“นั่งก่อนสิครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
อบอุ่นที่กำลังจะเดินกลับถึงกับชะงัก คิ้วสวยเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ นอกจากคำพูด ผู้ชายตรงหน้ายังขยับแก้วคาปูซิโน่กับจานเค้กมาฝั่งที่เธอยืนอยู่ ราวกับว่ามันเป็นของเธอ
อย่าบอกนะว่าเขาสั่งมันให้เธอ?
งั้นก็คงเป็น...ค่าปิดปากสินะ
ซึ่งไม่ต่างจากที่คิดไว้ ผู้ชายคนนี้ตั้งใจมาหาเธอเพื่อพูดเรื่องนั้น
ถ้าเป็นการเจอกันปกติ เธอก็คงจะยิ้มหน้าบานไปสามวันเจ็ดวันกับความมีมิตรไมตรีที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ แต่เพราะสถานการณ์ของเธอกับเขามันไม่ปกติ สิ่งที่เธอทำคือการยืนนิ่ง ดวงตากระพริบถี่
สำหรับเธอที่คลั่งไคล้ผู้ชายในเสื้อกาวน์มาตั้งแต่สมัยเรียน ก็ต้องยอมว่าคุณหมอหนุ่มคนนี้ คือผู้ชายที่ตรงสเปกเธอทุกอย่าง ทั้งใบหน้าที่หล่อเข้ม ดวงตาคมดุ รูปร่างสูงใหญ่ บุคลิกดีจนต้องเหลียวมอง แม้กระทั่งเสียงพูดที่ทุ้มต่ำก็ยังกราวใจ ข้อเสียเดียวของผู้ชายคนนี้คือ...พันธะ
ซึ่งพันธะที่ว่าก็ยังเป็นพันธะต้องห้าม
อา...
โคตรเสียดาย...
คงเป็นคำพูดเดียวที่เธอนึกออกในเวลานี้
ซึ่งเธอก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นอกจากจะเสียดายสำหรับตัวเองแล้ว เธอยังเสียดายสำหรับผู้หญิงโสดอีกหลายๆคน
ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วผู้หญิงหน้าสวยที่กำลังจะหย่ากับสามีคนนั้นทำบุญด้วยอะไร ถึงทำให้ผู้ชายที่สมบรูณ์แบบนี้ยังปักใจไม่เปลี่ยน
“ถ้าคุณหมอกังวลเรื่องนั้น เมื่อวานฉันไม่ได้ยินอะไรจริงๆค่ะ คุณหมอไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่พูดอะไรออกไปแน่...”
อา...
อบอุ่นถึงกับกัดปากตัวแทบไม่ทัน เพราะแบบนี้สินะ เพื่อนทุกคนถึงได้เรียกเธอว่า ‘เอ๋อ’
พูดออกไปขนาดนี้แล้วใครจะเชื่อ
อบอุ่นยิ้มแห้ง ยกมือขึ้นจับปลายผมอย่างเก้อเขิน ก่อนคิ้วสวยจะขมวดยุ่งเมื่อเห็นมุมปากของคนตรงหน้ายกขึ้นคล้ายคนกำลังยิ้มขำ
ขำหรอ?
เธอรู้ว่าเธอ ‘เอ๋อ’ แต่มั่นใจว่าเมื่อกี้เธอไม่ได้พูดเรื่องตลก ส่วนเขาต้องเครียดไม่ใช่เหรอ ถ้าเธอจะเปลี่ยนจากการยิ้มแห้งเป็นเบ้ปากตอนนี้ยังทันใช่ไหม
“นั่งสิครับ” รักษ์เอ่ยย้ำเมื่อคนตรงหน้ายังยืนนิ่ง ใบหน้าคมขยับสั้นๆเป็นเชิงเตือน
อบอุ่นขยับตัวนั่งลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตัดสินใจที่จะพูดความจริง รู้ดีว่าถึงปฏิเสธคนตรงหน้าก็คงไม่เชื่อ “ใช่ค่ะ เมื่อวานฉันได้ยินเรื่องที่คุณกับแฟ...คุณผู้หญิงคุยกัน แต่คุณมั่นใจได้ว่าฉันจะไม่เอาเรื่องที่ได้ยินไปพูดต่อ”
“ถูกแล้วครับที่คุณคิดจะทำแบบนั้น สิ่งที่คุณได้ยินมันแค่หนึ่งในร้อย ถ้าคุณพูดออกไปก็จะกลายเป็นคุณพูดเรื่องที่ไม่ใช่ความจริง แบบนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดี”
หา...
อบอุ่นถึงกับกระพริบตาถี่ มองผู้ชายตรงหน้าอย่างโมโห ตกลงว่าอีตาคุณหมอหน้านิ่งตั้งใจมาขอร้องเธอใช่มั้ย? หรือว่าเธอเข้าใจผิด
“ฉันไม่ยุ่งเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง”
“ทานสิครับ” รักษ์พยักหน้าไปยังแก้วเครื่องดื่มกับจานเค้กที่วางอยู่บนโต๊ะ
แนะ...ยังมีน้ำใจบอกให้เธอทานอีกเนาะ
อบอุ่นอดไม่ได้ที่จะแยกเขี้ยวให้คนตรงหน้า “ขอบคุณค่ะ ถ้าคุณคิดจะติดสินบนฉัน บอกแล้วไงคะว่าไม่จำเป็น อย่างที่บอกฉันไม่ยุ่งเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง” ยิ่งเป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เธอยิ่งไม่สนใจ
“เปล่าครับ ผมตั้งใจสั่งมาให้คุณนั่งทานเป็นเพื่อน”
อืม...
อดทนไว้อบอุ่น คุณหมอแค่เครียด แค่กลัวว่าเธอจะเผลอพูดความลับของเขา ที่สำคัญเขาคือลูกค้า ท่องไว้เขาคือลูกค้า
“ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอเอากลับไปทานที่หลังร้านนะคะ ตอนนี้เป็นเวลางานคงไม่เหมาะที่จะนั่งทาน”
“คุณทำงานที่นี่?”
“ใช่ค่ะ ช่วงนี้ฉันเข้ามาเรียนรู้งาน เดือนหน้าถึงจะเข้ามาอยู่ประจำ”
อบอุ่นเห็นเขาพยักหน้า เมื่อเขาไม่พูดอะไรต่อก็ขยับตัวลุกขึ้นยืน และไม่ลืมที่จะยื่นมือไปถือเอาแก้วคาปูซิโน่กับจานเค้กกลับไปด้วย
หึ...อบอุ่นเห็นมุมมากเขายกขึ้น คงคิดไม่ถึงน่ะสิว่าเธอจะเอาของพวกนี้มาด้วยจริงๆ
มีคนเลี้ยงทั้งที ทำไมเธอจะต้องปฎิเสธด้วยล่ะ
ถ้าเธอดูไม่ผิดเค้กดาร์กช็อกโกแลตสองชิ้นนี้ก็เป็นสองชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ในตู้ ดีเสียอีกที่จะได้ชิมก่อนที่จะลงมือ (เป็นผู้ช่วย) ทำในตอนเย็น
“น้องอุ่นรู้จักหมอรักษ์ด้วยเหรอ?”
“คะ?” อบอุ่นที่กำลังตรวจเช็ครายการวัตถุดิบเพื่อเตรียมทำเค้กหันไปมองเมยที่เป็นเจ้าของคำถาม เธอต้องใช้เวลาเกือบนาทีเพื่อประมวลผล ก่อนจะนึกออกว่า ‘หมอรักษ์’ คือใคร
คุณหมอหนุ่มหน้านิ่งนัยน์ตาดุเจ้าของคาปูซิโน่กับเค้กดาร์กช็อกโกแลตที่เธอถือกลับมาที่เคาน์เตอร์เมื่อตอนก่อนจะเที่ยง อบอุ่นเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยกังขาและความสงสัยจากสาวรุ่นพี่ เมยก็คงอยากจะถามเธอตั้งแต่ตอนนั้น แต่ยังไม่มีโอกาส เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับหน้าที่ของตัวเอง
อบอุ่นเอาเค้กกับแก้วกาแฟไปแช่ไว้ในตู้เย็นหลังร้าน ก่อนจะกลับออกมาทำหน้าที่ของตัวเอง ถึงจะไม่ได้หันไปมอง แต่เธอก็รับรู้ได้ว่ารักษ์มองเธอแทบตลอดเวลาที่เขานั่งอยู่ในร้าน ถือเป็นโชคดีของเธอที่เขานั่งได้ไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องเดินออกจากร้านหลังจากที่รับโทรศัพท์
“ไม่รู้จักเลยค่ะ” คนถูกถามส่ายหน้าปฎิเสธ “อุ่นเพิ่งเคยเจอคุณหมอครั้งแรกเมื่อวาน เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเขาเป็นหมอที่โรง’บาลนี้”
แม้จะรู้ว่าลูกค้าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นบุคลากรของโรงพยาบาล แต่เธอก็ไม่คิดว่าเขาจะมีคำนำหน้าว่า ‘นายแพทย์’
“หล่อเกินไปใช่มั้ย” เมยพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “หมอโรง’บาลนี้เขาหน้าตาดีกันทุกคน”
“พี่เมยน่าจะรู้จักหมอทุกคนของโรง’บาล”
“ก็ไม่ทุกคนหรอก ถ้าเป็นคนเก่าพี่ก็พอรู้จัก แต่กับหมอรักษ์เป็นกรณีพิเศษ คนนี้พี่ชายสุดที่รักของพี่พีร์เขา พี่พีร์เคยเล่าว่าที่เรียนจบออกมาเป็นหมอได้อย่างทุกวันนี้ก็เพราะหมัดของหมอรักษ์นี่แหละ”
“หมัด? หมายถึงชก?”
“จ้ะ ตอนนั้นพี่พีร์ถูกหมอรักษ์ชกเลือดกลบปากเลยล่ะ แต่พวกเขาไม่ได้มีปัญหาหรือทะเลาะกันนะ หมอรักษ์เขาชกเพื่อเตือนสติพี่พีร์น่ะ” ถึงจะบอกว่าแฟนหนุ่มของตัวเองเคยถูกคุณหมอคนดังชกจนปากแตก แต่คนเล่ากับไม่มีแววโกรธเคืองสักนิด สายตาของเธอมีแต่ความชื่นชมคนที่ตัวเองกำลังพูดถึงไม่ต่างจากแฟนหนุ่ม "น้องอุ่นบอกว่าเจอหมอรักษ์ครั้งแรกเมื่อวาน?"
"ค่ะ" อบอุ่นพยักหน้าตอบ