ยังรักอยู่ไหม

1583 คำ
หลายสัปดาห์แล้วที่เหลียนหลิงซือย้ายออกไปจากจวน แม่ทัพหานฟงกลับจากค่ายทัพเวลาปลายยามเซิน เขามองอาภรณ์สีแดงแขวนอยู่ในห้องนอน หานฟงปลดชุดนั้นลงจากราวแขวน กอดอาภรณ์สตรีแนบอก กลิ่นหอมละมุนจากกายนางยังติดอยู่บนชุดเจ้าสาวจางๆ นางบอกชัดเจนว่า ‘ไม่ต้องการเขาในชีวิตอีกต่อไป’ นางเลือกหย่าขาด ย้ายกลับไปอยู่ที่จวนสกุลเหลียน เหตุผลเพียงเพราะนางอยากเลือกฝึกมาร แม่ทัพหานฟงดื่มสุราอยู่ลำพัง มือหนาหมุนจอกสุราอย่างเลื่อนลอย อากาศเย็นเฉียบภายนอกพัดเข้ามาพร้อมม่านไหมปลิวไสวตามแรงลม เขามองเตียงกว้างที่บัดนี้ต้องนอนคนเดียว แม้เคยนอนคนเดียวมาเป็นเวลายี่สิบกว่าปี แต่การนอนกอดนางเพียงสามคืนในช่วงเฝ้าห้องหอช่างแสนหวาน ร่างนุ่มหอมกรุ่น รสรัก รสสวาทที่ได้รับมันช่างยากต่อการหักห้ามใจตนเอง “พี่คิดถึงเจ้า” เขาเอ่ยกับกาสุรา มีเพียงความเงียบและเสียงลมหายใจของชายหนุ่มเท่านั้นเป็นเพื่อนเขาในยามนี้ เสียงฝีเท้าดังขึ้นภายนอก เสียงรถม้าควบขับเข้ามาหน้าจวนแม่ทัพ เขาได้ยินเสียงอันคุ้นเคย เสียงโหวกเหวกโวยวายของเสด็จแม่ เสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจของเสด็จพ่อ “จวิ้นอ๋องหานเฮ่อ พร้อมพระชายาเสด็จ” เสียงผู้ติดตามขานนามเสด็จพ่อ เสด็จแม่ของแม่ทัพหานฟงนามว่าเล่ออิ่งเหยามีศักดิ์เป็นธิดาเผ่าปู้อี ท่านตาของแม่ทัพหานฟงคือเจ้าเผ่าปู้อี เผ่าลึกลับนอกด่าน ว่ากันว่าเผ่านี้ขึ้นชื่อเรื่องอำนาจเหนือธรรมชาติ ไม่ฝักใฝ่นับถือเทพมารอย่างคนทั่วไป มีจารีตประเพณีของชนเผ่าไม่เหมือนผู้ใด เสด็จแม่เดินนำเสด็จพ่อเข้ามาพร้อมเสียงโวยวายแหลมเล็กอันเป็นเอกลักษณ์ “หานฟง เป็นอย่างไรบ้างลูก” เสด็จแม่ตรงรี่เข้ามากอดแม่ทัพหานฟง “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่งงานได้ไม่กี่วันเจ้าสาวหายออกจากจวน” เสด็จพ่อกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง “นางเลือกฝึกมาร คงเห็นลูกเป็นตัวถ่วงจึงเขียนจดหมายหย่า” เขาเอ่ยตอบเสด็จพ่อเสด็จแม่ของตน “คุยกันดีแล้วหรือยัง” เสด็จแม่เอ่ยถาม “ข้ากับนางไม่มีอันใดติดค้างต่อกัน” เขาเอ่ยตอบพระมารดา “อ้อ อย่างนั้นรึ ไม่มีสิ่งใดติดค้าง เหตุใดจึงมานั่งหน้าเศร้าอยู่ตรงนี้” พระบิดาเอ่ยเย้า หยิบกาสุรารินใส่จอกกระดกเข้าปาก ดื่มสุราเป็นเพื่อนบุตรชาย “หน้าเศร้าทีเดียวลูกแม่ เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” เสด็จแม่หยิบติ่มซำบนโต๊ะกินอย่างเอร็ดอร่อย “ลูกยังไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหานฟงถอนหายใจ มองบิดามารดาป้อนติ่มซำ ป้อนอาหารว่างแก่กัน เขายิ่งปวดใจยิ่งนัก “ยังรักนางอยู่ไหม” เสด็จพ่อเอ่ยถาม ทั้งที่ปากกำลังเคี้ยวของว่างที่เสด็จแม่ป้อนให้ “โถ่ เสด็จพ่อ ถามได้ รักสิพ่ะย่ะค่ะ” หานฟงหน้ามุ่ย มองทั้งพระบิดาพระมารดาที่ไม่เห็นว่าจะทุกข์ร้อนในเรื่องของเขา ต่างพากันกินของว่างอย่างร่าเริง “ก็ไปหานาง” จวิ้นอ๋องหานเฮ่อเอ่ยบอกบุตรชาย “นางไม่ต้องการข้าแล้ว” “ใจสตรีอ่อนดังเต้าหู้ ขยันไปเกี้ยวบ่อยๆ เสนอหน้าไปหาทุกวัน เดี๋ยวก็ดีเอง” พระมารดากระซิบ พลางหอมแก้มบุตรชายสลับกับแก้มสวามี หานฟงได้แต่ขนลุก โตป่านนี้แล้วพระมารดายังหอมเขาอยู่ได้ “ข้าไม่ใช่เด็กเล็ก ห้ามเสด็จแม่หอมข้า” เขาหน้ามุ่ย “แม่จะหอมเสียอย่าง ฮึ!แต่งงานแล้วหวงแก้มไว้ให้ฮูหยินหอมคนเดียวอย่างนั้นรึ” เสด็จแม่บีบบี้แก้มแม่ทัพหานฟงด้วยความหมั่นเขี้ยว “พรุ่งนี้นางจะไปสำนักศึกษา” เสด็จพ่อกระดกสุราเข้าปาก “หากยังรักอยู่ ก็ไปหานาง จะมานั่งหน้ามุ่ยทำไมเล่า” เสด็จแม่เอ่ยเย้า “ด้านได้ อายอด” จวิ้นอ๋องหานเฮ่อแนะนำบุตรชาย “หากนางไล่ข้ากลับมาเล่า” แม่ทัพยังกังวล “ก็อุ้มนางกลับมาด้วยกันเสียเลย” พระบิดาหัวเราะเสียงดัง แม่ทัพหานฟงได้แต่กลอกตาไปมา เขาหยิบหนังสือหย่าบนโต๊ะมาดู นางเขียนส่งมาอีกหนึ่งฉบับหลังจากเขาฉีกทิ้งไปเสียหนึ่งฉบับ เขายังไม่ได้ลงนาม “ยังไม่ได้ลงนามถือว่ายังไม่ได้หย่ากัน” เสด็จแม่ทำหน้ากรุ้มกริ่ม “ยังจับเจ้าสาวกลับมาด้วยได้โดยไม่ผิดกฎแคว้น สามีอุ้มภรรยาผู้หลงทางกลับจวนมันจะเป็นอันใดกันนักหนา” พระบิดามองตาแม่ทัพ หานฟงได้แต่ถอนหายใจ “มานี่ แม่จะเลือกอาภรณ์ให้เจ้าเอง เลือกอาภรณ์อันสง่างามใส่แล้วดูลดอายุ” “เสด็จแม่ว่าข้าแก่หรือพ่ะย่ะค่ะ” เขาค้อนมารดา “เปล่าเสียหน่อย เพียงแต่เจ้าอายุห่างนางถึงสิบสองปี ห่างกันรอบหนึ่งขนาดนี้ถือว่าอายุมากสำหรับนาง พรุ่งนี้เจ้าจะไปหานางที่สำนักศึกษา มีแต่เด็กวัยเดียวกับนางทั้งนั้น จะแต่งกายให้เป็นบิดานางหรืออย่างไร” พระมารดาเดินไปหยิบอาภรณ์ลดวัยให้บุตรชาย “โกนหนวดเคราเสีย ทำตนให้หล่อเหลา นำดอกไม้ไปเกี้ยวนางด้วยเป็นไร” จวิ้นอ๋องแนะนำ พระบิดากับพระมารดาค้างในจวนแม่ทัพเป็นเพื่อนบุตรชายผู้อกหักรักคุด แม้บุตรจะโตป่านนี้ เมื่อบุตรมีทุกข์ คนเป็นพ่อแม่ย่อมทุกข์ตามไปด้วย พระบิดากับพระมารดาหาทางให้แม่ทัพกับฮูหยินกลับมาคืนดีกัน ปลายยามเหม่า เสียงบ่าวไพร่วิ่งวุ่นวายไปหมด พระมารดาสั่งให้เข้ามาช่วยแม่ทัพแต่งกาย ประทินเครื่องหอมชั้นสูงสำหรับบุรุษ ตัดผม โกนหนวด สวมเสื้อผ้าอาภรณ์อย่างสง่างาม แม่ทัพหานฟงสวมอาภรณ์สีดำปักดิ้นทองลายพยัคฆ์ เขาถูกพระมารดาบังคับให้นอนหลับแต่หัววัน ตื่นมาพร้อมความสดใสขอบตาไม่ดำคล้ำ พระมารดาเข้ามาดูความเรียบร้อยทุกสิ่งอย่าง “บุตรชายของแม่สง่างามนัก ลดอายุไปได้หลายปี” พระมารดาเอ่ยชม “ข้าอายุเพียงยี่สิบเจ็ดปีเท่านั้น ไม่ได้แก่หง่อม” เขากลอกตาไปมา เขินเล็กน้อยเมื่อถูกชม “นี่ขนมบัวสวรรค์พร้อมเครื่องประดับผมเข้าชุดกับต่างหู แม่เตรียมให้เจ้าไปเกี้ยวฮูหยิน” “ขอบพระทัยเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ” เสด็จแม่เดินเข้ามากอดหอมบุตรชายเช่นเคย เขาได้แต่ประท้วงในใจแต่ก็ยอมให้เสด็จแม่หอมเช่นเดิม รถม้าตราสัญลักษณ์พยัคฆ์คำรามแล่นออกจากจวน แม่ทัพหานฟงแต่งกายอย่างสง่างาม มาพร้อมกล่องขนมและเครื่องประดับ ในใจตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงฮูหยินของตน เขาแวะไปสะสางงานในกองทัพ พร้อมกับเสียงล้อเลียนการแต่งกายอย่างหล่อเหลาเต็มขั้นเช่นนี้ หน้าด้านเข้าไว้ หากยังรักอยู่ เมื่อข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าอยากเจอนางเพียงเท่านี้จะเป็นอันใดนักหนา ยามเซิน ณ สำนักศึกษา ศิษย์ทั้งชายหญิงกำลังเรียนหนังสือ อ่านตำราอย่างขะมักเขม้น สำนักศึกษาแยกระดับชั้นเรียนตามความรู้ความสามารถ เหลียนหลิงซืออายุสิบห้าปีแล้ว ยังอยู่เพียงขั้นห้าจากทั้งหมดสิบขั้น ท่านปู่เคยบอกว่านางไม่แข็งแรง ขาดเรียนบ่อย จึงยังไม่ได้เลื่อนชั้นทันเพื่อนเสียที สำนักศึกษานี้สอนวิชาให้จนอายุสิบแปดปี มีกฎว่าต้องจบขั้นสิบก่อนอายุสิบแปดปี มิเช่นนั้นแล้วถือว่าเรียนไม่จบ ยามเย็น เหล่าศิษย์ชายหญิงต่างเตรียมตัวกลับบ้านตามเวลาเลิกเรียน เสียงกรี๊ดกร๊าดวี๊ดว๊ายดังขึ้นหน้าประตูสำนักศึกษา ศิษย์หญิงอายุตั้งแต่สิบสามปีขึ้นไปต่างยืนบิดกายไปมา ส่งเสียงกรีดร้องอย่างกับถูกน้ำร้อนลวก “เกิดอะไรขึ้น” หวังเจียวหลินในร่างเหลียนหลิงซือหันไปถามเพื่อน “ไม่รู้สิ เราเดินไปดูกันดีกว่า” หวังเจียวหลินในร่างสาวน้อยเดินสาวเท้าขมวดคิ้วเข้าใกล้เสียงกรีดร้องของกลุ่มสตรีทั้งสำนัก สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือกลุ่มสตรีกำลังจ้องมองบุรุษผู้สง่างามในอาภรณ์สีดำสนิท เขาหันหน้ามาปะทะสายตากับนาง “พี่มารับฮูหยินไปรับสำรับเย็นด้วยกัน” นางมองหน้าเขานิ่งชั่วอึดใจ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหวานนวล ‘บุรุษลามกหานฟงนี่เอง’ นางคิดในใจ “แม่ทัพมีธุระกับข้ารึเจ้าคะ” “ธุระสำคัญยิ่ง” เขาเอ่ยตอบ แม่ทัพหานฟงยกยิ้มมีเสน่ห์ เขายื่นกล่องขนมให้นางพร้อมกล่องเครื่องประดับลายวิจิตร อดีตสามีฉวยตำราจากมือนางไปถือให้ มือประคองกอดเอวบางดันร่างนางไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่ ศิษย์หญิงทั้งสำนักได้แต่ทำหน้าเสียดายปนอิจฉาเหลียนหลิงซือ คุณหนูอ่อนแอผู้ไร้ความสามารถ กลับมีสามีหนุ่มหล่อ หน้าที่การงานใหญ่โตตำแหน่งแม่ทัพภาคพ่วงตำแหน่งเชื้อพระวงศ์ แม่ทัพหานฟงนับว่าหล่อเหลาสง่างามหาใดเปรียบเป็นที่ใฝ่ฝันของหญิงสาวและไม่สาวทั้งเมืองหลวง หวังเจียวหลินในร่างสาวน้อยได้แต่กลอกตามองฟ้า รับห่อขนมนั้นมาแกะกิน พลางเปิดดูกล่องเครื่องประดับ นางแอบอมยิ้มเล็กน้อยพลางก่นด่าตนเองในใจ ‘เพียงแค่เจออดีตสามี เหตุใดต้องใจเต้น’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม