3.3

1000 คำ
แสนรักได้แต่ภาวนาในใจ อาหารที่เคยคล่องคอกลายเป็นฝืดคอขึ้นมาอย่างฉับพลัน โชคดีที่แสนรักเกือบจะอิ่มแล้วเลยถือจังหวะนั้นจัดการรวบช้อนแล้วยกน้ำขึ้นดื่มเสียเลย “คุณรักอิ่มแล้วหรือครับ” “ค่ะ และดูเหมือนว่าคุณเปรมควรจะอิ่มได้แล้วนะคะ คุณจีรกับคุณสสิรารวบช้อนแล้วค่ะ” แสนรักพยักเพยิดหน้าไปทางโต๊ะของจีรรัชญ์ ปรมะมองตามก็เห็นจริงอย่างที่แสนรักว่า เขาเองก็รู้สึกอิ่มอยู่พอดีจึงจัดการรวบช้อนก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะเป็นแสนรักที่ลุกจากโต๊ะก่อน “รักไปจัดการเรื่องค่าอาหารก่อนนะคะ” แสนรักถือบัตรเครดิตของจีรรัชญ์สำหรับชำระสินค้าและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับจีรรัชญ์ หญิงสาวเลือกเดินไปจัดการค่าอาหารที่เคาน์เตอร์โดยที่ปรมะเดินมารอที่โต๊ะของจีรรัชญ์กับสสิราที่กำลังลุกจากโต๊ะ ไม่ถึงห้านาทีแสนรักก็เดินมาสมทบ “เรียบร้อยแล้วค่ะ เรากลับกันเลยไหมคะ” “อืม” สสิราเดินไปพร้อมกับจีรรัชญ์โดยมีแสนรักกับปรมะเดินตามมาโดยเว้นระยะห่างระหว่างกันพอสมควร ทั้งสามคนรอจนกระทั่งสสิราก้าวขึ้นรถ “ไว้พบกันใหม่นะคะคุณจีร” จีรรัชญ์ตอบรับคำพูดของสสิราด้วยรอยยิ้มก่อนที่เขาจะดันประตูปิดให้หญิงสาว เธอยิ้มให้เขาก่อนที่จะขับรถออกไปจากลานจอดรถห้างสรรพสินค้า “ทุกอย่างราบรื่นดีไหมครับคุณจีร” “ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” จีรรัชญ์ตอบตอนที่ทั้งสามคนพากันเดินมาขึ้นรถที่จอดรออยู่อีกฝั่ง แสนรักที่ตอนนี้ไร้บทพูดได้แต่เดินตามพวกเขามาอย่างเงียบเชียบ แต่เพราะมัวแต่มองเท้าตัวเองสุดท้ายก็ชนเข้ากับกำแพงมีชีวิตอย่างจีรรัชญ์เข้าอย่างจัง “ขะขอโทษค่ะคุณจีร” พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเป็นจีรรัชญ์ที่กำลังเหลียวหลังมามองเพราะเธอชนเข้ากับแผ่นหลังของอีกฝ่าย ส่วนปรมะกำลังยืนมองดูเหตุการณ์ระหว่างทั้งคู่ “ใจลอยอะไรนัก คุณมีเรื่องต้องให้คิดเยอะหรือไง” “ไม่มีค่ะ” แสนรักสั่นหน้าหวือปฏิเสธ ทว่าครู่ต่อมาหญิงสาวก็ต้องหน้าตาตื่นเมื่อจู่ๆ จีรรัชญ์ก็หมุนตัวมาหากัน ด้วยความสูงที่ต่างกันทำให้แสนรักต้องแหงนหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่กำลังหลุบสายตาลงเพื่อมองเธอ “คะคุณจีรมะมีอะไรหรือเปล่าคะ” แสนรักนึกโมโหตัวเองที่เสียงสั่นจนดูน่าพิรุธไปหมด และไอ้อาการแปลกๆ ของเธอมันก็เกิดขึ้นหลังจากคืนนั้น คืนงานวันเกิดเจ้าสัวจิณณะ แสนรักคิดว่าเธอพยายามอย่างยิ่งยวดแล้วที่จะไม่แสดงท่าทางพิรุธออกมา แต่ยิ่งพยายามสักเท่าไรทุกอย่างกลับยิ่งเปิดเผยอย่างที่เธอควบคุมอะไรไม่ได้เลย “พูดจาตะกุกตะกัก ท่าทางดูลุกลี้ลุกลน ถามจริงๆ เถอะแสนรัก คุณไปทำความผิดอะไรมาหรือเปล่า” ปรมะไม่แน่ใจว่าเขายังมีความจำเป็นอยู่ไหมในสถานการณ์ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้หลบไปไหน ยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิมตอนที่แสนรักถูกท่านประธานไล่ต้อนจนกระทั่งแผ่นหลังของอีกฝ่ายชนเข้ากับด้านข้างของรถที่จอดรอพวกเขาอยู่ “ปะเปล่านะคะ รักไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่มี๊” “เสียงสูงไปหรือเปล่า” “แหะๆ” แสนรักหัวเราะแห้งๆ แต่ทว่าครู่ต่อมาก้อนเนื้อเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้แผ่นอกซ้ายต้องเต้นโครมครามเมื่อจู่ๆ คุณจีรที่เมื่อสักครู่ยังยืนหน้านิ่งกอดอกอยู่ตรงหน้าขยับเข้ามาชิดกันมากขึ้น ใกล้ชนิดที่ว่าปลายรองเท้าของเขากับเธอชนกัน หนำซ้ำอีกฝ่ายยังจงใจโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่กำลังรินรดลงบนหน้าผากกลมมน ทำเอาแสนรักรู้สึกวูบวาบไปทั่วร่างกายอย่างน่าประหลาด เผลอสบสายตาคนตรงหน้าชั่วเสี้ยวนาทีแสนรักก็ต้องรีบหลุบสายตาลงต่ำ “หัวเราะกลบเกลื่อน ก้มหน้าหลบตา แบบนี้มันมีพิรุธชัดๆ ไม่ใช่ว่าคุณ…” “เปล่านะคะ คะคืนนั้นรักไม่นอนอยู่บนเตียงกับคุณจีรนะคะ รักเปล่า ไม่ใช่รัก” “คุณว่าไงนะ!” คราวนี้จีรรัชญ์ถามเสียงเข้มงวด ปรมะที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ก่อนหน้าก็หน้าตาตื่นเมื่อได้ยินแบบนั้น คราวนี้เขาพิจารณาแล้วว่าตัวเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงนี้อีกต่อไป ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมีเรื่องละเอียดอ่อนให้ต้องเคลียร์กัน เขาค่อยๆ ขยับเท้าถอยห่างออกมา “เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับเองนะครับ” ปรมะไม่รอให้จีรรัชญ์อนุญาต บอกแล้วเขาก็ก้าวเท้าฉับๆ เดินออกไปจากบริเวณนั้น แน่นอนว่าตอนนี้จีรรัชญ์ไม่ได้เอ่ยปากห้ามปราม เพราะเรื่องที่ดึงความสนใจทั้งหมดของเขาในตอนนี้อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว “คุณว่ายังไงนะ!” จีรรัชญ์เค้นเสียงรอดไรฟัน แววตาคู่คมดูดุดันแข็งกร้าวอย่างที่แสนรักไม่เคยได้เห็นมาก่อน “มันมะไม่มีอะไรทั้งนั้นค่ะคุณจีร ระรักก็พูดไปเรื่อยเปื่อย” ยิ่งเอ่ยก็ยิ่งพิรุธ มีหรือที่คนอย่างจีรรัชญ์จะเชื่อในคำกล่าวอ้างนั้น ทว่าตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่เหมาะสำหรับการคาดคั้นเอาคำตอบจากแสนรัก “ขึ้นรถ” “คะคุณจีรดะเดี๋ยวก่อนค่ะ” จีรรัชญ์เปิดประตูแล้วดันร่างของแสนรักเข้าไปนั่งที่เบาะหลังโดยไม่สนใจคำห้ามปรามของอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะตามไปนั่งข้างๆ เอยปากสั่งคนขับรถเสียงเข้มงวด “ไปได้” “ครับคุณจีร”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม