ตอนที่ 4 รู้โดยไม่ตั้งใจ

1453 คำ
I love you my friends (5) อิงเอย : เป็นยังไงบ้าง? โอเคใช่มั้ย? วินทร์ : อัพเดทด้วยเอ๋อ อย่าเงียบ พวกกูรอฟังมึงอยู่ สู้ๆมึง Fang2112 : ค่อยๆเรียนรู้ไปมึง อย่าเครียด อย่ากดดันตัวเอง พวกกูรู้ว่ามึงทำได้ Sida_Jin : สู้ๆมึง ห้ามกดดันตัวเอง วันนี้กูอยู่ออฟฟิศคนเดียว มีอะไรโทรมาได้ตลอด เพราะต้องตอบข้อความของเพื่อนๆที่ส่งเข้ามา ทำให้เธอเลือกที่จะเดินเข้าไปนั่งโต๊ะที่อยู่ด้านใน คิดว่าลูกค้าคงจะไม่เดินเข้ามานั่งเพราะอยู่ไกลจากเคาน์เตอร์ ทว่าเธอกับคิดผิด เพราะโต๊ะที่อยู่ถัดไป ห่างจากโต๊ะของเธอแค่ผนังกระจกกั้นมีลูกค้าชายหญิงสองคนนั่งอยู่ เธอไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นทั้งสองคนคุยอะไรกัน แต่บทสนทนาของคนทั้งสองคนที่เธอกำลังได้ยิน ทำให้เธอต้องนั่งนิ่งไม่กล้าแม้แต่จะขยับนิ้วเพื่อพิมพ์ข้อความตอบเพื่อน “ปิ่นอยากหย่า” “ปิ่นแน่ใจเหรอว่าอยากจะหย่า” “ค่ะ ปิ่นแน่ใจ ปิ่นไม่มีความสุขเลย ไม่มีวันไหนที่ปิ่นนอนหลับได้อย่างสนิท สามปีที่อยู่ด้วยกันปิ่นมีแต่ความทุกข์ทรมาน อยากจะตายให้มันพ้นๆ” “คิดอะไรบ้าๆ การตายไม่ใช่การแก้ปัญหา” “ปิ่นรู้ค่ะ” ปิ่นธารายิ้มเศร้า “ตอนนี้ชีวิตปิ่นก็ไม่ต่างอะไรกับการตายทั้งเป็น ถ้าวันนั้นปิ่นเลือกพี่รักษ์ชีวิตปิ่นก็คงจะมีแต่ความสุข ไม่ทุกข์ทรมานแบบนี้ ป่านนี้เราสองคนก็คงจะมีลูกน่ารักด้วยกันอย่างที่หวังเอาไว้ ปิ่น...” ตุบ! อบอุ่นที่เผลอทำโทรศัพท์หลุดมือถึงกับหันขวับไปมองโต๊ะข้างๆ ภาวนาให้คนทั้งสองไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เหมือนว่าความโชคดีของเธอจะถูกใช้หมดไปตั้งแต่เมื่อเช้าที่เห็นรถเบนซ์ซีดานคันนั้น เพราะทันทีที่เธอหันหน้าไปมองก็ประสานเข้ากับสายตาคมดุของผู้ชายตัวสูงที่มองมาอย่างไม่พอใจ เขาต้องไม่พอใจอยู่แล้ว เพราะคิดว่าเธอตั้งใจแอบฟัง ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ เธอก็แค่บังเอิญผ่านมาได้ยินเท่านั้นเอง เรื่องที่ได้ยินก็ดันเป็นเรื่อง...ภายในที่เจ้าของเรื่องคงไม่ต้องการให้บุคคลที่สามรู้ อบอุ่นถึงกับเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อเห็นใบหน้าเคร่งขรึมอย่างคนโกรธจัด พร้อมกับสายตาคมดุที่มองมา ดวงตาเรียวสวยเศร้ากระพริบถี่ ก่อนที่มือเรียวจะรีบคว้าเอาโทรศัพท์ที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาแนบหู ทำทีเป็นคุยโทรศัพท์ค้างอยู่ “เอ่อมึงว่าไง อะไรนะ ไม่ค่อยได้ยินเลย เดี๋ยวก่อนนะมึงสงสัยคลื่นไม่ดี เดี๋ยวนะกูเดินหาคลื่นแปปนึง” อบอุ่นอยากจะยกมือขึ้นขยุ้มหัวของตัวเองจริงๆ คำพูดมีเป็นเป็นล้านให้เธออ้าง แต่เธอกับบอกว่าคลื่นโทรศัพท์ไม่ดีในพื้นที่ใจกลางเมือง ที่ทุกเครือข่ายแข่งขันกันปล่อยสัญญาณห้าจี ช่างเป็นคำแก้ตัวที่ไร้น้ำหนักจริงๆ แบบนี้พวกเขาก็ต้องรู้สิว่าเธอโกหก มุมปากของรักษ์ยกขึ้นทันทีเมื่อเห็นโทรศัพท์ที่แนบอยู่บนใบหน้าเรียวถูกสลับหัวท้าย ดวงตาคมดุสำรวจร่างบางที่เดินห่างออกไปอย่างพินิจ ก่อนจะละสายตากลับมามองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า “พี่รักษ์คิดว่าเธอจะได้ยินเรื่องที่เราคุยกันไหม” ปิ่นธารารู้สึกอายไม่น้อยเมื่อเรื่องที่เธอพูดกับรักษ์มีคนอื่นได้ยิน “พี่ว่าเราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันดีกว่า ปิ่นจะสั่งอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า” “ไม่ค่ะ ปิ่นคงกินอะไรไม่ลง” รักษ์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวออกจากร้าน อบอุ่นที่เห็นว่าคนทั้งสองเดินออกจากร้านถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ตอนแรกก็คิดว่าอดีตคู่รักมาเปิดอกเจรจาพูดคุยกันเรื่องการหย่าร้าง ใครจะคิดว่า... “อย่าบอกนะคะว่าเค้กที่วางขายทั้งหมด เป็นเค้กที่พี่เมยทำเองคนเดียว” อบอุ่นหันไปถามเมยหลังจากที่พนักงานทุกคนกลับไปแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่ม เลยเวลาร้านปิดมาแล้วหนึ่งชั่วโมง เธอเองก็พอจะรู้ว่าเจ้าของร้านที่กำลังจะเป็นอดีตใช้เวลาหลังร้านปิดวันละสามถึงสี่ชั่วโมงในการทำเค้กที่จะขายในวันถัดไป แต่เมื่อเห็นรายการเค้กที่กำลังจะทำรวมทั้งวัสดุดิบมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็อดที่จะอึ้งไม่ได้ พื้นที่ของร้านจะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือพื้นที่หน้าร้านส่วนขายและพื้นที่สำหรับนั่งทานในร้าน กับส่วนที่เป็นด้านหลังร้าน เป็นพื้นที่ครัวขนาดกลาง มีอุปกรณ์ทำเค้กครบครันวางไว้อย่างเป็นระเบียบ และมีโต๊ะกินข้าวขนาดหกที่นั่งวางอยู่ตรงกลาง ซึ่งตอนกลางคืนเก้าอี้ทั้งหมดจะถูกพับเก็บเข้ามุมห้อง ส่วนพื้นที่บนโต๊ะจะถูกใช้เป็นที่สำหรับทำเค้กต่างๆ “ใช่จ้ะ เค้กกับคุกกี้พี่ทำเอง ส่วนพวกแซนวิชกับครัวซ็องจะรับจากร้านประจำ ทางร้านจะเอามาส่งให้ตอนเช้า ตามรายละเอียดที่พี่ส่งให้น้องอุ่นดู” เมยหันไปตอบ ก่อนจะหยุดพูดเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “ตอนแรกพี่ก็คิดว่าจะไม่ทำเค้กแล้ว