ห้วงคะนึงหา

1812 คำ
ณ ป่าอาถรรพ์ซือหวู่ซาน ป่าลึกลับในดินแดนอี้หลาน ป่าแห่งนี้อยู่ในดินแดนระหว่างกลาง ระหว่างแผ่นดินเทพกับแผ่นดินมาร ดินแดนอี้หลานคือดินแดนมนุษย์ธรรมดาผู้ยังไม่มีพลังแข็งแกร่งพอจะผ่านบ่อปราณทิพย์เพื่อคัดเลือกตามวิถีของตน ป่านี้เต็มไปด้วยสัตว์อสูรดุร้ายนานาพันธุ์ คนธรรมดาไม่เคยมีผู้รอดชีวิตกลับไปได้หากกล้าเสี่ยงตายมาที่นี่ คนที่มา ณ ป่าแห่งนี้คือคนตั้งใจมาฆ่าตัวตาย หรือเหตุผลอีกข้อหนึ่งคือต้องการผ่านป่าแห่งนี้เพื่อไปฝากตัวเป็นศิษย์เข้าฝึกตนในตำหนักมืด ผู้ผ่านป่านี้ได้ต้องเป็นผู้มีปราณแข็งแกร่ง ระดับที่สามารถฆ่าฟันสัตว์ประหลาดรอดชีวิตออกไปทางป่าอีกด้านหนึ่ง เส้นทางตัดผ่านป่าแห่งนี้คือเส้นทางไปตำหนักมืด สถานที่รับศิษย์ผู้ต้องการฝึกวิถีมาร ผู้ที่ผ่านป่านี้ได้ถือว่ามีความแข็งแกร่งพอ ถือเป็นการทดสอบไปในตัว ไอพลังสีดำเข้มคลุ้งออกจากร่างมารหนุ่มฉีเคอ เบื้องหน้าเขามีเหล่าอสุรกายคุกเข่ารอรายงานผู้เป็นนาย “เหตุใดจึงยังตามหาเสี้ยวจิตหงส์เพลิงไม่พบ” “พวกข้าตามหาไอพลังหงส์เพลิงทั่วทั้งแดนมารยังไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ” “แล้วในดินแดนอี้หลานนี้เล่า” ฉีเคอข่มความโกรธไว้ มารหนุ่มแทบฆ่าล้างเหล่าอสุรกายผู้รับใช้ทั้งหมดเมื่อผิดหวังจากการรอคอยข่าวดี “หากต้องการตามหาเสี้ยววิญญาณในดินแดนอี้หลาน ต้องใช้ตะเกียงส่องวิญญาณในห้องลับ ตะเกียงนี้อยู่ในพระราชวังขององค์จักรพรรดิพ่ะย่ะค่ะ” “ก็ไปเอามา!” ฉีเคอตะคอกเหล่าอสุรกายจนกลัวลนลานตัวสั่นเทา “ตะเกียงนี้พวกข้าไม่สามารถแตะต้องได้ นักพรตแห่งราชวงศ์ร่ายมนต์ดับจันทราปกป้องตะเกียงนี้ไว้” เหล่าอสุรกายเก้าเขาต่างหมอบกายโขกศีรษะลงกับพื้น “ข้าจะเข้าไปเอาเอง” ฉีเคอหงุดหงิดหัวเสีย การตามหาเสี้ยวจิตหงส์เพลิงช่างยากลำบาก ทั้งให้เหล่าอสุรกายผู้มีปราณแข็งแกร่งตามหาจนทั่วแดนมารก็ไร้ร่องรอย ตอนนี้ต้องลงมาตามหาในดินแดนอี้หลานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดินแดนนี้มีค่ายกลระดับสูงสุดซ้อนทับอยู่ เหล่าเทพมารแม้มาปรากฏกายในดินแดนอี้หลานได้ แต่ไม่สามารถอยู่ได้นานเกินหนึ่งวันหนึ่งคืน ไอเวทย์ของค่ายกลระดับสูงในดินแดนอี้หลานมีไว้เพื่อป้องกันเหล่าผู้คนดินแดนเทพมารลงมารังแกมนุษย์ผู้อ่อนแอกว่า