด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงมีทั้งน้ำผลไม้และน้ำเปล่า
“ป้าดาไม่รู้ว่าคุณชอบดื่มอะไร เลยเอามาทั้งสองอย่างเลยค่ะ” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มน้อยๆราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“อ๋อ ครับ”
“ลงมือเถอะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอกเขาพลางจับส้อม
เอลเลริคเริ่มลงมือเมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านเริ่มลงมือทานก่อนแล้ว เขาตักเข้าปากเพียงเล็กน้อยเพื่อชิมรสชาติ ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อมันดีราวกับทานที่ร้านอาหาร
“แม่บ้านที่นี่ได้ฝึกงานที่ร้านมาน่ะค่ะ”
“คุณพูดเหมือนรู้เลยว่าผมคิดอะไรอยู่”
“คุณไม่ได้มองยากขนาดนั้นค่ะ”
“งั้นเหรอ แต่คนส่วนใหญ่บอกว่าผมเข้าใจยากนะ”
“ก็ไม่นะคะ คุณแค่เป็นคนไม่พูดค่ะ และไม่ชอบพูดเยอะด้วย”
“ตามนั้นเลยครับ”
ฟาริดายิ้มให้เขา ก่อนจะลงมือทานต่อ เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มทานต่อเรื่อยๆเธอจึงชวนเขาคุยนั่นนี่ จนกระทั่งอาหารบนจานว่างเปล่า เธอจึงเลื่อนจานผลไม้มาวางตรงหน้าเขาแล้วผายมือโดยไม่ได้พูดอะไร
“ว่าแต่วันนี้อีธานได้ไปหาคุณไหม” เอลเลริคพูดลองเชิงหญิงสาว
“ไม่ได้มานะคะ ปกติคุณอีธานไม่ได้มาทุกวันค่ะ มีโทรมาบ่อย แต่ช่วงนี้มุกก็ไม่ค่อยว่างรับสายด้วยค่ะ” หญิงสาวตอบแบ่งรับแบ่งสู้ แต่เขาดูออกว่าแววตาของเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดเหล่านั้น เธอเฉยราวกับพูดถึงเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“คุณนี่ใจแข็งนะ”
“.....ก็ทำนองนั้นค่ะ”
“มิน่า อีธานถึงจีบคุณจริงจัง”
“อย่ามาพูดเลยค่ะ วิสัยผู้ชาย ยังไงพวกคุณก็มีสาวๆอยู่ในสต็อกอยู่แล้วนี่คะ”
“อย่าเหมารวมผมสิ”
“ก็เรื่องจริงนี่คะ”
“.....ก็ยอมรับว่ามี แต่ก็แค่คนที่เสนอตัวเข้ามาเอง” เอลเลริคพูดออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“อันนั้นมันเรื่องส่วนตัวของคุณกับคุณอีธานค่ะ มุกไม่ขอยุ่งวุ่นวาย” หญิงสาวพูดตรงๆอย่างคนไม่คิดอะไร เพราะเธอถือว่าไม่ใช่เรื่องของเธอ
“คุณนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”
“ยังไงล่ะคะ มุกก็คนธรรมดา ไม่ได้มีปีกมีอะไรเสียหน่อย”
“คนธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา”
เอลเลริคพูดสรุปให้ ก่อนที่เขาจะจิ้มผลไม้ในจานส่งเข้าปากพลางมองสบตาหญิงสาว ฟาริดาไม่ได้ต่อความอะไร เธอยิ้มน้อยๆให้เขา แล้วนั่งทานผลไม้ต่อเงียบๆ
ทั้งสองหนุ่มสาวต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเอง ฟาริดานั่งเล่นโทรศัพท์เงียบๆ เอลเลริคเองก็นั่งเลื่อนโทรศัพท์เช็กงานของตัวเองไปพลาง ไม่นานเขาก็เอนกายพิงพนักโซฟา วางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว แล้ววางมือประสานกันบนหน้าท้องแล้วหลับตาลง
ฟาริดาหันมาเห็นเขาหลับไปแล้วก็อมยิ้ม ก่อนที่จะหยิบกระดาษกับปากกามาเขียนโน้ตเอาไว้ให้เขา ก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วเดินขึ้นบันไดไป