หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
“คุณจีรคะ เมื่อสักครู่เลขาฯ ของคุณสุรกิจโทร.มาแจ้งว่าคุณสุรกิจขอนัดเข้ามาดูสินค้าของเราที่โชว์รูมก่อนจะทำการสั่งซื้อ ขอเป็นช่วงบ่ายวันมะรืนนี้ รักเช็คตารางของคุณจีรแล้วไม่มีนัดหรืองานเร่งด่วนอะไร คุณจีรจะรับนัดเลยไหมคะ”
“อืม”
“โอเคค่ะ เดี๋ยวรักจะแจ้งเลขาฯ ของคุณสุรกิจว่าคุณจีรตกลงรับนัดนะคะ รักวางสายเลยนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน”
“คุณจีรต้องการอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมขอกาแฟแก้วหนึ่ง”
“แต่วันนี้คุณจีรดื่มไปสองแก้วแล้วนะคะ”
“ผมต้องการกาแฟอีกหนึ่งแก้วแสนรัก”
น้ำเสียงที่เข้มขึ้นทำเอาแสนรักต้องลอบถอนหายใจ หญิงสาวเบ้ปากพลางแยกเขี้ยวใส่โทรศัพท์ภายใน
“ได้ค่ะคุณจีร อีกสิบนาทีกาแฟพร้อมเสิร์ฟค่ะ”
แสนรักบอกแล้ววางสายทันที หญิงสาวลุกจากโต๊ะทำงานไปที่มุมเตรียมเครื่องดื่มสำหรับท่านประธาน
“อยากดื่มกาแฟงั้นเหรอ รักไม่ให้คุณจีรดื่มหรอก ดื่มชาไปก่อนก็แล้วกัน”
แสนรักไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งหรือขัดคำสั่งคุณจีรแต่อย่างใด แต่วันนี้คุณจีรดื่มไปถึงสองแก้วแล้ว มันไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพ กาแฟดื่มมากๆ ก็ใช่ว่าจะดี คาเฟอีนทั้งนั้น เตรียมทุกอย่างเรียบร้อย แสนรักก็ยกถ้วยชาตรงไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน
“ขออนุญาตค่ะ”
“เข้ามา”
เจ้าของห้องตอบรับแสนรักก็พาตัวเองเข้าไปด้านในพร้อมกับถาดที่ใส่ถ้วยชาสองแก้ว เธอเตรียมมาเผื่อปรมะด้วย
“คุณเปรม ชาเปปเปอร์มิ้นต์ค่ะ” แสนรักวางถ้วยชาลงบนโต๊ะทำงานของปรมะก่อนจะขยับเท้ามาที่โต๊ะทำงานของจีรรัชญ์ “ชาเปปเปอร์มิ้นต์ค่ะ”
“ผมสั่งกาแฟ”
“วันนี้คุณจีรดื่มกาแฟไปเยอะแล้วนะคะ มันไม่ดีต่อสุขภาพนักหรอกค่ะ แล้วอีกอย่างชาเปปเปอร์มิ้นต์ก็มีประโยชน์เยอะแยะ ทั้งช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างพลังงานและช่วยลดอาการเมื่อยล้าระหว่างวันได้ อายุขึ้นเลขสามแล้วคุณจีรต้องใส่ใจสุขภาพตัวเองหน่อยนะคะ”
ปรมะที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบเกือบจะสำลักออกมา พูดออกมาแบบนั้นไม่ใช่ว่าคุณเลขาฯ แสนรักกำลังบอกว่าคุณจีรแก่แล้วหรอกใช่ไหม ถ้าคุณจีรในวัยสามสิบต้นๆ แก่ แล้วเขาสามสิบปลายๆ ไม่ใช่ว่าจะเป็นวัยชราในสายตาของคุณเลขาฯ แสนรักหรอกหรือ
“คุณว่าผมแก่งั้นหรือแสนรัก”
จีรรัชญ์ถึงกับวางปากกาด้ามหรูในมือลงบนโต๊ะ ตาคมจ้องแสนรักเขม็ง
“ไม่มีคำว่าแก่สักคำในประโยคเลยนะคะ รักแค่อยากให้คุณจีรใส่ใจสุขภาพของตัวเองเพื่ออยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับพนักงานเบดดิ้งแฟบริคไปนานๆ ค่ะ”
นอกจากจะบอกว่าเขาในวัยสามสิบต้นๆ ควรใส่ใจสุขภาพ แล้วยังบอกว่าให้เขาอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรไปนานๆ ไม่เท่ากับว่าด่าเขาว่าแก่หรอกงั้นหรือ จีรรัชญ์กัดฟันกรอด
“แสนรัก!” จีรรัชญ์เค้นเสียงรอดไรฟัน
“คะคุณจีร”
แสนรักรับคำด้วยรอยยิ้มหวาน มองจีรรัชญ์ด้วยท่าทางซื่อใส ปรมะที่สังเกตุการณ์มาอยู่พักใหญ่ก็ได้บทสรุปว่าตอนนี้เขากำลังกลายเป็นส่วนเกิน จึงรีบกำจัดตัวเองออกโดยไม่ต้องรอให้ใครออกปากสั่ง
“ผมว่าผมอยากเข้าห้องน้ำครับ”
บอกแล้วก็ลุกพรวดเดินตัวปลิวออกไปจากห้องทำงานโดยไม่ลืมปิดประตูให้อย่างเสร็จสรรพ ก้าวพ้นออกจากประตูห้องได้ก็ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ปล่อยให้คนในห้องมองกันด้วยสายตาฟาดฟัน ไม่ใช่สิ ไม่ใช่มองกันด้วยสายตาฟาดฟัน คนหนึ่งมองสายตาฟาดฟัน อีกคนมองกลับด้วยท่าทางซื่อใสต่างหาก
บรรยากาศในห้องคุกรุ่นนิดๆ คนตรงหน้ามองกันเขม็ง แต่แสนรักก็ยังยิ้มสู้ ทั้งหมดทั้งมวลที่เธอทำไปไม่ใช่จงใจกลั่นแกล้งแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะความปรารถนาดีล้วนๆ
“คุณตั้งใจจะแกล้งผม”
“รักเปล่านะคะ” แสนรักส่ายหน้าปฏิเสธ “รักหวังดีจริงๆ ค่ะ ไม่ได้มีเจตนาจะแกล้งคุณจีรเลยนะคะ รักจะกล้าทำแบบนั้นได้ยังไงกัน”
“แต่คุณจงใจขัดคำสั่งผม”
“รักก็แค่…”
“คุณเป็นเลขาฯ แค่ทำตามคำสั่งของเจ้านายก็พอ อย่าคิดแทน”
ได้ยินแบบนั้นรอยยิ้มที่เคยปรากฏบนใบหน้าเรียวรูปไข่ก็ค่อยๆ เลือนหายไป ลำคอของหญิงสาวแห้งผากขึ้นมาอย่างฉับพลันพร้อมกับอาการหนักอึ้งเหมือนถูกของหนักกดทับตรงกลางอก
“ทราบแล้วค่ะคุณจีร เดี๋ยวรักไปชงกาแฟมาให้นะคะ”
แสนรักปั้นหน้ายิ้มตอนที่เดินไปหยิบถ้วยชาบนโต๊ะจีรรัชญ์คืนมา ความหวังดีของเธอกลายเป็นเรื่องที่เธอกล้าขัดคำสั่งเจ้านาย แต่ก็เอาเถอะ ต่อจากนี้เธอจะทำตามแค่ที่เขาสั่ง จะไม่คิดแทนอีกฝ่ายเด็ดขาด