แต่พอน้องอุ่นบอกว่าอยากจะเรียนทำเค้กรู้ไหมว่าพี่ดีใจมาก” “อุ่นอยากทำค่ะ” เธอรู้ว่ารายได้หลักของร้านมาจากการขายเครื่องดื่ม ทว่าเธอก็อยากจะขายเค้กต่อ ดีใจที่เมยยอมสอนโดยไม่หวงสูตรและเทคนิคต่างๆ สำหรับเธอรสชาติของเค้กคือซิกเนเจอร์ของร้าน ที่ทำให้นึกถึงร้านนี้ ส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอนึกถึงร้านนี้ก็เพราะความอร่อยของเค้ก “ถ้าน้องอุ่นคิดจะขายเค้กพวกนี้ต่อจริงๆ พี่ก็อยากจะให้น้องอุ่นไปเรียนเพิ่ม ถ้าพี่มีเวลามากกว่านี้ พี่ก็อยากจะสอนน้องอุ่นเอง” อบอุ่นพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เธอเองก็คิดเรื่องนี้เอาไว้เหมือนกัน เมื่อตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้แล้วเธอก็อยากจะทำมันให้เต็มที่ “พี่เมยมีโรงเรียนสอนทำเค้กแนะนำอุ่นมั้ย?” “มีจ้ะ เป็นโรงเรียนที่พี่เคยไปเรียนก่อนที่จะมาเปิดร้าน อยู่แถวสุขุมวิท ดาราหลายคนก็ไปลงเรียนที่นั้น เหมือนพี่จะยังเก็บนามบัตรอาจารย์เอาไว้อยู่” เมยเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน จำได้ว่าตัวเองเก็บนามบัตรไว้ตรงนั้น และก็เจอ “นี่ไงเจอแล้ว นอกจากเค้กแล้วก็ยังมีเบเกอรี่แทบทุกอย่างที่เขาเปิดสอน น้องอุ่นสามารถเลือกเรียนได้เลย” “ขอบคุณพี่เมยมากเลยค่ะ ช่วยอุ่นทุกอย่างเลย” “พี่ต่างหากต้องขอบคุณน้องอุ่นที่มาช่วยซื้อร้านต่อ แล้วยังอยากเรียนทำเค้กกับพี่อีก พอไปอยู่ที่โน้นไม่รู้จะมีโอกาสได้ทำเค้กมั้ย ถ้าทำก็คงจะนานๆที เพราะทุกครั้งที่ทำพี่ก็ต้องกินเองหมด พี่พีร์เขาไม่ชอบ” เมยหมายถึงนายแพทย์พีร์แฟนหนุ่มของตัวเองที่ส่ายหน้ารัวทุกครั้งที่เธอเอาเค้กออกไปเสิร์ฟ “พี่เมยต้องอยู่สอนอุ่นแบบนี้จะไม่เป็นไร?” เอ่ยถามอย่างเกรงใจ เธอเองก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย “อุ่นหมายถึงพี่พีร์?” “ค่ะ” อบอุ่นพยักหน้าขึ้นลง “ไม่ว่าหรอก พี่พีร์เองก็ต้องเร่งเคลียร์งานที่โรง’บาลเหมือนกัน โล่งใจซะอีกที่รู้ว่าพี่มีอุ่นอยู่เป็นเพื่อนทุกวัน พร้อมเรียนยัง?” “แปปนะคะ อุ่นขอไปหยิบไอแพดก่อน” อบอุ่นหันไปถาม เมื่อเดินกลับเข้ามาพร้อมกับไอแพดในมือ “อุ่นอัดวีดีโอได้ใช่มั้ยคะ?” “ได้จ้ะ ก่อนอื่นน้องอุ่นจะต้องลิสรายการออกมาก่อนว่าวันนั้นจะทำเค้กอะไรบ้าง เราจะได้รู้ว่าวัสดุดิบที่ต้องใช้มีอะไรบ้างที่จะต้องเตรียม เหมือนอย่างวันนี้เค้กที่เราจะทำคือเค้กใบเตยมะพร้าวอ่อน กับเค้กส้ม วัสดุดิบที่เตรียมไว้ก็มี...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม