ตอนที่ 3
จำไม่ได้?
พอได้แล้ว! ปลายฝัน หยุดฟุ้งซ่านเสียที!!
เธอสะบัดหน้าไปมาพยายามดึงสติตัวเองให้กลับมา เมื่อเริ่มจะนึกถึงสัมผัสที่แสนเร่าร้อนในคืนนั้น ถามว่าภารกิจนั้นมีประโยชน์พอให้เธอนำมาเขียนงานต่อได้มั้ย
ไม่เลย!เพราะยิ่งคิดเธอก็ยิ่งว้าวุ่นจนแทบจะทำงานไม่ได้
คุ้มไหมเนี่ย ...กับการทุ่มเทเพื่องานเขียนขนาดนั้น
“อืม”
จะว่าไปกล้ามเนื้อเขาก็ลีนแน่นเครียดน่าสัมผัสยิ่งนัก
“เขียนนิยายเหรอครับ”
ลมหายใจผ่าวร้อนที่เป่ารดอยู่ข้างหูทำเอา ปลายฝัน สะดุ้งจนแทบจะพักหน้าจองานลงมาไม่ทัน ทว่าเมื่อหันหน้ากลับมาก็แทบจะชนกับหน้าหล่อเหลาที่เปียกชื้นเพราะหยาดน้ำ
“คะ..คุณ”
ไม่นะ! ตอนนี้เขากำลังนุ่งเพียงผ้าขนหนูตัวเดียวที่พันไว้อย่างหมิ่นเหม่ แล้วยืนเปลือยท่อนบน เผยให้เห็นแผงอกกำยำและแผ่นท้องแน่นเครียดครัด ยืนห่างกับเธอเพียงคืบ ทำเอาหัวใจเธอเต้นระส่ำจนแทบจะกระเด็นกระดอนออกมา “ปรายเตรียมเสื้อผ้าไว้ตรงนั้นค่ะ คุณปุณณ์ไปใส่เสื้อผ้าก่อนดีกว่าจะได้รีบกลับ”
ปุณณ์ อมยิ้มเล็กน้อย โน้มหน้าหล่อเหลาลงมาใกล้จนเกือบจะชิดหน้าเนียนใสของคนตัวเล็ก ดวงตาคมกริบมองสบตานัยน์ตาคู่สีน้ำตาล
“จ้องผมขนาดนี้เลยเหรอครับ”
“เปล่าจ้องค่ะ”
จ้องที่ไหนกันเล่า เธอแค่ลอบมองเขาเฉยๆ ตอนนี้ก็เบี่ยงหลบสายตาทำทีไม่สนใจแล้ว
“อยากมองก็มองซิครับ ไม่เห็นต้องหลบสายตาเลย”
หน้าสวยเห่อร้อนขึ้นจนเริ่มจะแดงก่ำ จนเธอต้องพยายามเบี่ยงตัวออกห่างเพื่อเว้นระยะไว้ และย้ำกับเขาอีกรอบ“ไปใส่เสื้อผ้าก่อนดีกว่าค่ะจะได้กลับเริ่มดึกแล้ว”
“ไล่ผมจังเลย”
“เปล่านะคะ”
ไล่ที่ไหนละ รีบว่าผลักใสดีกว่า! เมื่อไหร่จะเอาหน้าหล่อๆนี่ออกไปจากบ้านฉันเสียที จะบ้าตายอยู่แล้ว
“ผมไม่ได้เอารถมา”
“คะ”
ว่าไงนะ! อย่าบอกนะว่า ...
“งั้นเดี๋ยวปรายเรียกแกร็บให้ก็ได้ค่ะ”
เธอรีบอาสาอย่างกระตือรือร้น เข้าใจว่าเขาอาจจะจอดรถไว้ที่บริษัทและขับรถของพี่ชายเธอมาส่ง ในเมื่อเขามีน้ำใจกับพี่ชายเธอ..ก็ควรจะต้องมีน้ำใจกับเขาเช่นกัน
“ยังก็ได้ครับออกไปตอนนี้รถติดเปล่าๆ ผมขอพักสักงีบ”
ร่างหนาขยับมาใกล้จนเธอได้กลิ่นหอมสบู่หอมอ่อนๆจากกายเขา ความสับสนฟุ้งซ่านเริ่มตบตีกันในใจของปลายฝันจนยุ่งเหยิงไปหมด
“อ๊ะ..แต่”
“ผมเป็นแขกของบ้านนะครับ อุตส่าห์พาเป้มาส่งที่นี่ ทำไมใจร้ายจะรีบไล่ผมกลับจัง”
รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากหยักได้รูป ดวงตาคู่สีดำสนิทลุ่มลึกอย่างมีเลศนัย นั่นทำให้เธอเริ่มรู้สึกประหวั่นใจยิ่งนัก
“งะ...งั้นสักพักก็ได้ค่ะ คุณปุณณ์ไปใส่เสื้อผ้าก่อนดีมั้ยคะ”
เธอบอกเขาโดยไม่มองหน้า
“คุณชอบมองตอนผมไม่ใส่ไม่ใช่เหรอครับ”
ปุณณ์ เอียงคอมองเธอ ขณะยกมือขึ้นกอดอก นั่นทำให้เธอลอบมองเขาอย่างตระหนก
“คุณพูดอะไร?”
ปลายฝัน พยายามปรับน้ำเสียงให้ปกติ และข่มอารมณ์เอาไว้อย่างที่สุด อย่างไรเธอจะต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างถึงที่สุด ยิ่งเขาเป็นคนใกล้ตัวของปิยะแล้ว ถึงอย่างไรเธอก็ต้องทำหน้าตายต่อไปจนถึงที่สุด
“คืนนั้น?”
เขาสาวเท้าเข้ามาใกล้จน จนร่างบางถอยร่นติดกับโต๊ะทำงาน ปลายฝันยกมือนิ่มดันแผงอกเขาไว้ ทว่ามือหนาใหญ่นั้นกลับรวบมือเธอไว้แน่น
“คุณปุณณ์คะ”
“ครับ”
“คือปรายไม่รู้ว่าคุณปุณณ์พูดเรื่องอะไร คือเราสองคนเพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรก ความจริงเพื่อนที่ทำงานวีเคกรุ๊ปของพี่เป้ ปรายก็รู้จักเกือบทุกคน คุณปุณณ์น่าจะเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่แน่เลยใช่ไหมคะ”
ใจเธอเริ่มเต้นระส่ำเมื่อความผ่าวร้อนจากมือหนาแผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับโดนไฟนาบ
“อืม ..ใช่ครับผมเพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน” ปุณณ์พยักหน้า ยกมือเรียวขึ้นมาแตะริมผีปาก นั่นทำให้เธอรีบชักมือกลับ ทว่าปลายลิ้นสากร้อนกลับแลบออกมาเลียนิ้วเรียวนิ่มและส่งสายตาปรือเชื่อมให้
“อ๊ะ..คุณจะทำอะไร?”
“ชู่ว!”
ปากหยักของเขาส่งเสียงปราม ขณะละเลียดเลียนิ้วเรียวของเธอ “คืนนั้นผมเป็นคนแรกของคุณใช่มั้ย?”
“ปรายไม่เข้าใจว่าคุณปุณณ์พูดเรื่องอะไร เราไม่เคยเจอกันมาก่อน” เธอตอบเขาเสียงสั่นระริก แม้จะรู้สึกเริ่มอ่อนระทวยไปทั้งตัว แค่เพียงปลายลิ้นสากไล้ยังปลายนิ้วเรียวช้าๆ
เขากำลังจะทำให้เธอบ้าตาย! ในขณะที่เธอกำลังทำหน้าด้านไม่รู้ไม่รู้ไม่ชี้อย่างที่สุด
“แค่ไม่กี่วันก็ลืมผมแล้วเหรอ ใจร้ายจัง”
น้ำเสียงเขาคล้ายตัดพ้อน้อยใจ ทว่าสายตาคมกริบไม่ได้ฉายแววเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย
ช่างปะไร! อย่างไงเธอก็ต้องหน้าด้านต่อไป
“คุณปุณณ์น่าจะจำผิดคนแล้วละค่ะ”
“งั้นเหรอ”
มุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฎขึ้นในดวงตาดำขลับ จิตใจของปลายฝันเริ่มว้าวุ่นขึ้นมาอีกครั้งจากที่คิดว่าจะปากแข็งให้ถึงที่สุด
“อ๊ะ”
มือหนารวบเอวคอดของเธอ ก่อนจะยกร่างขึ้นนั่งบนโต๊ะทำงานร่างหนาแทรกเข้ามาใกล้ และก้มหน้าหล่อเหลาลงจนจมูกโด่งเป็นสันชนกับจมูกเล็กของเธอ ความรู้สึกของปลายฝันเริ่มว้าวุ่นอีกครั้งเมื่อนึกได้ว่าอุ้งมือหนานี้เคยตรึงบั้นท้ายของเธอกับโซฟาอย่างไงอย่างงั้น
“คุณปุณณ์?”
“ครับ”
หัวใจของเธอเต้นแรง เมื่อสบตากับดวงตาดำสนิทที่วาววับ ความรู้สึกมากมายในคืนนั้นเริ่มจะกลับมาในโสตประสาทอีกครั้ง
*************