ค่ายกลเวทย์นี้เกิดจากพันธะสัญญาเมื่อหลายพันปีก่อนระหว่างจักรพรรดิดินแดนอี้หลานนามว่าหานซื่อจง ประมุขมารไท่หลาง ประมุขเทพเว่ยหลวนอู่ ค่ายกลเวทย์บรรพกาลอันแข็งแกร่งเป็นค่ายกลเวทย์ระดับสูงสุดซ้อนทับดินแดนทั้งสามแยกจากกันอย่างชัดเจน ผู้มีพลังระดับสามขึ้นไปสามารถมาเยือนดินแดนแต่ละแห่งได้แต่ไม่เกินหนึ่งวันหนึ่งคืน หาไม่แล้วปราณในร่างต้องปั่นป่วนจนเสียพลังไปหลายส่วน ร่างสูงใหญ่กำยำของฉีเคอหายวับไปพร้อมไอพลังดำมืด ทิ้งให้เหล่าอสุรกายนั่งค้อมกายตัวสั่นเทาอยู่ในป่าอาถรรพ์ เมื่อผู้เป็นนายจากไปแล้วพวกเขาต่างลุกยืนขึ้น อสุรกายทุกตนต่างรู้ดีกว่าประมุขมารฉีเคอเหี้ยมโหดเพียงใด อสุรกายระดับพลังขั้นสี่เหล่านี้รับใช้ใต้อำนาจมารหนุ่มฉีเคอมานาน พวกมันเกิดจากปราณในร่างของฉีเคอรวมกับพลังเวทย์ของหวังเจียวหลิน เหล่าอสุรกายเหล่านี้ไม่มีทางทรยศทั้งสองจอมมารผู้เปรียบเสมือนบิดามารดาของตน มีเพียงเหล่าอสุรกายเก้าเขาเท่านั้นที่รู้ว่าฉีเคอให้ออกตามหาเสี้ยวจิตหงส์มารของหวังเจียวหลิน แต่มารหนุ่มก็ไม่ได้บอกรายละเอียดอันใด อสุรกายเหล่านี้ต่างนึกไปว่าเสี้ยวจิตหงส์เพลิงเพียงกระเด็นกระดอนออกจากร่างนางมารเมื่อใช้ร่างรับมหาอสนีบาต พวกมันคิดเพียงว่าจอมมารฉีเคอต้องการดวงจิตส่วนที่หายไปมารวมไว้ให้สมบูรณ์เท่านั้น ใครจะไปคาดคิดว่าดวงจิตของนางมารถึงขั้นแตกสลายเหลือเพียงเสี้ยวจิตเส้นสุดท้าย ฉีเคอปรากฏกายขึ้นในพระราชวังด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ ทั้งผิดหวังเรื่องข่าวที่เขาเฝ้ารอคอย ไร้ร่องรอยเสี้ยวจิตหงส์เพลิงในแดนมาร ร่างของนางยังอุ่นนุ่มอยู่บนแท่นผูกจิต หมายความว่านางยังมีชีวิตอยู่ที่ใดที่หนึ่งในสามดินแดนนี้ ฉีเคอลงมาตามหาเสี้ยวจิตของหวังเจียวหลินในดินแดนอี้หลาน แม้มีระดับขั้นพลังมารแกร่งกล้าถึงขั้นเจ็ด เขาก็ไม่สามารถอยู่ในดินแดนอี้หลานได้เกินสามวัน ฉีเคอปรากฎร่างสูงใหญ่ขึ้นในพระราชวังแห่งแคว้นเยี่ยน เขาใช้จิตมารตรวจสอบหาจุดที่อยู่ของตะเกียงส่องวิญญาณ ด้วยอำนาจแห่งค่ายกลเวทย์ระดับสูงสุดตั้งแต่สมัยบรรพกาล แม้มีพลังมารขั้นเจ็ดก็ไม่อาจทำได้ตามใจชอบ ไอพลังเวทย์บรรพกาลถูกสร้างขึ้นเพื่อแบ่งเขตแผ่นดินทั้งสามนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้นำดินแดนอี้หลาน ดินแดนเทพ และดินแดนมาร ยกเว้นเสียแต่ว่าจะสามารถบรรลุระดับพลังขั้นเก้า พลังขั้นสุดท้ายอันสูงสุด ผู้บรรลุระดับพลังนี้จะสามารถอยู่ในดินแดนใดก็ได้ตามใจชอบ มีความแข็งแกร่งเหนือทุกผู้ทุกนามในใต้หล้า ทำลายได้แม้แต่เส้นแบ่งเขตแผ่นดิน เป็นระดับพลังที่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ตามใจนึก มารหนุ่มแปลงกายเป็นหัวหน้าองครักษ์นามว่าเสียนจง เขาเดินดุ่มๆ เข้าไปยังห้องอาบจันทร์ ห้องพิธีกรรมแห่งราชวงศ์ “คารวะท่านหัวหน้าองครักษ์ ดึกป่านนี้ท่านมีธุระอันใดหรือขอรับ” “ข้าได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิให้มานำตะเกียงส่องวิญญาณไปใช้ทำพิธีกรรมพรุ่งนี้” ฉีเคอเอ่ยบอกทหารยามตรงประตู องครักษ์เหล่านี้คือองครักษ์เกราะทองฝีมือร้ายกาจ “เหตุใดจึงไม่มีราชโองการกำหนดพิธีกรรมอันใดเลยเล่าขอรับ” “เป็นความลับของราชวงศ์ พรุ่งนี้องค์จักรพรรดิต้องการเรียกวิญญาณของคนสำคัญผู้หนึ่งเรื่องนี้เป็นความลับอย่างที่สุด” “ขอรับ” องครักษ์ก้มหัวคารวะหัวหน้าของตน พวกเขาสัมผัสถึงไอพลังแปลกประหลาดโดยรอบ ฉีเคอเดินเข้าไปยังห้องอาบจันทร์ ห้องนี้อยู่ภายใจตำหนักดับอาวรณ์ ตำหนักเย็นอันลึกลับก่อตั้งโดยปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หาน ไม่มีใครรู้ว่าตำหนักนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อการใด ภายในมีคุกใต้ดิน มีห้องเก็บสิ่งของประหลาดอาถรรพ์อันเป็นสมบัติแห่งราชวงศ์ ไอพลังสีน้ำเงินเข้มฟุ้งขึ้นโดยรอบตำหนักเมื่อฉีเคอเหยียบย่างเข้ามา หญิงสาวในชุดอาภรณ์สีน้ำเงินกำลังยืนจ้องมองผู้บุกรุกอย่างไม่วางตา นางมองฉีเคอเดินไปยังแท่นวางตะเกียงส่องวิญญาณ “นายหญิงให้จัดการผู้บุกรุกอย่างไรดีขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามผู้เป็นนาย “ไม่ต้องทำอะไร ให้ชายผู้นี้นำตะเกียงไป” นางยกยิ้มที่มุมปาก ฉีเคอเดินตรงไปยังแท่นวางตะเกียง แท่นวางสีทองอร่าม มีตะเกียงทำจากทองคำลวดลายวิจิตร ประดับตกแต่งด้วยหินสีดำแดง ไฟในตะเกียงมีสีทองอร่ามเช่นสีของตะเกียง เขาเดินเข้าไปคว้าตะเกียงทันที พลันมีหอกอาบยาพิษพุ่งเข้าหาจากทุกทิศทาง ฉีเคอสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง หอกเหล่านั้นหายวับไปกับตา ธนูพิษเคลือบไอพลังสีเขียวเข้มพุ่งจากกำแพงรอบด้านหลายร้อยดอก เขาหมุนกายตลบแขนเสื้อปัดลูกธนูอาบพลังปราณทั้งหมดออกด้านนอกความคุมทิศทางลูกธนูให้พุ่งเข้าในพุ่มไม้ ไอพลังสีน้ำเงินเข้มอาบย้อมไปทั่วแท่นวางตะเกียง เขาเอื้อมมือหยิบอย่างรวดเร็ว เมื่อมือสัมผัสไอพลังสีน้ำเงินเข้ม ความรู้สึกร้อนลวกราวไฟเผาอาบมือฉีเคอจนต้องชักมือกลับ เขาเพ่งมองไอพลังสีน้ำเงินอย่างโกรธแค้น ปล่อยไอพลังสีดำเข้มเข้าบีบรัดไอพลังสีน้ำเงินจนเริ่มกลืนไปกับพลังของเขา สตรีในชุดอาภรณ์สีน้ำเงินกระอักเลือดออกมาคำหนึ่งเมื่อใช้ไอพลังสร้างกลเวทย์ปกป้องตะเกียงไว้ ไอพลังกำลังถูกฉีเคอทำลายลง นางจงใจให้เป็นเช่นนี้ กรงเวทย์ของนางถูกสร้างขึ้นเพื่อรักษาตะเกียงจากผู้บุกรุก “นายหญิง ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่” “ข้าไม่เป็นไร” นางยืนมองฉีเคอใช้ไอพลังสีดำบีบอัดกรงเวทย์จนแยกออก มารหนุ่มคว้าตะเกียงส่องวิญญาณเดินออกมาด้านนอก เขาคืนร่างเดิม ไอพลังสีดำเข้มคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เพียงไม่นานหมอกดำสลายหายไปเหลือเพียงแต่ความว่างเปล่า เขามุ่งหน้าไปยังบ่อปราณทิพย์เพื่อกลับแดนมาร “ยินดีต้อนรับ” สตรีผู้นั้นเอ่ยอย่างแผ่วเบา มองตามหลังฉีเคอชิงตะเกียงส่องวิญญาณกลับไป ณ วังหงส์มาร ประมุขฉีเคอรีบตรงดิ่งเข้าไปยังห้องบรรทม เขาเปิดค่ายกลเวทย์แปดชั้นเข้าไปอย่างง่ายดาย ร่างของหวังเจียวหลินนอนอยู่บนแท่นผูกจิต กายนางอ่อนนุ่มอบอุ่น ร่างนี้เหมือนเพียงนอนหลับไปเท่านั้น “พี่กลับมาแล้ว อีกไม่นานพี่จะนำตะเกียงนี้ออกตามหาเสี้ยวจิตหงส์มารของเจ้า เราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันดังเดิม” เขาบดจูบอย่างโหยหาลงบนปากอวบอิ่ม มารหนุ่มวางตะเกียงส่องวิญญาณข้างร่างนาง นำกริชเงินออกจากอกเสื้อกรีดไปบนนิ้วเรียวขาวแผ่วเบา เขาหยดเลือดจากปลายนิ้วเรียวขาวใส่ในตะเกียง ปากร้อนก้มลงลิ้มรสชิมเลือดบนปลายนิ้วของนางจนเลือดหยุดไหล ฉีเคอน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ห้วงคะนึงหาคนรักช่างเจ็บปวดเจียนตาย เจ็บยิ่งกว่ากริชนี้ปักลงกลางหัวใจ “ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด พี่จะตามหาเจ้า” เขาอุ้มร่างนางมารหวังเจียวหลินลงจากแท่นผูกจิต อุ้มร่างงามไปนอนบนเตียงกว้าง เขานอนกอดนางอย่างทุกวันอย่างที่เคยทำ ไม่นึกเลยว่า ‘ห้วงคะนึงหา’ ใครคนหนึ่งอย่างมากมายมหาศาลจะทำให้หัวใจเจ็บปวดสาหัสเพียงนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม